X
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
คู่มือสินค้าเข้าสู่ระบบ
  • อยากท้อง
  • ตั้งครรภ์
    • คำนวณวันคลอด
    • ฉันกำลังตั้งครรภ์
    • ไตรมาสที่ 1
    • ไตรมาสที่ 2
    • ไตรมาสที่ 3
    • Project Sidekicks
    • ตั้งชื่อลูก
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • ลูก
    • ทารกแรกเกิด
    • ทารก
    • เด็กวัยหัดเดิน
    • เด็กก่อนวัยเรียน
    • เด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น และวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ไลฟ์สไตล์
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • ที่เที่ยว
    • เที่ยวไทย
    • เที่ยวต่างประเทศ
    • ที่พัก และ โรงแรม
  • ที่กิน
    • ร้านอร่อย
    • ร้านอร่อยสำหรับเด็ก
    • คาเฟ่
    • เมนูอาหาร
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • TAPpedia
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • อีเว้นท์
    • TAP Awards Winners
    • TAP idol
    • TAP x Safari Largest Treasure Hunt
  • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
  • VIP

โรคไข้ดำแดง ไข้เลือดออก อีสุกอีใส 3 โรคต้องระวังช่วงนี้

บทความ 5 นาที
โรคไข้ดำแดง ไข้เลือดออก อีสุกอีใส 3 โรคต้องระวังช่วงนี้

โรคไข้ดำแดง ไข้เลือดออก อีสุกอีใส สธ.รีบออกโรงเตือน 3 โรคต้องระวังช่วงนี้ พ่อแม่ต้องสังเกตลูก โรงเรียนต้องสอดส่อง

โรคไข้ดำแดง ไข้เลือดออก อีสุกอีใส 3 โรคต้องระวังช่วงนี้

โรคไข้ดำแดง ไข้เลือดออก อีสุกอีใส 3 โรคต้องระวังช่วงนี้ ...โรคแรกที่ต้องระวัง โรคไข้ดำแดง

โรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ตั้งแต่ 1 ม.ค. – 16 ก.พ. 2560 มีผู้ป่วยแล้ว 243 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต ในจำนวนผู้ป่วยทั้งหมดเป็นเด็กช่วงอายุ 1-14 ปี ถึง 224 ราย หรือร้อยละ 92 ส่วนในปี 2559 ที่ผ่านมา มีผู้ป่วยทั้งสิ้น 1,527 ราย และไม่มีผู้เสียชีวิตเช่นกัน วอนผู้ปกครองดูแลบุตรหลาน พร้อมขอความร่วมมือสถานศึกษา โดยเฉพาะศูนย์เด็กเล็ก โรงเรียนระดับอนุบาลและประถมศึกษาตรวจคัดกรองเด็กนักเรียนทุกเช้า

จากกรณีพบเด็กนักเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดสุรินทร์ ป่วยเป็นโรคไข้ดำแดง และมีการหยุดเรียนในบางชั้นเรียนนั้น นายแพทย์เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคไข้ดำแดง เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ชื่อ “สเตรปโตคอคคัสชนิดเอ” ก่อให้เกิดโรคหลายชนิด เช่น คออักเสบ โรคติดเชื้อทางผิวหนัง เป็นต้น

อาการของโรคจะเริ่มจากมีอาการไข้ เจ็บคอ มีผื่นแดงตามลําคอ รักแร้ ลําตัว แขนหรือขา ลักษณะของผื่นเมื่อสัมผัสจะคล้ายกระดาษทราย ใบหน้าแดง ริมฝีปากซีด และอาจมีปื้นขาวที่ลิ้น ซึ่งภายหลังจะลอกออกทําให้ลิ้นมีลักษณะบวมแดง

การป้องกันโรค

  1. ดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ นอนพักผ่อนให้เพียงพอ
  2. หลีกเลี่ยงสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยโรคไข้ดำแดง
  3. สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาหากมีความจำเป็นต้องใกล้ชิดผู้ป่วย
  4. ไม่ใช้สิ่งของร่วมกับผู้ป่วย โดยเฉพาะของใช้ส่วนตัว เช่น ผ้าเช็ดหน้า เครื่องนอน เป็นต้น
  5. ล้างมือบ่อยๆด้วยสบู่ หรือก่อนและหลังสัมผัสผู้ป่วยหรือของใช้ของผู้ป่วย
  6. หลีกเลี่ยงการขยี้ตา แคะจมูกปาก
  7. หากพบเด็กป่วยควรแยกออกจากเด็กปกติทันที
  8. หากพบผู้ป่วยหลายคนควรแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขใกล้บ้าน

 

อีกโรคที่น่าเป็นห่วงไม่แพ้กัน คือโรคไข้เลือดออก

กรมควบคุมโรค พยากรณ์โรคและภัยสุขภาพรายสัปดาห์ ฉบับที่ 97 “เตือนผู้ปกครองดูแลบุตรหลานใกล้ชิด ช่วงปิดเทอมเด็กอยู่บ้าน ระวังยุงลายกัดตอนกลางวัน เสี่ยงป่วยด้วยโรคไข้เลือดออก"

ตั้งแต่ 1 มกราคม - 18 กุมภาพันธ์ มีผู้ป่วยรวม 4,058 คน เสียชีวิต 6 ราย ภาคที่มีผู้ป่วยสูงสุด คือ ภาคใต้ 2,693 ราย หรือร้อยละ 66.4 ของผู้ป่วยทั้งประเทศ กลุ่มที่พบมากสุด คือกลุ่มเด็กและเยาวชน ช่วงอายุ 5 - 24 ปี

นายแพทย์เจษฎา เปิดเผยว่า บางพื้นที่ยังมีฝนตกคาดว่า จะมีโอกาสพบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกเพิ่มมากขึ้น ขอแนะนำประชาชนดูแลตนเอง และบุตรหลานไม่ให้ถูกยุงกัด ช่วยกันกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายในครัวเรือน ด้วยมาตรการ 3 เก็บ “เก็บบ้าน เก็บขยะ เก็บน้ำ” ทำต่อเนื่องทุกสัปดาห์ เพื่อตัดวงจรของลูกน้ำยุงลาย หากบุตรหลานป่วยมีไข้สูงลอย อุณหภูมิร่างกายสูงเกิน 38.5 องศาเซลเซียส เบื่ออาหาร อาเจียน ไม่มีน้ำมูกและไม่ไอ หรือเมื่อทานยาแล้วไข้ไม่ลดลงภายใน 1-2 วัน ให้รีบไปพบแพทย์โดยเร็ว

 

ส่วนโรคสุดท้าย อีสุกอีใสระบาด

สถานการณ์ การระบาดของโรคอีสุกอีใส ในช่วงฤดูหนาวถึงต้นฤดูฝน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 19 กุมภาพันธ์ นายแพทย์โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า พบผู้ป่วยแล้ว 8,064 คน แต่ยังไม่พบผู้เสียชีวิต จึงสั่งให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เฝ้าระวังสถานการณ์ระบาดโดยเฉพาะในสถานที่ที่มีคนอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก เช่น โรงเรียนและศูนย์เด็กเล็ก หากพบเด็กป่วยให้หยุดเรียนจนกว่าจะพ้นระยะการติดต่อ คือแผลแห้งตกสะเก็ดเพื่อเป็นการป้องกันการแพร่เชื้อไปสู่คนอื่นๆ

สำหรับ โรคอีสุกอีใสเกิดจากเชื้อไวรัส ชนิดเดียวกับที่ทำให้เป็นโรคงูสวัด เชื้อจะกระจายตัวอยู่ในอากาศ ติดต่อทางการหายใจเสมหะ น้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วย การใช้สิ่งของร่วมกับผู้ป่วย การคลุกคลีใกล้ชิด สัมผัสน้ำเหลืองจากตุ่มพองใสที่ผิวหนังของผู้ป่วย

การป้องกันโรค

  • ทำได้โดยล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่หรือแอลกอฮอล์เจล
  • ใช้กระดาษทิชชู่หรือผ้าเช็ดหน้า ปิดปากปิดจมูกทุกครั้งเวลาไอ จาม
  • หลีกเลี่ยงสถานที่มีคนอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก ไม่คลุกคลีใกล้ชิด และไม่ใช้สิ่งของร่วมกับผู้ป่วย

 

ด้วยอากาศที่เปลี่ยนแปลง ก่อให้เกิดโรคภัยได้ง่ายสำหรับลูก พ่อแม่ต้องเฝ้าระวัง หัดสังเกตลูกรักให้ดีๆ เมื่อมีอาการผิดปกติ ต้องรีบไปพบแพทย์

 

ที่มา : riskcomthai.org และ thaich8.com

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ลูกเกือบเสียชีวิตเพราะหมอวินิจฉัยผิด คิดว่าเป็นโรคอีสุกอีใส

สิ้นสุดการรอคอย วัคซีนไข้เลือดออก ถึงเมืองไทยแล้ว!

 

บทความจากพันธมิตร
พ่อแม่เป็นภูมิแพ้ สาเหตุสำคัญของ ภูมิแพ้ในเด็ก ที่อาจถูกมองข้ามไป
พ่อแม่เป็นภูมิแพ้ สาเหตุสำคัญของ ภูมิแพ้ในเด็ก ที่อาจถูกมองข้ามไป
ปกป้องคนที่คุณรักให้ปลอดภัย ห่างไกลจาก RSV โควิด และ ฝุ่น PM 2.5 ด้วยเครื่องฟอกอากาศ Bwell
ปกป้องคนที่คุณรักให้ปลอดภัย ห่างไกลจาก RSV โควิด และ ฝุ่น PM 2.5 ด้วยเครื่องฟอกอากาศ Bwell
หยุดความเชื่อผิดๆ : ผิวเด็กไม่ได้ฟื้นฟูได้ไว เป็นแผลห้ามปล่อยไว้ให้หายเอง
หยุดความเชื่อผิดๆ : ผิวเด็กไม่ได้ฟื้นฟูได้ไว เป็นแผลห้ามปล่อยไว้ให้หายเอง
จัดฟันแบบใส สร้างโลกสดใสให้เด็ก ๆ มีรอยยิ้มสวยมั่นใจได้มากกว่าที่คิด
จัดฟันแบบใส สร้างโลกสดใสให้เด็ก ๆ มีรอยยิ้มสวยมั่นใจได้มากกว่าที่คิด

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

Follow us on:
facebook-logo instagram-logo tiktok-logo
img
บทความโดย

Tulya

  • หน้าแรก
  • /
  • เจ็บป่วย
  • /
  • โรคไข้ดำแดง ไข้เลือดออก อีสุกอีใส 3 โรคต้องระวังช่วงนี้
แชร์ :
  • ไข้เลือดออก : โรคร้ายที่ไม่ควรมองข้าม โรคยอดฮิตหน้าฝน

    ไข้เลือดออก : โรคร้ายที่ไม่ควรมองข้าม โรคยอดฮิตหน้าฝน

  • 400 ชื่อเล่นไทยๆ แต่เก๋ ใช้ได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ชื่อเล่นไทยๆ ในปี 2023

    400 ชื่อเล่นไทยๆ แต่เก๋ ใช้ได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ชื่อเล่นไทยๆ ในปี 2023

  • ลูกไม่ยอมพูด เป็นเพราะอะไร จะเป็นเด็กพัฒนาการช้าไหม ทำอย่างไรให้ลูกพูด

    ลูกไม่ยอมพูด เป็นเพราะอะไร จะเป็นเด็กพัฒนาการช้าไหม ทำอย่างไรให้ลูกพูด

  • ไข้เลือดออก : โรคร้ายที่ไม่ควรมองข้าม โรคยอดฮิตหน้าฝน

    ไข้เลือดออก : โรคร้ายที่ไม่ควรมองข้าม โรคยอดฮิตหน้าฝน

  • 400 ชื่อเล่นไทยๆ แต่เก๋ ใช้ได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ชื่อเล่นไทยๆ ในปี 2023

    400 ชื่อเล่นไทยๆ แต่เก๋ ใช้ได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ชื่อเล่นไทยๆ ในปี 2023

  • ลูกไม่ยอมพูด เป็นเพราะอะไร จะเป็นเด็กพัฒนาการช้าไหม ทำอย่างไรให้ลูกพูด

    ลูกไม่ยอมพูด เป็นเพราะอะไร จะเป็นเด็กพัฒนาการช้าไหม ทำอย่างไรให้ลูกพูด

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
    • ก่อนตั้งครรภ์
    • การคลอด
    • ระยะการตั้งครรภ์
    • การคลอด
  • พัฒนาการลูก
    • ทารก
    • เด็กก่อนเข้าเรียน
    • ช่วงวัยของเด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • การวางแผนการเงิน
    • การเลี้ยงลูก
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • ระยะการตั้งครรภ์
    • ไตรมาส 1
    • ไตรมาส 2
    • ไตรมาส 3
    • นมแม่และนมผง
  • โภชนาการ
    • สินค้าเด็ก
    • นมผง
    • เมนูอาหาร
    • สินค้าแม่
  • เพิ่มเติม
    • TAP สังคมออนไลน์
    • ติดต่อโฆษณา
    • ติดต่อเรา
    • Influencer Marketing (KOL)
    • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Sri-Lanka flag Sri Lanka
  • India flag India
  • Vietnam flag Vietnam
  • Australia flag Australia
  • Japan flag Japan
  • Nigeria flag Nigeria
  • Kenya flag Kenya
© Copyright theAsianparent 2023. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

theAsianparent heart icon
เราต้องการส่งแจ้งเตือนข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการดูแลทารกและสุขภาพไปให้กับคุณ