ลูกบ้านไหนเป็นแบบนี้บ้างคะ? รู้ว่าควรหยุด เช่น รอคิว อย่าพูดแทรก หยุดวิ่ง ลูกรักพยักหน้ารับรู้ หรือตอบกลับมาว่า “หนูรู้แล้วค่ะ/ครับ ต่อไปจะไม่ทำอีก” แต่เอาเข้าจริงก็ยังทำเหมือนเดิม หยุดไม่ได้ รอไม่ได้ จนเราท้อใจและคิดว่า “ลูกดื้อหรือเปล่า?” จริงๆ แล้วพฤติกรรม “รู้แต่ทำไม่ได้” นี้ไม่ใช่การต่อต้าน หรือแปลว่าลูกดื้อนะคะ แต่เป็นสัญญาณว่าสมองส่วนการควบคุมตนเองของลูกยังต้องการการฝึกฝน เรามาเรียนรู้วิธี ฝึกลูกควบคุมตัวเอง อย่างเข้าใจ เพื่อสร้างทักษะสมองที่สำคัญนี้ให้แข็งแรงไปพร้อมกันค่ะ
ทำความรู้จัก ทักษะสมอง EF
Executive Functions หรือ EF ซึ่งเป็นกลุ่มทักษะระดับสูงที่ทำงานอยู่ในสมองส่วนหน้า (Prefrontal Cortex) ทักษะสมอง EF เปรียบเสมือน CEO ของสมอง ทำหน้าที่สำคัญ 3 ประการคือ:
- การยั้งคิดไตร่ตรอง (Inhibitory Control): นี่คือพลังเบรก ที่สำคัญที่สุด คือความสามารถในการหยุดตัวเองจากสิ่งเร้า ไม่ให้ทำอะไรตามใจอยากทันที เช่น การหยุดตัวเองไม่ให้พูดแทรกเมื่อคนอื่นกำลังพูด หรือการหยุดวิ่งเมื่อคุณครูบอกให้หยุด พลังเบรกนี้คือหัวใจของการ ฝึกลูกควบคุมตัวเอง เลยค่ะ
- ความจำเพื่อใช้งาน (Working Memory): คือความสามารถในการเก็บข้อมูลไว้ในหัวชั่วครู่เพื่อนำมาใช้ทันที เช่น การจำกฎกติกาของเกมที่เพิ่งฟังไป หรือจำได้ว่าแม่เพิ่งบอกว่า “ห้ามวิ่งในบ้าน”
- การคิดยืดหยุ่น (Cognitive Flexibility): คือความสามารถในการปรับเปลี่ยนความคิดและแผนการเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป เช่น เมื่อของเล่นที่อยากได้มีคนอื่นเล่นอยู่ ก็สามารถเปลี่ยนไปเล่นอย่างอื่นแทนได้โดยไม่อาละวาด
เด็กที่มีพฤติกรรม “รู้แต่ทำไม่ได้” ไม่ใช่เพราะไม่มีความรู้ แต่เป็นเพราะ EF ของเขายังเป็นเหมือนเด็กฝึกงาน ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่ง เขารู้ว่าอะไรควรทำ แต่ยังขาดประสบการณ์ในการควบคุมร่างกายและอารมณ์ให้ได้ดั่งใจ
ข้อมูลจาก ศูนย์พัฒนาการเด็ก มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Center on the Developing Child at Harvard University) ซึ่งเป็นสถาบันชั้นนำด้านพัฒนาการเด็ก ยืนยันว่าสมองส่วนหน้านี้เป็นส่วนที่ใช้เวลาในการพัฒนาจนสมบูรณ์ยาวนานที่สุด อาจจะถึงช่วงอายุ 25 ปีเลยทีเดียว! ดังนั้น การที่เด็กเล็กๆ จะยังมีปัญหาด้านการควบคุมตนเองจึงเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ตามหลักพัฒนาการ ไม่ใช่ความผิดของเขาหรือของคุณแม่เลยค่ะ
4 สาเหตุหลัก ที่ทำให้ลูก “เบรกตัวเอง” ไม่ทัน
เมื่อเข้าใจเรื่องสมองแล้ว เรามาดูกันค่ะว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้การ ฝึกลูกควบคุมตัวเอง เป็นเรื่องท้าทาย
-
EF ยังเติบโตไม่เต็มที่
นี่คือเหตุผลหลักตามธรรมชาติ พัฒนาการ EF ของเด็กแต่ละคนมีจังหวะของตัวเอง เหมือนกับที่เด็กบางคนเดินเร็วกว่าเพื่อน บางคนพูดเร็วกว่าเพื่อน การที่ลูกควบคุมตัวเองได้ไม่ดีเท่าเด็กคนอื่นในวัยเดียวกัน อาจเป็นเพียงเพราะสมองของเขายังต้องการเวลาอีกสักหน่อย
-
ระบบประสาทไวต่อสิ่งเร้าเป็นพิเศษ
เด็กบางคน โดยเฉพาะกลุ่มที่มีแนวโน้มภาวะสมาธิสั้น (ADHD) จะมีระบบประสาทที่ไวต่อสิ่งกระตุ้นรอบตัว ทั้งภาพ เสียง หรือสัมผัส ส่งผลให้วอกแวกง่ายและพลังในการเบรกตัวเองน้อยกว่าเด็กคนอื่น ข้อมูลจาก ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) ระบุว่า อาการหุนหันพลันแล่น (Impulsivity) หรือการทำอะไรโดยไม่ยั้งคิด เป็น 1 ใน 3 อาการหลักของ ADHD

-
สมองส่วนอารมณ์ทำงานหนัก
เมื่อลูกมีความเครียด ความกังวลสะสมจากการถูกดุบ่อยๆ การถูกเปรียบเทียบ หรือมีเรื่องไม่สบายใจที่โรงเรียน สมองส่วนอารมณ์ (Amygdala) จะทำงานอย่างหนัก จนไปรบกวนการทำงานของ EF ทำให้เด็กควบคุมตัวเองได้ยากยิ่งขึ้น
-
ขาดชั่วโมงบินในการฝึกฝน
การควบคุมตนเองเป็นทักษะที่ต้องฝึกฝนเหมือนการปั่นจักรยานหรือว่ายน้ำ หากลูกไม่ค่อยมีโอกาสได้ฝึก “รอ-หยุด-คิด” อย่างสม่ำเสมอในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย กล้ามเนื้อสมองส่วนนี้ก็ย่อมไม่แข็งแรงเป็นธรรมดา การ ฝึกลูกควบคุมตัวเอง จึงต้องอาศัยการทำซ้ำๆ อย่างเข้าใจ
6 เคล็ดลับปั้น EF ฝึกลูกควบคุมตัวเอง ทำได้ทุกวัน
EF เป็นทักษะที่ฝึกฝนและพัฒนาได้! การ ฝึกลูกควบคุมตัวเอง ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องเครียดหรือน่าเบื่อ แต่เราสามารถสอดแทรกการฝึกฝนนี้เข้าไปในกิจวัตรประจำวันและการเล่นได้อย่างสนุกสนาน
1. สื่อสารให้สั้น-ชัด-ทันเวลา
เวลาที่ลูกกำลังจะวิ่ง หรือกำลังจะพูดแทรก สมองของเขากำลังพุ่งไปข้างหน้า ไม่มีประโยชน์ที่จะเทศนาหรืออธิบายเหตุผลยืดยาว
- เปลี่ยนจาก: “หนูวิ่งอีกแล้วนะลูก แม่บอกกี่ครั้งแล้วว่าในบ้านห้ามวิ่ง เดี๋ยวก็หกล้มหัวแตกหรอก แล้วพื้นก็เพิ่งถูมาด้วยนะ!”
- เป็น: “หยุด” (พูดด้วยน้ำเสียงสงบแต่หนักแน่น) พร้อมกับยื่นมือไปข้างหน้าเป็นสัญญาณ หรือเดินเข้าไปแตะตัวเขาเบาๆ เพื่อช่วยให้ร่างกายเขาหยุดจริงๆ เมื่อเขาหยุดได้แล้ว ค่อยอธิบายเหตุผลสั้นๆ ว่า “เราเดินในบ้านกันนะลูก”
2. สร้าง “ปุ่มหยุดคิด” ให้สมอง
สอนเทคนิคง่ายๆ ให้ลูกรู้จักสร้างช่องว่างระหว่าง “สิ่งเร้า” กับ “การตอบสนอง”
- นับ 1-3: ก่อนที่ลูกจะตอบคำถามคุณครู หรือก่อนจะหยิบของเล่นที่เพื่อนกำลังจะหยิบ ให้ฝึกนับ 1-3 ช้าๆ ในใจ นี่คือเวลาทองที่ EF จะได้เข้ามาทำงาน
- ลมหายใจมังกร: สอนให้ลูกสูดหายใจเข้าลึกๆ ทางจมูก (ท้องป่อง) แล้วค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกทางปากยาวๆ (เหมือนมังกรพ่นไฟเบาๆ) เมื่อรู้สึกโกรธหรือหงุดหงิด แค่ 1-2 ครั้งก็ช่วยให้สมองสงบลงได้
3. เปลี่ยนการฝึกเป็นการเล่นสนุก
องค์การอนามัยโลก (WHO) และ UNICEF เน้นย้ำเสมอว่า การเล่นคือวิธีการเรียนรู้ที่ดีที่สุดสำหรับเด็กปฐมวัย เกมเหล่านี้คือวิธี ฝึกลูกควบคุมตัวเอง ที่สนุกและได้ผลดีอย่างไม่น่าเชื่อ
- เกมฝึกพลังเบรก (Inhibitory Control): เกม “สัญญาณไฟจราจร” (เขียว=เดิน/วิ่ง, เหลือง=ชะลอ, แดง=หยุดนิ่งเป็นหุ่น), เกม “ไซมอนด์เซย์” ที่ต้องทำตามคำสั่งที่มีคำว่า “Simon Says” เท่านั้น
- เกมฝึกการรอคอย: การเล่นบอร์ดเกมที่ต้องรอให้ถึงตาของตัวเอง, การผลัดกันต่อบล็อกไม้คนละชิ้นสูงๆ, การเล่นทำอาหารที่ต้องรอขนมในเตาอบสุก
- เกมฝึกความจำ (Working Memory): เกมเปิดป้ายจับคู่, เกมทายของในถุง, หรือแค่การวานให้ลูกช่วยหยิบของ 2-3 อย่างในครัว

4. เป็น “นักจับถูก” ไม่ใช่ “นักจับผิด”
หัวใจสำคัญของการเสริมสร้างพฤติกรรมที่ดี คือการเติมพลังบวกเมื่อลูกทำได้ แม้จะเล็กน้อยก็ตาม ไม่ต้องรอให้เขาทำสำเร็จ 100%
- แทนที่จะพูดว่า: “ก็แค่นี้ทำไมทำไม่ได้”
- ลองพูดว่า: “แม่เห็นนะว่าเมื่อกี้หนูอยากจะพูดแทรก แต่หนูพยายามเม้มปากรอ…เก่งมากเลยลูกที่พยายาม!” การชมที่ “ความพยายาม” จะทำให้ลูกรู้สึกดีกับตัวเองและอยากทำอีก นี่คือการ ฝึกลูกควบคุมตัวเอง ที่ได้ผลทางใจอย่างมหาศาล
5. ลดคำตำหนิ เพิ่มการสะท้อนความรู้สึก
เมื่อลูกทำพลาดอีก (ซึ่งจะเกิดขึ้นแน่นอนในระหว่างการฝึก) ให้เปลี่ยนจากการดุหรือลงโทษ มาเป็นการช่วยให้ลูกเข้าใจตัวเอง
- แทนที่จะพูดว่า: “อีกแล้วนะ! บอกแล้วทำไมไม่เคยจำเลย!”
- ลองนั่งลงในระดับสายตาเดียวกับเขาแล้วพูดว่า: “ดูเหมือนเมื่อกี้หนูจะเบรกตัวเองไม่ทันใช่ไหมลูก? ไม่เป็นไรนะ เรามาลองกันใหม่ คราวหน้าพอรู้สึกอยากวิ่งปุ๊บ เรามาลองใช้ลมหายใจมังกรกันดีไหม?” ประโยคแบบนี้ช่วยรักษาความสัมพันธ์ที่ดี และทำให้ลูกมองว่าเราคือทีมเดียวกัน
6. เริ่มจากสนามซ้อมเล็กๆ ก่อนลงสนามจริง
อย่าคาดหวังให้ลูกควบคุมตัวเองได้ดีในสถานการณ์ที่ยากและท้าทายทันที หัวใจสำคัญของการ ฝึกลูกควบคุมตัวเอง คือการเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ ที่เขาทำสำเร็จได้ง่าย
ฝึกทีละด่าน: เริ่มฝึกการรอคอยของเล่นชิ้นโปรดที่บ้าน (สถานการณ์ง่าย) ก่อนจะไปฝึกการรอคิวซื้อขนมที่ร้านสะดวกซื้อ (สถานการณ์ยากขึ้น) หรือฝึกการควบคุมเสียงในห้องสมุด (สถานการณ์ยากมาก)
การฝึกลูกควบคุมตัวเอง นี้ต้องอาศัยเวลาและความสม่ำเสมอ เด็กที่ “รู้แต่ยังทำไม่ได้” ไม่ได้ดื้อ แต่สมองของเขายังต้องการเวลาและการฝึกฝน คุณแม่ต้องคอยเป็นกองเชียร์ ที่ส่งเสียงดีใจเมื่อเปลี่ยนคำดุเป็นคำแนะนำ เปลี่ยนการลงโทษเป็นการฝึกฝน นั่นคือคุณแม่กำลังช่วยลูกสร้างรากฐานของทักษะสมอง EF ที่แข็งแกร่งที่จะติดตัวเขาไปตลอดชีวิตค่ะ
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
Self-control ทักษะควบคุมตัวเอง ฝึกง่ายๆ ตั้งแต่เด็ก โตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะ
8 วิธีฝึกลูกจัดการความโกรธ สยบอารมณ์ขุ่นมัวอย่างสร้างสรรค์
วิธีฝึกลูกให้ขอโทษและให้อภัย จุดเริ่มต้นของทักษะทางสังคมที่พ่อแม่สร้างได้
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!