ในฐานะคนเป็นพ่อเป็นแม่ เราทุกคนต่างเฝ้าหวังให้ลูกเติบโตขึ้นมาอย่างแข็งแกร่ง มีสุขภาพที่ดี และมีอนาคตที่มั่นคง แต่สิ่งหนึ่งที่โรงเรียนอาจไม่ได้สอน นั่นคือ ความฉลาดรู้ทางการเงิน (Financial Literacy) วันนี้ theAsianparent อยากชวนคุณพ่อคุณแม่มารู้จักเรื่องราวของ “น้องวิน-ภาสวิน ตันตินิติ” นักวางแผนการเงินวัย 14 ปี แม้ว่าการเดินทางไกลของน้อง วิน ภาสวิน จะมาถึงเร็วกว่าที่ใครคาดคิด แต่เรื่องราวและแนวคิดที่น้องวินทิ้งไว้ ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจในแง่มุมของการวางแผนการเงินที่เข้มแข็งและมุมมองชีวิตที่เกินวัย
เรื่องราวของน้องวินไม่ใช่แค่เรื่องราวที่น่าเศร้า แต่เป็น “แสงสว่าง” ที่จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ได้เห็นแนวทางในการปูพื้นฐานความมั่นคงทางการเงินให้กับลูกรัก…ตั้งแต่วันนี้
รู้จัก “วิน ภาสวิน” นักวางแผนการเงินรุ่นจิ๋ว
หลายคนอาจคุ้นหน้า วิน ภาสวิน จากรายการ “มนุษย์ต่างวัย” ที่เด็กหนุ่มมัธยมต้นคนหนึ่งมานั่งเล่าเรื่องการบริหารจัดการเงินด้วยแววตาที่มุ่งมั่นและชัดเจน หรือจากช่อง TikTok และ IG @win_phassawin ที่น้องวินใช้เป็นพื้นที่แบ่งปันแนวคิดการเงินของตัวเอง
ในขณะที่เพื่อนๆ วัยเดียวกันอาจกำลังเก็บเงินซื้อของเล่นหรือเกมใหม่ เป้าหมายของ วิน ภาสวิน กลับชัดเจนและเป็นรูปธรรมอย่างน่าทึ่ง:
- เก็บเงินสำรองฉุกเฉิน ให้ได้ 60,000 บาท
- สะสมเงินออมเพื่อซื้อ “ทองคำ” ให้ได้ปีละ 1 บาท
“ผมตั้งเป้ากับตัวเองว่าต้องออม 20% ที่เหลือต้องลงทุนต่อ ซึ่งผมนำไปลงทุนกับทองคำ ตอนนี้มีทองสะสม 2 บาท กับ 1 สลึง” นี่คือคำพูดของเด็กอายุ 14 ที่เข้าใจกลไกการออมและการลงทุนแล้ว
อะไรคือสิ่งที่หล่อหลอมให้เด็กผู้ชายคนหนึ่งมี Mindset ทางการเงินที่แข็งแกร่งได้ขนาดนี้? คำตอบนั้นเรียบง่ายแต่เจ็บปวด นั่นคือ “ความไม่แน่นอนของชีวิต”
ภาพจาก IG: win_phassawin
บทเรียนจาก “บิลค่ารักษา” สู่ “เกราะป้องกัน” ทางการเงิน
จุดเริ่มต้นที่ทำให้น้องวินสนใจเรื่องการเงินไม่ได้มาจากคลาสเรียนในห้อง แต่มาจากประสบการณ์ตรงในโรงพยาบาล น้องวินตรวจพบว่าเป็นมะเร็งปอดตั้งแต่อายุเพียง 3 ขวบ ต้องต่อสู้กับการรักษาด้วยเคมีบำบัดและการฉายแสงจนถึง 5 ขวบ ซึ่งส่งผลกระทบระยะยาวต่อสุขภาพ ทั้งโรคหัวใจและภาวะมีปอดเพียงข้างเดียว
การเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น และการได้เห็นบิลค่ารักษาพยาบาลจริง ทำให้เด็กน้อยคนหนึ่งเริ่มทบทวนถึงความสำคัญของเงิน ในบทบาทของการรักษาชีวิต
สิ่งที่เจ็บปวดยิ่งกว่านั้นคือ ด้วยประวัติการเจ็บป่วยที่หนักหน่วง ทำให้น้องวิน ไม่สามารถทำประกันสุขภาพได้ นั่นหมายความว่า ทุกการรักษาพยาบาลในอนาคตของเขา จะต้องพึ่งพาเงินสดเพียงอย่างเดียว
นี่คือจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้การวางแผนการเงินของ วิน ภาสวิน ไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นทางรอด เขาต้องวางแผนชีวิตอย่างเป็นระบบ และมองเงิน เป็นเครื่องมือสำคัญที่จะสร้างหลักประกันให้ตัวเองในระยะยาว
5 แนวคิดการเงินฉบับ “วิน ภาสวิน” ที่พ่อแม่สอนลูกได้
เรื่องราวของ วิน ภาสวินไม่ได้หยุดอยู่แค่ความน่าทึ่ง แต่เต็มไปด้วยแนวทางปฏิบัติ ที่คุณพ่อคุณแม่สามารถนำไปปรับใช้ เพื่อปลูกฝังวินัยการเงินให้ลูกได้จริง
1. เมื่อ “สุขภาพ” ไม่ใช่ทุน “เวลา” คือต้นทุนที่แพงที่สุด
น้องวินเคยพูดประโยคที่สะเทือนใจแต่จริงที่สุดว่า “สุขภาพไม่ใช่ทุนของผมอีกแล้ว เหลือแต่เวลา ที่ผมต้องใช้ให้คุ้มที่สุด เราก็เลยมองเรื่องเวลาที่เราเริ่มเร็วกว่าเป็นต้นทุน”
สำหรับพ่อแม่: ลูกของเราส่วนใหญ่โชคดีที่มีสุขภาพเป็นทุนตั้งต้น เราจะสอนเขาได้อย่างไรให้เห็นคุณค่าของเวลาที่เขามี อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ การเริ่มต้นออมหรือลงทุนเร็ว แม้จะด้วยเงินเพียงเล็กน้อย แต่พลังของเวลา ดอกเบี้ยทบต้น จะสร้างความมหัศจรรย์ในระยะยาว
How-to: เริ่มสอนลูกให้ “เก็บก่อนใช้” เมื่อลูกได้เงินค่าขนม หรือเงินอั่งเปา ให้แบ่งส่วนหนึ่ง (เช่น 10-20%) ใส่กระปุกอนาคตทันที ก่อนที่จะนำไปใช้จ่าย นี่คือการสอนให้เขาซื้อเวลาในอนาคตให้ตัวเองตั้งแต่วัยเด็ก
ภาพจาก IG: win_phassawin
2. “เงินสำรองฉุกเฉิน” คือด่านแรก ไม่ใช่ “เงินเก็บ”
เป้าหมายแรกของน้องวินคือ 60,000 บาท ซึ่งเขาคำนวณมาอย่างดีว่า นี่คือค่าใช้จ่ายขั้นต่ำ 6 เดือน (เดือนละ 10,000 บาท) เพื่อเป็นเงินทุนสำรองไว้ใช้รักษาตัวในกรณีที่ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล
สำหรับพ่อแม่: เราต้องสอนลูกให้แยกระหว่าง “เงินออม” (Savings – เพื่อเป้าหมาย เช่น ซื้อจักรยาน) กับ “เงินสำรองฉุกเฉิน” (Emergency Fund – เพื่อเรื่องไม่คาดฝัน)
How-to: ลองตั้งกระปุกออมสิน 3 ใบให้ลูก:
- กระปุกใช้จ่าย (Spending): สำหรับซื้อของที่อยากได้
- กระปุกออม (Saving): สำหรับเป้าหมายระยะสั้น-กลาง (ของเล่นชิ้นใหญ่, ทริป)
- กระปุกฉุกเฉิน (Emergency): ห้ามนำไปใช้เด็ดขาด ยกเว้นเรื่องจำเป็นจริงๆ (เช่น ทำของเพื่อนพัง, ป่วยเล็กน้อย) นี่คือการปูพื้นฐานการจัดสรรเงิน (Allocation) ที่ยอดเยี่ยม
ซึ่งแนวคิดนี้สะท้อนในแผนของวิน หากมีเงิน 10 ล้านจะบริหารอย่างไร ซึ่งน้องวินตอบว่า เก็บ 4 ล้าน, ลงทุน 2 ล้าน, ให้พ่อแม่ 1 ล้าน, ทำธุรกิจ 3 ล้าน
3. สร้างรายได้หลายทาง ตั้งแต่ ม.ต้น
น้องวินไม่ได้รอแค่เงินค่าขนมจากคุณแม่ สัปดาห์ละ 500 บาท แต่เขาสร้างรายได้เสริมด้วยตัวเอง ทั้งการรีวิวสินค้าผ่าน TikTok และ Instagram และการทำธุรกิจเล็กๆ ที่โรงเรียน
เขาเห็นโอกาสในเวลาพัก 10 นาที นำขนมไปขายให้เพื่อน สร้างรายได้อีกสัปดาห์ละ 200 บาท
สำหรับพ่อแม่: ส่งเสริมจิตวิญญาณผู้ประกอบการในตัวลูก ไม่ใช่เพื่อเงิน แต่เพื่อทักษะ การมองเห็นโอกาส การแก้ปัญหา และความภูมิใจในการหาเงินได้ด้วยตัวเอง
How-to: ชวนลูกทำโปรเจกต์หาเงิน ในวันหยุด เช่น ทำคุกกี้ขาย, คัดแยกของเล่นเก่าไปขายมือสอง หรือแม้แต่การจ้างงาน ลูกทำงานบ้านที่นอกเหนือหน้าที่ปกติ เช่น ล้างรถ, จัดสวน เพื่อให้เขาเข้าใจว่า เงิน มาจาก การทำงาน หรือ การสร้างคุณค่า
ภาพจาก IG: win_phassawin
4. วินัยที่เข้มงวด และการมองทะลุ “กับดักหนี้”
เพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย น้องวินมีวินัยที่เข้มแข็ง เขาห่อข้าวไปกินเอง แทนการซื้ออาหารที่โรงเรียน เพื่อให้สามารถเก็บเงินได้ตามเป้า
ที่สำคัญกว่านั้น น้องวินมีทัศนคติที่ชัดเจนต่อการเป็นหนี้ เขาเชื่อว่าถ้าเลือกได้ ไม่มีใครอยากเป็นหนี้ และไม่ควรใช้ระบบ Pay Later (ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง) โดยไม่จำเป็น เพราะเขามองว่ามันคือกับดักที่ทำให้คนเป็นหนี้ง่ายขึ้นโดยไม่รู้ตัว
สำหรับพ่อแม่: ในยุคที่ทุกอย่างผ่อนได้ หรือ จ่ายทีหลังได้ การสอนลูกให้อดเปรี้ยวไว้กินหวาน คือทักษะที่สำคัญที่สุด
How-to: ฝึกให้ลูกรอ เมื่อลูกอยากได้ของชิ้นใหญ่ ให้เขาวางแผนเก็บเงินเอง เมื่อเขาเก็บเงินซื้อได้ด้วยตัวเอง เขาจะภูมิใจและดูแลของชิ้นนั้นดียิ่งกว่าการที่เราซื้อให้ทันที และต้องอธิบายให้ชัดเจนว่าบัตรเครดิต หรือ Pay Later ไม่ใช่เงินฟรี แต่คือเงินอนาคตที่ต้องจ่ายคืนพร้อมดอกเบี้ย
5. การลงทุนที่เหมาะสมกับวัย และสู้เงินเฟ้อได้
น้องวินตั้งเป้าออมและลงทุนอย่างน้อย 20% ของรายได้ และเขาเลือกทองคำ เพราะมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) ที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ และเป็นสินทรัพย์เดียวที่เขาสามารถเข้าถึงได้ในวัยนั้น
สำหรับพ่อแม่: เราอาจไม่จำเป็นต้องให้ลูกซื้อทองคำ แต่เราจำเป็น ต้องสอนให้ลูกรู้จักเงินเฟ้อ ที่ทำให้ของแพงขึ้นทุกปี
How-to: อธิบายง่ายๆ ว่า “เงิน 100 บาทในวันนี้ ซื้อของได้น้อยกว่าเงิน 100 บาทเมื่อ 5 ปีที่แล้ว” ดังนั้น การเก็บเงินไว้ในกระปุกเฉยๆ จะทำให้มูลค่าของเงินลดลง เราจึงต้องลงทุน เพื่อให้เงินของเราเติบโตทันเงินเฟ้อ อาจเริ่มจากการเปิดบัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูง หรือ กองทุนรวม (เมื่ออายุถึงเกณฑ์) โดยเน้นย้ำว่าการลงทุนมีความเสี่ยง แต่การไม่ลงทุนเลย เสี่ยงกว่าในระยะยาว
จาก “ระเบิดเวลา” สู่ “แรงผลักดัน” ให้ทุกครอบครัว
น้องวินเคยกล่าวไว้ในรายการ “มนุษย์ต่างวัย” ประโยคหนึ่งว่า: “ผมมีระเบิดเวลาข้างใน แต่มันเป็นแรงผลักให้ผมตื่นทุกเช้า” ความไม่แน่นอนของสุขภาพ คือ ระเบิดเวลา ที่เป็นแรงผลักดันให้น้องวินต้องตื่นมาวางแผนชีวิตและบริหารการเงินอย่างดีที่สุดในทุกวัน
วันนี้ วิน ภาสวิน ได้ส่งมอบ “แรงผลักดัน” นี้ต่อมาถึงพวกเรา…
คุณพ่อคุณแม่และลูกๆ ส่วนใหญ่ โชคดีที่เราไม่มีระเบิดเวลา แบบเดียวกับน้องวิน เรามีสุขภาพ และ เวลา ที่เป็นทุนล้ำค่าอยู่ในมือ คำถามคือ เราจะใช้ “แรงผลักดัน” อะไรในการตื่นขึ้นมาสร้างความมั่นคงให้ตัวเองและครอบครัว?
เรื่องราวของ วิน ภาสวิน คือเครื่องเตือนใจอันทรงพลังว่า “การวางแผนการเงิน” ไม่ใช่เรื่องของผู้ใหญ่ ไม่ใช่เรื่องของคนรวย และไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่คือ “ทักษะชีวิต” ที่จำเป็นที่สุด ที่พ่อแม่ทุกคนสามารถปลูกฝังให้ลูกได้ตั้งแต่วันนี้
ที่มา: มนุษย์ต่างวัย Talk EP.58 , springnews , spacebar
ภาพจาก IG: win_phassawin
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ออมเงินให้ลูกธนาคารไหนดี 2568 ดอกเบี้ยเท่าไหร่ ใช้หลักฐานอะไรบ้าง
10 วิธีสอนลูกเรื่องเงิน ปลูกฝังนิสัยรักการออม ใช้เงินเป็นตั้งแต่เด็ก
6 วิธีเก็บเงินให้ลูก ต่อยอดเงินเก็บให้งอกเงย โตไปมีเงินก้อนไว้ใช้
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!