งานวิจัยที่น่าสนใจมากชิ้นหนึ่งจาก Boston College ได้ศึกษาครอบครัวหลายรุ่นและพบความจริงที่น่าทึ่งว่า เด็กที่ใกล้ชิดกับปู่ย่าตายาย มีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะซึมเศร้าในอนาคตต่ำกว่าเด็กกลุ่มอื่นถึง 30%!
ตัวเลข 30% นี้ คือข้อพิสูจน์ว่าสายใยรักจากปู่ย่าตายาย ช่วยสร้างเกราะป้องกันทางอารมณ์ให้ลูกของเราแข็งแกร่งจากภายใน บทความนี้ จะให้คำแนะนำว่า เราในฐานะพ่อแม่ จะช่วยส่งเสริมให้ลูกเราเป็น เด็กที่ใกล้ชิดกับปู่ย่าตายาย และได้รับประโยชน์สูงสุดจากความสัมพันธ์นี้ได้อย่างไร
3 พลังพิเศษที่ เด็กที่ใกล้ชิดกับปู่ย่าตายายจะได้รับ
วิทยาศาสตร์และจิตวิทยาพัฒนาการได้ค้นพบกลไกเบื้องหลังที่ทำให้ความสัมพันธ์นี้ทรงพลังอย่างยิ่งค่ะ เราขอสรุปเป็น 3 พลังพิเศษที่เข้าใจง่ายๆ ดังนี้ค่ะ
1. ความมั่นคงทางใจ
บ้านของปู่ย่าตายายมักเป็นเหมือน “เซฟโซน” ที่กฎระเบียบต่างๆ ดูจะผ่อนคลายลง เด็กจะรู้สึกว่าเขาสามารถเป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่ สามารถงอแง ผิดพลาด หรืออ่อนแอได้ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกตัดสินหรือถูกรักน้อยลง
มีงานวิจัยที่ตรวจวัด ระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความเครียดในร่างกายเด็ก พบว่าเด็กที่ได้ใช้เวลาคุณภาพกับปู่ย่าตายาย มีระดับฮอร์โมนนี้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ นี่คือหลักฐานที่จับต้องได้ว่าอ้อมกอดและคำพูดปลอบโยนของท่าน ช่วยลดความเครียดให้ลูกเราได้จริงๆ ค่ะ
2. ทักษะทางสังคม
คุณพ่อคุณแม่คือโค้ชที่สอนกฎกติกาของชีวิต แต่คุณปู่คุณย่ามักจะเป็นต้นแบบ (Role Model) ที่สอนเรื่องทักษะการใช้ชีวิตและอารมณ์ผ่านการกระทำจริงๆ ค่ะ เด็กๆ เรียนรู้จากการสังเกตและเลียนแบบ ซึ่งเป็นหัวใจของทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคม (Social Learning Theory)
- ความอดทน: ลูกเรียนรู้ความอดทนจากการรอคุณย่าค่อยๆ ปอกและหั่นผลไม้อย่างสวยงาม หรือรอคุณปู่ค่อยๆ ตัดแต่งกิ่งไม้ ดูแลสวนอย่างใจเย็น
- ความเห็นอกเห็นใจ (Empathy): ลูกเรียนรู้ความเห็นอกเห็นใจเมื่อเห็นคุณปู่คุณย่าดูแลเอาใจใส่กัน หรือเมื่อท่านปลอบโยนเวลาที่ลูกเสียใจ
- การแก้ปัญหา: ลูกเรียนรู้การแก้ปัญหาอย่างสุขุมเมื่อเห็นท่านค่อยๆ ซ่อมของเล่นที่พัง แทนที่จะหัวเสียแล้วทิ้งไป
สอดคล้องกับงานวิจัยจาก University of Oxford ที่พบว่า เด็กที่ใกล้ชิดกับปู่ย่าตายาย จะมี พฤติกรรมช่วยเหลือผู้อื่น และมีปัญหากับเพื่อนที่โรงเรียนน้อยลง เพราะพวกเขาได้ซึมซับทักษะทางอารมณ์และสังคม (EQ) มาโดยไม่รู้ตัวนั่นเองค่ะ
3. ตัวตนที่แข็งแรง
เด็กๆ ทุกคนมีคำถามลึกๆ ในใจว่า “หนูเป็นใคร?” “ครอบครัวของเรามาจากไหน?” การได้ฟังเรื่องเล่าว่าสมัยก่อนคุณพ่อเราเป็นเด็กแบบไหน คุณแม่ชอบเล่นอะไร หรือบ้านเก่าของเราเคยเป็นอย่างไร ช่วยให้เด็กๆ สร้างภาพต่อของชีวิตและรากเหง้าของตัวเองขึ้นมา
การรับรู้เรื่องราวเหล่านี้ช่วยสร้าง ความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่ง (Sense of Belonging) และความภาคภูมิใจในตนเอง (Self-Esteem) เด็กที่รู้ว่าตัวเองมีที่มาที่ไป จะมีตัวตนที่แข็งแรง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการรับมือกับความสับสนในช่วงวัยรุ่นต่อไป

เคล็ดลับส่งเสริมให้ลูกเราเป็น เด็กที่ใกล้ชิดกับปู่ย่าตายาย
แม้ว่าสายสัมพันธ์นี้จะดีงามแค่ไหน แต่ในชีวิตจริง ช่องว่างระหว่างวัย ก็เป็นปัญหาที่เลี่ยงได้ยาก กับความจู้จี้ขี้บ่น ที่หลายบ้านคุ้นเคย เช่น
“อย่าให้กินน้ำแข็ง เดี๋ยวไอ!” “ดูแท็บเล็ตมากไปแล้ว เดี๋ยวสายตาสั้น!” “เด็กสมัยนี้เลี้ยงยากจริง!”
ความขัดแย้งเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้อาจบั่นทอนความสัมพันธ์ได้หากเราจัดการไม่ดี ในฐานะพ่อแม่ เราคือคนกลางที่จะทำให้ความสัมพันธ์นี้ราบรื่น เพื่อให้ลูกเราได้กลายเป็น เด็กที่ใกล้ชิดกับปู่ย่าตายาย อย่างมีความสุขค่ะ
-
กำหนดบทบาทให้ชัดเจน
สื่อสารกับคุณปู่คุณย่าด้วยความรักและเคารพว่า เราคือโค้ชหลักในการเลี้ยงลูก และท่านคือทีมสนับสนุนที่สำคัญ ในเรื่องที่สำคัญจริงๆ เช่น ความปลอดภัย อาหารการกิน เราต้องขอให้ท่านทำตามแนวทางของเรา แต่ในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่น การยอมให้หลานกินขนมเพิ่มหนึ่งชิ้น หรือการเล่นเลอะเทอะบ้าง เราอาจต้องปล่อยวางและยืดหยุ่น เพื่อให้ท่านได้มีวิธีการแสดงความรักในแบบของตัวเอง
-
สร้างกิจกรรม 3 รุ่น
อย่าเพียงแค่ฝากหลาน แต่ควรสร้างเวลาคุณภาพร่วมกัน ลองจัดกิจกรรมง่ายๆ ที่ทุกคนทำด้วยกันได้ เช่น ชวนคุณย่ามาทำขนมง่ายๆ ให้คุณปู่สอนลูกปลูกต้นไม้ หรือแค่ล้อมวงกันเปิดอัลบั้มรูปเก่าๆ แล้วให้ท่านเล่าเรื่องให้ฟัง กิจกรรมเหล่านี้คือการสร้างความทรงจำร่วมกัน ที่จะอยู่ในใจของลูกไปตลอดชีวิต
-
ใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์
สำหรับบ้านที่อยู่ไกลกัน เทคโนโลยีคือสะพานที่ดีที่สุด ตั้งเวลาวิดีโอคอลให้ลูกได้เล่าเรื่องที่โรงเรียนให้คุณปู่คุณย่าฟัง ให้ท่านอ่านนิทานผ่านหน้าจอ หรือให้ลูกส่งรูปวาดไปให้ท่านดู สิ่งเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ช่วยรักษาความผูกพันให้คงอยู่เสมอ
-
เป็นนักแปลที่ดี
บางครั้งคำบ่นของท่านก็มาจากความรักและความเป็นห่วง แต่ท่านอาจสื่อสารไม่ตรงกับใจเรา ให้เราลองทำหน้าที่เป็นนักแปลดูค่ะ เช่น ถ้าคุณย่าบ่นว่า “ทำไมหลานตัวเล็กจัง เลี้ยงยังไงเนี่ย” แทนที่จะน้อยใจ ให้เราลองแปลในใจ (หรือพูดกับสามี) ว่า “คุณย่าเป็นห่วงหลานจังเลย ท่านอยากให้หลานแข็งแรง” การเปลี่ยนมุมมองแค่นิดเดียว จะช่วยลดความขัดแย้งทางอารมณ์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ

3 คำถามยอดฮิตที่คุณแม่มักจะกังวลใจ
-
คุณปู่คุณย่าตามใจหลานมาก จนกฎระเบียบที่บ้านพังหมดเลยค่ะ ทำอย่างไรดี?
นี่คือปัญหาคลาสสิกเลยค่ะ! ลองใช้เทคนิคคุยกันนอกรอบ อย่าพูดคุยหรือตำหนิท่านต่อหน้าหลานเด็ดขาด รอจังหวะที่อยู่กันสองต่อสอง แล้วเริ่มด้วยความเข้าใจ เช่น “แม่ทราบว่าคุณย่ารักน้องมากเลยนะคะ แต่ตอนนี้หนูกำลังฝึกให้น้องเก็บของเล่นเองหลังเล่นเสร็จ เลยอยากจะขอความร่วมมือคุณย่าช่วยสนับสนุนกฎนี้ของบ้านเราหน่อยได้ไหมคะ” การกำหนดกฎบ้านย่า ที่ผ่อนคลายกว่าเล็กน้อย เช่น กินขนมได้ 1 ชิ้นหลังอาหารเย็น ก็เป็นวิธีประนีประนอมที่ดีค่ะ
-
ถ้าความสัมพันธ์ของเรากับปู่ย่าของลูก ไม่ค่อยดี จะส่งผลเสียต่อลูกไหม?
เด็กรับรู้ความตึงเครียดระหว่างผู้ใหญ่ได้ไวนะคะ สิ่งสำคัญที่สุดคือ ห้ามดึงเด็กลงสนามรบค่ะ ไม่ว่าเราจะมีความขัดแย้งกับท่านแค่ไหน พยายามอย่างที่สุดที่จะไม่พูดถึงท่านในแง่ลบให้ลูกฟัง และส่งเสริมให้ลูกได้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับปู่ย่าในแบบของเขาเอง ความรักที่ท่านมีให้หลานเป็นเรื่องจริงและเป็นสิ่งที่ดีสำหรับลูกเราค่ะ
-
เราอยู่ไกลกันมาก นานๆ จะได้เจอกันที จะสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นได้อย่างไร?
คุณภาพสำคัญกว่าปริมาณค่ะ นอกจากการวิดีโอคอลแล้ว ลองสร้าง “กล่องสมบัติคุณย่า” ที่บ้านดูไหมคะ ในกล่องมีรูปถ่ายของคุณปู่คุณย่า ของที่ท่านเคยให้ หรือของที่มีกลิ่นอายของท่าน เวลาคิดถึงก็หยิบมาดูมาเล่าเรื่องให้ลูกฟัง การส่งการ์ดหรือรูปวาดที่ลูกทำเองไปให้ท่านเป็นประจำ ก็เป็นวิธีบอกรักที่ทรงพลังมากเช่นกันค่ะ
การเลี้ยงลูกในยุคนี้มีเรื่องให้ต้องคิดมากมายเหลือเกิน แต่หนึ่งในการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดและไม่ต้องใช้เงินเลย คือการลงทุนสร้างและรักษาความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างลูกของเรากับปู่ย่าตายายค่ะ การส่งเสริมให้ลูกเป็น เด็กที่ใกล้ชิดกับปู่ย่าตายาย คือการสร้างรากฐานของหัวใจที่แข็งแกร่งที่สุดให้แก่ลูก
แหล่งอ้างอิง: Cambridge.org
บทความที่เกี่ยวข้อง
เลี้ยงลูกเอง VS ฝากปู่ย่าตายายเลี้ยง แบบไหนดีกว่ากัน?
10 เรื่องที่ไม่ควรตามใจลูก อย่าเลี้ยงลูกแบบนี้! ทำร้ายลูกทางอ้อม
วิธีเลี้ยงลูก Gen Beta ต้องปลูกฝัง 6 ทักษะสำคัญนี้ให้ลูก
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!