แม้ว่าเด็กทารกนั้นจะน่ารัก น่ากอด น่าหอม น่าฟัด แค่ไหน แต่การหอมทารกแรกเกิดมักจะมาพร้อมกับอันตรายมากมายที่ไม่ควรเสี่ยง ดังเช่นอุทาหรณ์ที่คุณแม่ท่านหนึ่งได้แชร์ผ่านเฟซบุ๊ค ลูกติดเชื้อจากการหอมแก้ม จนต้องเข้าไอซียู มีข้อความดังนี้
อยากมาแชร์ประสบการณ์น้องนัสรีนวัย1เดือน
สิ่งที่หมอคอยเตือนเรื่องห้ามหอมห้ามให้ใครจับเด็กยังเล็กยังไม่มีภูมิคุ้มกัน…
แม่คอยระวังทุกอย่างและแล้วมันก็เกิดขึ้น…
เริ่มจากมีผื่นเล็กๆ และพี่สาวเขาเอานิ้วไปแกะที่ผื่นบนหน้าน้อง และพ่อน้องก็หอม พี่สาวก็หอม แม่คิดว่าเชื้อโรคน่าจะเข้าทางผื่น
แค่คืนเดียวจากผื่นเล็กๆ ได้แพร่กระจายไปทั้งหน้าทำให้เกิดการอักเสบและติดเชื้อจนช็อค…
แม่พาน้องส่งรพ.หมอบอกว่าน้องช็อคจากอาการติดเชื้อรุนแรง เชื้อได้ขึ้นไปที่สมองไปที่เยื่อหุ้มหัวใจและปอดและติดเชื้อในกระแสเลือด..น้องเกือบไม่รอด

หมอให้ยากระตุ้นความดัน ยากระตุ้นหัวใจ ยาฆ่าเชื้อ 3 ตัว ให้เลือดอีกหลายถุง…
หมอได้เก็บเลือดเก็บน้ำจากไขสันหลังไปตรวจแต่ไม่ขึ้นเชื้อใดๆ สิ่งที่แม่สงสัยคือ ไม่ขึ้นผลว่าเป็นเชื้อตัวไหน แต่ทำไมมันรุนแรงได้มากขนาดนี้ น้องไม่ได้โดนแมงอะไรกัด น้องไม่ได่เป็นเริม ไม่ได้เป็นมือเท้าปาก หมอบอกว่า ติดเชื้อผิวหนัง…
แม่ที่เฝ้าระวังทุกอย่างเรื่องให้คนอื่นมาหอมมาจับแต่สุดท้ายแม่ก็ยังพลาดและเกือบเสียน้องไป
แต่ตอนนี้น้องอาการดีขึ้น แต่ยังไม่พ้นวิกฤต น้องไม่สามารถดูดนมเองได้ เพราะลิ้นบวมต้องให้นมทางสายยาง จากผื่นเล็กๆ บนใบหน้า แม่ก็ไม่คิดว่ามันจะลามจนติดเชื้อรุนแรงได้มากขนาดนี้
ฝากเป็นอุทาหรณ์ให้แม่ที่มีลูกเล็กทุกคนนะคะ อย่าให้ใครหอมลูกเราไม่ว่าคนนั้นจะเป็นพ่อหรือเป็นพี่หรือแม้แต่ตัวแม่เอง เพราะเด็กเล็กเขาไม่มีภูมิต้านทาน เป็นอะไรมามันจะรุนแรงและอาจถึงแก่ชีวิตได้...ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ…

มาอัพเดทอาการน้องนัสรีนที่ติดเชื้อผิวหนังจากการหอมและการสัมผัสบนใบหน้า
ตอนนี้น้องหายดีแล้วนะค่ะ หมอบอกให้ระวังอย่าหอมและอย่าสัมผัสใบหน้าน้องถ้ามือสกปรก...
กว่าจะผ่านมาได้นอนไอซียูเด็กอยู่ 13 วันเต็มๆ..
ตอนนี้น้องหายดีแล้วนะคะ ขอบคุณทุกคอมเม้นทุกกำลังใจที่ส่งให้น้องด้วยนะคะ
theAsianparent ขอขอบคุณ คุณแม่ที่อนุญาตให้เราแบ่งปันเรื่องราวอุทาหรณ์นี้ เพื่อเป็นประโยชน์แก่คุณแม่ท่านอื่นๆ นะคะ และขอให้น้องสุขภาพแข็งแรง ห่างไกลโรคภัยตลอดไปค่ะ

8 โรคติดเชื้อที่มาจากการหอมแก้มทารก
สาเหตุหลักที่การหอมแก้มเด็กทารกเป็นเรื่องอันตราย เนื่องจาก ระบบภูมิคุ้มกันของทารกยังพัฒนาไม่เต็มที่ โดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนแรก ทำให้เชื้อโรคที่อาจไม่รุนแรงในผู้ใหญ่ สามารถก่อให้เกิดการเจ็บป่วยที่รุนแรงและเป็นอันตรายถึงชีวิตในทารกได้ค่ะ
-
สามารถทำให้ทารกป่วยหนักได้อย่างรวดเร็ว หากไวรัสแพร่กระจายเข้าสู่อวัยวะต่างๆ ของร่างกาย (systemic) อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ โดยเฉพาะทารกในช่วง 4 สัปดาห์แรกหลังคลอดจะมีความเสี่ยงสูงที่สุด
-
เชื้อแบคทีเรียสเตรปโตค็อกคัสกลุ่มบี (Group B Streptococci - GBS)
ในทารก สามารถทำให้เกิดการติดเชื้อที่รุนแรงได้ เช่น ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด (sepsis), ปอดบวม (pneumonia) และเยื่อหุ้มสมองอักเสบ (meningitis)
-
เชื้อแบคทีเรียอีโคไล (E. coli)
ในทารก สามารถก่อให้เกิดการติดเชื้อรุนแรงได้ เช่น ปอดบวม, เยื่อหุ้มสมองอักเสบ และภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งล้วนมีผลลัพธ์ที่ร้ายแรงได้
-
ไวรัส RSV (Respiratory Syncytial Virus)
เป็นสาเหตุสำคัญของโรคหลอดลมฝอยอักเสบ (bronchiolitis) และ ปอดบวม (pneumonia) สามารถทำให้ทารกมีอาการป่วยรุนแรง หายใจลำบาก หายใจมีเสียงหวีด และอาจต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เนื่องจากทารกมีทางเดินหายใจที่เล็กมาก การอักเสบเพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้เกิดการอุดกั้นและหายใจล้มเหลวได้
-
สำหรับทารกแรกเกิดที่ไม่มีภูมิคุ้มกัน (คุณแม่ไม่เคยเป็นหรือไม่เคยฉีดวัคซีน) การติดเชื้ออีสุกอีใสเป็นอันตรายอย่างยิ่ง อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ปอดบวม, สมองอักเสบ (encephalitis) หรือการติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนังแทรกซ้อน
-
โรคติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนัง (เช่น โรคพุพอง - Impetigo)
เมื่อเชื้อสัมผัสกับผิวบอบบางของทารกผ่านการหอมหรือสัมผัส อาจทำให้เกิดโรคพุพอง (Impetigo) ซึ่งเป็นตุ่มน้ำใสหรือตุ่มหนองที่ผิวหนัง หากไม่ได้รับการรักษา เชื้ออาจลุกลามและทำให้เกิดการติดเชื้อที่รุนแรงขึ้นในกระแสเลือดได้
-
ทารกที่ยังไม่ถึงวัยรับวัคซีน (เข็มแรกตอนอายุ 9-12 เดือน) มีความเสี่ยงสูงมากที่จะติดเชื้อและเกิดภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายถึงชีวิต เช่น ปอดบวม, สมองอักเสบ ซึ่งอาจทำให้เกิดความพิการถาวรหรือเสียชีวิตได้
-
โรคมือ เท้า ปาก (Hand, Foot, and Mouth Disease)
เป็นโรคที่พบบ่อยในทารกและเด็กเล็ก ทำให้เกิดแผลในปาก และมีผื่นหรือตุ่มน้ำใสขึ้นบริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า และลำตัว แผลในปากอาจทำให้ทารกเจ็บปวดจนไม่ยอมดูดนมหรือกินอาหาร ซึ่งเสี่ยงต่อภาวะขาดน้ำได้
นอกจากโรคติดเชื้อแล้ว การหอมหรือสัมผัสสามารถถ่ายทอดสารก่อภูมิแพ้ต่างๆ ไปยังผิวที่บอบบางของทารกได้ ซึ่งอาจกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ เช่น ผื่นแดง, ลมพิษ หรืออาการแพ้อื่นๆ เนื่องจากเรายังไม่สามารถทราบได้ว่าทารกแพ้สารอะไรบ้าง
เห็นไหมคะว่า ลูกติดเชื้อจากการหอมแก้ม นั้นอันตรายมากกว่าที่คิด และการห้ามหอม ห้ามจูบไม่ได้จำกัดเฉพาะคนอื่นเท่านั้น คนใกล้ชิดอย่างพ่อแม่พี่น้อง ล้วนมีความเสี่ยงที่จะส่งผ่านเชื้อโรคให้กับทารกได้ทั้งนั้นค่ะ

วิธีแสดงความรักต่อทารกแรกเกิดอย่างปลอดภัย
สำหรับคุณพ่อคุณแม่
งดการหอมแก้มทารกที่มีอายุต่ำกว่า 3 เดือน และไม่ต้องรู้สึกเกรงใจที่จะขอให้แขกที่มาเยี่ยม งดการหอมแก้มหรือสัมผัสตัวลูกน้อยเช่นกัน การทำเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องที่ทำเกินกว่าเหตุ แต่เป็นการปกป้องลูกจากความเสี่ยงในการติดเชื้ออย่างดีที่สุด
สำหรับผู้ที่มาเยี่ยม
หากต้องการแสดงความรักต่อทารกอย่างปลอดภัยและลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อโรค ควรปฏิบัติดังนี้
- ล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง ก่อนสัมผัสตัวทารก
- หลีกเลี่ยงการหอมที่ปากหรือใบหน้า แต่ให้เปลี่ยนไปหอมที่เท้าหรือหลังศีรษะแทน
- หากคุณกำลังป่วย (ไม่ว่าจะเป็นหวัด มีไข้ หรือติดเชื้อใดๆ) ควรพิจารณาเลื่อนการเยี่ยมออกไปก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าทารกอายุต่ำกว่า 1 เดือน
- หากมีแผลเริมที่ปาก จะต้องปิดแผลให้มิดชิด หรือทางที่ดีที่สุดคือหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้ทารกไปเลย
- หากป่วยแต่จำเป็นต้องไปเยี่ยมจริงๆ ควรสวมหน้ากากอนามัย และพยายามอย่าเข้าใกล้ทารกมากเกินไป โดยเฉพาะถ้ามีอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ หรือจาม
สิ่งที่ต้องจำไว้เสมอคือ ทารกแรกเกิดนั้นเปราะบางต่อเชื้อโรคอย่างมาก แม้ว่าการหอมจะเป็นการแสดงความรัก แต่ก็อาจทำให้ทารกป่วยหนักได้โดยไม่ตั้งใจ ซึ่งคงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นค่ะ
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
อันตรายจากการหอมแก้มเด็ก แม่โพสต์เตือน อย่าให้ใครหอมลูก ไม่งั้นจะเป็นเหมือนบ้านนี้
2 พื้นฐานสำคัญในการดูแลทารก คู่มือสำหรับพ่อแม่มือใหม่ ที่คุณอาจไม่เคยรู้
10 ความลับของทารก สิ่งที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน เกี่ยวกับลูกน้อยแรกเกิด
ที่มา: gavi.org , drnozebest.com , manageronline.com
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!