
โรคไข้กาฬหลังแอ่น อาจไม่ใช่ชื่อที่คุ้นหูมากนักในประเทศไทย เพราะเป็นโรคที่พบได้ไม่บ่อย แต่กลับเป็นโรคติดเชื้อที่ร้ายแรงและคาดเดาไม่ได้2 การทำความเข้าใจและเตรียมพร้อมรับมือจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคุณพ่อคุณแม่ทุกคนค่ะ theAsianparent จะชวนมาทำความรู้จักกับโรคนี้อย่างละเอียด ตั้งแต่ความรุนแรงของโรค ไปจนถึงวิธีการป้องกันที่สำคัญที่สุดอย่าง “วัคซีน” เพื่อปกป้องลูกน้อยจากไข้กาฬหลังแอ่นกันค่ะ
คุณพ่อคุณแม่ มาทำความรู้จักกับ โรคไข้กาฬหลังแอ่น
คุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่อาจไม่ค่อยคุ้นหูนักกับชื่อ “โรคไข้กาฬหลังแอ่น” แต่รู้ไหมคะว่านี่คือโรคติดเชื้อที่ร้ายแรงมาก แม้จะพบได้ไม่บ่อยในประเทศไทย โดยมีรายงานเพียงปีละประมาณ 20–30 รายเท่านั้น3 แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็สร้างความเสียหายได้อย่างรวดเร็ว1
โรคไข้กาฬหลังแอ่น มีชื่อทางการแพทย์ว่า Meningococcemia หรือ Meningococcal meningitis เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Neisseria meningitidis ซึ่งทำให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือดหรือเยื่อหุ้มสมองอักเสบอย่างรุนแรง เชื้อนี้มีหลายสายพันธุ์ แต่สายพันธุ์ที่พบมากที่สุดในไทยคือ สายพันธุ์ B ค่ะ2

อาการโรคไข้กาฬหลังแอ่น
อาการของโรคไข้กาฬหลังแอ่นมักเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันและรวดเร็ว หลังได้รับเชื้อประมาณ 2-10 วัน4 อาการเริ่มต้น เหมือนไข้หวัดเลยค่ะ คือ มีไข้ หนาวสั่น อ่อนเพลีย และปวดเมื่อย5 แต่โรคจะลุกลามไวภายในไม่กี่ชั่วโมง1 โดยแบ่งอาการที่รุนแรงได้เป็น 2 แบบค่ะ
- อาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบ: ผู้ป่วยจะมีไข้สูง คอแข็ง อาเจียน ปวดศีรษะรุนแรง ซึมลง4,5
- ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด: ผู้ป่วยจะมีไข้สูง ผื่นจ้ำเลือด มือเท้าเย็น และอาจมีภาวะความดันโลหิตต่ำ ซึ่งสามารถนำไปสู่ภาวะช็อกและอวัยวะล้มเหลวได้ในที่สุด4,5 อาการจะรุนแรงจนอาจนำไปสู่การเสียชีวิตภายใน 24 ชั่วโมงได้เลยค่ะ1
สำหรับในเด็กเล็กจะมีอาการที่สังเกตได้แตกต่างออกไป เช่น ร้องไห้ผิดปกติ ซึมลง และไม่ยอมกินอาหารคู่6
ความรุนแรงของโรคนี้อาจทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ภายใน 24 ชั่วโมง แม้จะได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมแล้วก็ตาม1 โดยมีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 10-15 % โดยเฉพาะในทารกและเด็กเล็กที่มีอายุต่ำกว่า 2 ปี จะมีความเสี่ยงสูงและอาการจะยิ่งรุนแรงมากขึ้นไปอีกค่ะ2
นอกจากความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตแล้ว ผลกระทบของโรคยังไม่หมดแค่นั้นค่ะ เพราะในบรรดาผู้ที่รอดชีวิต 1 ใน 5 อาจต้องเผชิญกับความพิการที่หลงเหลืออยู่ ไม่ว่าจะเป็นความพิการทางสมอง โรคลมชัก หรือการสูญเสียแขนขาและการได้ยิน ซึ่งส่งผลกระทบต่อพัฒนาการและการเรียนรู้ของลูกน้อยในระยะยาวค่ะ5,7
ที่น่าตกใจคือมีการศึกษาในเด็กและวัยรุ่นไทยพบว่า มีเชื้อไข้กาฬหลังแอ่นเกาะอยู่ที่คอถึง 14.2% แม้ว่าจะไม่แสดงอาการ8 แต่ก็เป็นสิ่งที่พ่อแม่ควรตระหนักถึงนะคะ เพราะหากลูกน้อยเกิดอาการขึ้นมาแล้ว การรับมืออย่างรวดเร็วเป็นสิ่งสำคัญที่สุดค่ะ

ใครคือกลุ่มเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ?2,9
รู้ไหมคะว่า จริงๆ แล้วเราทุกคนต่างก็เสี่ยงต่อโรคไข้กาฬหลังแอ่นกันค่ะ แต่มีบางกลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังและป้องกันมากเป็นพิเศษ ดังนี้ค่ะ
- กลุ่มเสี่ยงด้านอายุ: พบรุนแรงมากที่สุดในทารกและเด็กอายุน้อยกว่า 2 ปี
- กลุ่มเสี่ยงด้านสุขภาพ: ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือผู้ที่ไม่มีม้าม รวมถึงผู้ที่ได้รับยากดภูมิบางชนิด
- กลุ่มเสี่ยงจากการเดินทางหรือสัมผัสโรค: ผู้ที่ทำงานในห้องปฏิบัติการที่มีโอกาสสัมผัสเชื้อโดยตรง และผู้ที่ต้องเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคไข้กาฬหลังแอ่น และวัยรุ่นที่อาศัยในพื้นที่แออัด เช่น หอพักในวิทยาลัย ก็เป็นกลุ่มที่ควรระมัดระวังเช่นกันค่ะ
การป้องกันโรคไข้กาฬหลังแอ่น
คุณพ่อคุณแม่อาจคิดว่า โรคนี้มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก แต่เมื่อเทียบกับความร้ายแรงของโรคแล้ว การป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นกับลูกน้อยและทุกคนในครอบครัวนั้นสำคัญที่สุดค่ะ มาดูมาตรการป้องกัน 3 ขั้นตอนง่ายๆ กันนะคะ
1. การป้องกันการติดเชื้อ10
โรคนี้ติดต่อได้จากการสัมผัสสารคัดหลั่ง เช่น น้ำลาย รวมถึงการสัมผัสใกล้ชิด ดังนั้นเพื่อลดความเสี่ยง ควรหลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น แก้วน้ำ ช้อนส้อม และควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยในสถานที่แออัดค่ะ
2. การให้ยาปฏิชีวนะ5
การให้ยาปฏิชีวนะป้องกันภายหลังสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยโรคไข้กาฬหลังแอ่น
3. การรับวัคซีน2,9
การรับวัคซีนถือเป็นเครื่องมือสำคัญและจำเป็นที่สุดในการป้องกันโรคไข้กาฬหลังแอ่นในปัจจุบัน สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย ได้แนะนำให้พิจารณาวัคซีนชนิดนี้เป็นวัคซีนทางเลือกสำหรับเด็กในกลุ่มเสี่ยง ซึ่งสามารถ รับวัคซีนได้ตั้งแต่อายุ 2 เดือนขึ้นไป โดยเฉพาะในกลุ่มต่อไปนี้ค่ะ
- ทารกและเด็กเล็ก ตั้งแต่อายุ 2 เดือน – 2 ปี
- เด็กในกลุ่มเสี่ยง จากโรคประจำตัว หรือการได้รับยาบางชนิด
- วัยรุ่นและนักศึกษา โดยเฉพาะผู้ที่ต้องเดินทางไปศึกษาต่อยังต่างประเทศ เช่น อเมริกาหรืออังกฤษ ซึ่งประเทศเหล่านี้มักมีข้อกำหนดให้รับวัคซีนป้องกันโรคไข้กาฬหลังแอ่น และผู้ที่เดินทางไปยังสถานที่ที่มีการระบาด
คุณพ่อคุณแม่สามารถปรึกษากุมารแพทย์เพื่อขอคำแนะนำและร่วมกันตัดสินใจเกี่ยวกับการรับวัคซีนได้นะคะ เพราะแม้โรคไข้กาฬหลังแอ่นจะเป็นโรคที่รุนแรงและมีอัตราการเสียชีวิตสูง แต่เราก็สามารถป้องกันได้ด้วยมาตรการต่างๆ รวมถึงการรับวัคซีนที่ช่วยปกป้องลูกน้อยได้ค่ะ
โรคนี้เป็นโรคติดเชื้อที่อันตรายอย่างยิ่ง แม้จะพบไม่บ่อยในไทย แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็สร้างความเสียหายได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในทารกและเด็กเล็กที่อายุต่ำกว่า 2 ปี ซึ่งภูมิคุ้มกันยังไม่แข็งแรงพอจะต่อสู้กับเชื้อได้ ผู้ป่วยอาจเสียชีวิตได้ภายใน 24 ชั่วโมง1,2 และในบรรดาผู้ที่รอดชีวิต 1 ใน 5 อาจต้องเผชิญกับความพิการถาวร ไม่ว่าจะเป็นความพิการทางสมอง หรือการสูญเสียอวัยวะ4,5
ด้วยความรุนแรงของโรคที่คาดเดาไม่ได้ การป้องกันความเสี่ยงให้กับลูกน้อยจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด โดยเฉพาะการให้ลูกได้รับการรับวัคซีนป้องกันไข้กาฬหลังแอ่น คุณพ่อคุณแม่สามารถขอคำปรึกษาเรื่องวัคซีนได้จากโรงพยาบาลใกล้บ้าน หรือกุมารแพทย์ของลูกน้อยได้เลยค่ะ
ข้อมูลอ้างอิง
- Apicella, M. A., et al. (2025). Epidemiology of Neisseria meningitidis infection. UpToDate. Retrieved September 16, 2025, from https://www.uptodate.com/contents/epidemiology-of-neisseria-meningitidis-infection.
- Pediatric Infectious Disease Society of Thailand. (2025). Recommendations for meningococcal vaccination in Thai children and adolescents. Bangkok: PIDST. Retrieved September 4, 2025, from pidst.or.th/A1527.html
- กระทรวงสาธารณสุข. (2015, มีนาคม 8). สธ. ย้ำประชาชนไทยไม่มี โรคไข้กาฬหลังแอ่น ระบาด ไทยพบผู้ป่วยน้อยมาก ปีละ 20 – 30 ราย. สืบค้นเมื่อวันที่ 10 กันยายน, 2025, จาก https://pr.moph.go.th/online/index/news/71379
- Mbaeyi, S., et al. (2021, April 25). Meningococcal disease. In E. Hall, A. P. Wodi, J. Hamborsky, et al. (Eds.), Epidemiology and prevention of vaccine-preventable diseases (14th ed.). Retrieved September 10, 2025, from https://www.cdc.gov/pinkbook/hcp/table-of-contents/chapter-14-meningococcal-disease.html.
- American Academy of Pediatrics. (2021). Red Book: 2021–2024 report of the Committee on Infectious Diseases (32nd ed., pp. 519-532). American Academy of Pediatrics.
- Thompson, M., et al. (2006). Clinical recognition of meningococcal disease in children and adolescents. Lancet, 367, 397-403.
- Pace, D., et al. (2012). Meningococcal disease: Clinical presentation and sequelae. Vaccine, 30S, B3-9.
- Serra, L., et al. (2020). Carriage of Neisseria Meningitidis in Low and Middle Income Countries of the Americas and Asia: A Review of the Literature. Infectious diseases and therapy, 9(2), 209–240.
- Center of Disease Control and Prevention. (2020, Sep 25). Meningococcal Vaccination: Recommendations of the Advisory Committee on Immunization Practices, United States, 2020. MMWR Recommendation and Reports, 69(9), 1-42.
- Department of Disease Control. (2023). Annual epidemiological surveillance report 2022 (pp. 26-30). Department of Disease Control.
Non–Promotional Material
NP–TH–MNU–WCNT–250007 I 10/25
###
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!