เผยผลสำรวจขนาดใหญ่ที่จัดทำโดย Today.com (ร่วมกับ NBC News) ในปี 2013 ซึ่งสำรวจคุณแม่ชาวอเมริกันกว่า 7,000 คน ผลลัพธ์ที่น่าสนใจคือ แม่ๆ เกือบครึ่ง เครียดจากสามี มากกว่าลูก
- 46% ของผู้หญิง (เกือบครึ่ง) รายงานว่า สามีหรือคู่ครองของพวกเธอ ทำให้เกิดความเครียดมากกว่าลูกๆ
- ระดับความเครียดโดยเฉลี่ยที่คุณแม่เหล่านี้รายงาน อยู่ที่ 8.5 เต็ม 10 ซึ่งถือว่าสูงมาก
- เหตุผลหลักที่ทำให้สามีกลายเป็นแหล่งความเครียด ไม่ใช่เพราะพวกเขา “เลวร้าย” แต่เพราะพวกเธอมองว่าสามีเปรียบเสมือน “ลูกคนโต” (Big Kid) มากกว่าที่จะเป็น “คู่ชีวิต” ที่ช่วยแบ่งเบาภาระอย่างแท้จริง
เราจึงอยากชวนแม่ๆ มาทำความเข้าใจต้นตอที่ทำให้แม่ๆ เครียดจากสามี และหาทางเปลี่ยนภาระทางใจให้กลายเป็นทีมเวิร์คของครอบครัวกันค่ะ
เช็กลิสต์ “ความเหนื่อยใจ” นี่คือสิ่งที่แม่กำลังเจออยู่หรือเปล่า?
ลองมาดูกันค่ะว่าความรู้สึก ‘เครียดจากสามี’ ที่เราเจอมันหน้าตาเป็นยังไงบ้าง แม่ๆ กำลังเจอข้อไหนอยู่บ้างคะ
- รู้สึกเหมือนต้องคอยบอก คอยเตือนทุกเรื่อง ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไปจนถึงเรื่องสำคัญ
- เป็นคนเดียวในบ้านที่รู้ว่าของใช้จำเป็นอะไรใกล้จะหมด (ยาสีฟัน, ทิชชู่, นมผงลูก)
- ต้องเป็นคนวางแผนทุกอย่าง ทั้งเมนูอาหารเย็น, ตารางนัดหาหมอของลูก, แผนเที่ยววันหยุด
- เหนื่อยกับการต้องตัดสินใจเรื่องหยุมหยิมตลอดทั้งวันแทนทุกคน
- รู้สึกว่าถึงสามีจะ “ช่วย” แต่เราก็ยังต้องเป็นคน “เริ่มคิด” และ “ควบคุมภาพรวม” อยู่ดี
- แอบน้อยใจที่สามีมีเวลาพักผ่อนดูทีวี/เล่นเกม แต่เวลาของเราหมดไปกับการจัดการเรื่องในบ้าน
ถ้าแม่ๆ ติ๊กถูกเกินครึ่ง… ไม่แปลกเลยค่ะที่แม่จะเหนื่อยใจ

รู้จัก “ภาระทางใจ” ตัวการที่ทำให้แม่ เครียดจากสามี
ถ้าถามว่าทำไมเราถึงเครียด คำตอบส่วนใหญ่อยู่ที่คำนี้เลยค่ะ Mental Load หรือ ภาระทางใจ
พูดง่ายๆ มันคืองาน การจัดการที่มองไม่เห็นในหัวของเราตลอดเวลาค่ะ เปรียบเสมือนการเป็น “ผู้จัดการบ้าน” ที่ต้องคิด วางแผน และบริหารทุกอย่าง 24 ชั่วโมง แม้กระทั่งตอนที่พยายามจะพักผ่อน
- งานที่มองเห็น (สามีอาจจะช่วยทำ): พาลูกไปอาบน้ำ, ล้างจาน, ทิ้งขยะ
- ภาระทางใจ (ที่มักจะอยู่ที่แม่): การคิดว่า “ถึงเวลาอาบน้ำลูกแล้ว”, การจำได้ว่า “น้ำยาล้างจานจะหมดต้องซื้อเพิ่ม”, การวางแผนว่า “พรุ่งนี้รถขยะจะมา ต้องรวบรวมขยะไปทิ้งคืนนี้”
เห็นไหมคะ ความเหนื่อยล้าที่แท้จริงไม่ได้มาจากการลงมือทำเสมอไป แต่มาจากการ ต้องคิดแทนทุกคน นี่เอง และนี่คือสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้แม่ๆ หลายคนรู้สึก เครียดจากสามี มากกว่าลูกค่ะ เพราะลูกสร้างภาระงาน แต่สามีที่ควรจะเป็นทีมเดียวกัน กลับเพิ่มภาระทางใจให้เรานั่นเอง
4 Step เปลี่ยนโหมด ‘ลูกชายคนโต’ ให้เป็น ‘ทีมเวิร์คคุณพ่อ’
เมื่อเรารู้ที่มาแล้ว ก็ถึงเวลาปรับจูนกันค่ะ เป้าหมายของเราไม่ใช่การทะเลาะ แต่คือการสร้างทีมเวิร์คที่ดีขึ้น เพื่อครอบครัวที่แฮปปี้ขึ้นนะคะ ลองทำตามทีละสเต็ป
1. ชวนคุย ไม่ใช่ชวนหาเรื่อง
เลือกเวลาที่ทั้งคู่ไม่เหนื่อย ไม่หิว ไม่เครียด แล้วนั่งคุยกันดีๆ ใช้ “I-Message” (ฉันรู้สึก…) บอกเล่าความรู้สึกของเราเป็นหลัก เช่น
- (แทนที่จะพูดว่า) “พ่อไม่เคยช่วยคิดเลย”
- (ลองพูดว่า) “แม่รู้สึกเหนื่อยจังเลยที่ต้องคิดเรื่องต่างๆ ในบ้านคนเดียว แม่เลยเผลอหงุดหงิดง่าย แม่ไม่อยากเป็นแบบนี้เลย เรามาช่วยกันได้ไหม”

2. ทำให้ภาระที่มองไม่เห็น ให้มองเห็นได้
นี่คือหัวใจสำคัญเลยค่ะ! สิ่งที่อยู่ในหัวเรา พ่อเขาไม่เห็นหรอกค่ะ เราต้องเอามันออกมาให้เขาดู ชวนกันทำ To-do-list หรือใช้บอร์ดแปะโน้ตในบ้าน, ใช้แอปฯ หรือปฏิทินในมือถือที่แชร์ร่วมกัน (เช่น Google Calendar) เพื่อให้คุณพ่อเห็นภาพรวมทั้งหมดว่าในแต่ละวัน/สัปดาห์ มีอะไรที่ต้องจัดการบ้าง ไม่ใช่แค่รอรับคำสั่ง
3. แบ่งความรับผิดชอบ ไม่ใช่แค่แบ่งงาน
นี่คือการอัปเกรดจาก Step 2 ค่ะ อย่าแค่แบ่งว่า เธอทิ้งขยะ ฉันล้างจาน แต่ให้แบ่งโปรเจกต์กันไปเลย เช่น
- เปลี่ยนจากการบอกว่า “พ่อช่วยพาลูกไปหาหมอหน่อย”
- เป็นการมอบหมายว่า “เรื่องสุขภาพและตารางนัดหมอของลูก พ่อเป็นคนรับผิดชอบหลักนะ”
ผลลัพธ์คือ คุณพ่อจะเปลี่ยนจากผู้ช่วย มาเป็นเจ้าของโปรเจกต์ เขาจะเป็นคนคิดเองว่า “เอ๊ะ วัคซีนรอบต่อไปเมื่อไหร่นะ” “ยาตัวนี้ใกล้หมดรึยัง” โดยที่เราไม่ต้องคอยเตือน
4. ปล่อยมือแม่ แล้วเชื่อใจพ่อ
เมื่อมอบหมายแล้ว แม่ต้องฝึกปล่อยบ้างนะคะ นี่อาจจะยากที่สุด! อย่าเพิ่งเข้าไปจัดการถ้าวิธีการของพ่อไม่เหมือนเราเป๊ะๆ (ตราบใดที่ไม่เป็นอันตราย) ถ้าเขาพับผ้าไม่เรียบร้อยเท่าเรา หรือใส่ชุดให้ลูกสลับสีบ้าง ก็ต้องปล่อยผ่านไปก่อน ให้เขาได้เรียนรู้และรู้สึกว่าเขา “ทำได้”
อย่าลืมให้กำลังใจ ชมเชยเมื่อเขาทำได้ดี “ขอบคุณนะที่ช่วยจัดการเรื่องนัดหมอ แม่เบาแรงไปเยอะเลย” เพื่อสร้างความมั่นใจและทำให้เขารู้สึกเป็นส่วนสำคัญของทีม
การปรับจูนเรื่องนี้ต้องใช้เวลาและความเข้าใจนะคะ อาจจะไม่ได้สำเร็จในวันเดียว แต่อย่างน้อยการที่แม่ๆ ได้เอ่ยปากพูดถึงความเหนื่อยใจนี้ ไม่ได้แปลว่าเรารักสามีหรือครอบครัวน้อยลง แต่เพราะเรารักมากพอที่จะอยากทำให้มันดีขึ้นต่างหาก
การแบ่งปัน “ภาระทางใจ” ไม่เพียงแต่จะลดความ เครียดจากสามี ของแม่ แต่ยังทำให้คุณพ่อรู้สึกภูมิใจและเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวอย่างแท้จริง และท้ายที่สุด คนที่จะมีความสุขที่สุดก็คือ ลูกน้อยของเรา ที่ได้เห็นพ่อแม่เป็นทีมเวิร์คที่แข็งแกร่งนั่นเองค่ะ
ที่มา : Life Reminder
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
สามีที่ดี หลังมีลูก ต้องเป็นยังไง? การเปลี่ยนแปลงจาก “คู่รัก” สู่ “พ่อแม่”
แยกห้องนอนกับสามี เมื่อมีลูกอ่อน ข้อดี-ข้อเสีย ที่มีงานวิจัยรองรับ
เช็กด่วน! 5 พฤติกรรมพ่อแม่ที่ทำให้ลูกก้าวร้าว รู้แล้วรีบเปลี่ยน?
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!