ช่วงนี้กระแสการขายอาหารเสริมผ่านไลฟ์กำลังเป็นประเด็นกันอย่างมากเลยค่ะ และมีประเด็นเกี่ยวกับอาหารเสริมเด็กที่น่าเป็นห่วง เรื่องการโฆษณาว่า น้ำมันปลา เด็ก 2 เดือน กินได้ ซึ่งนายแพทย์ธนีย์ ธนียวัน เป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เชี่ยวชาญโรคปอด การปลูกถ่ายปอด และวิกฤตบำบัด ได้ออกมาให้ความรู้คุณพ่อคุณแม่คิดให้ดีก่อนซื้ออาหารเสริมให้ลูก ดังนี้
น้ำมันปลา Fish Oil เด็ก 2 เดือน กินได้ไหม
การขาย น้ำมันปลา Fish Oil โดยมีการบอกว่าให้ เด็ก 2 เดือน กินได้ เอาแคปซูลไปแล้วก็เจาะเอาน้ำมันที่อยู่ข้างในไปผสมกับนมให้เด็กเขาดื่มเข้าไป โดยบอกว่าจะเป็นการเสริม Omega 3 ในตัวที่เป็น DHA กับ EPA ซึ่งสมองมันจำเป็นจะต้องใช้ แล้วเด็กในวัยนั้นก็เป็นวัยที่สมองกำลังเจริญเติบโตซะด้วย เขาก็เลยบอกว่าอันนี้น่าจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้เด็กมีการเจริญเติบโตทางสมอง ทางพัฒนาการที่ดี
แต่ผมจะบอกว่ามันอันตรายมากนะครับ อาหารเสริมทุกอย่างที่เรามี เราไม่ให้เด็กกินกันนะครับ ปกติแล้วการที่จะให้เด็กคนหนึ่งกินอาหารเสริมตัวใดตัวหนึ่ง หมอเด็กจะต้องเป็นคนพิจารณาว่าเด็กเขาขาดในสิ่งนั้นจริงหรือไม่เพราะหลายครั้งมันมักจะเป็นอันตราย
สมัยก่อนมีการเสริมวิตามินพวกนี้ให้เด็กกินแล้วมันเกิดภาวะหนึ่งที่เรียกว่า Hypervitaminosis คือวิตามินบางอย่างที่มันเกินไป ก่อให้เกิดปัญหากับร่างกายมากมาย เช่น วิตามิน A มากจนเกินไปเกิดความดันในกะโหลกศีรษะ โพรงกะโหลกศีรษะ แล้วก็สมองที่มันสูงขึ้นครับ บางคนมีอาการปวดกระดูก วิตามิน D มากเกินไปปวดกระดูกได้
แล้วกลับมาที่ Fish Oil ตัวนี้ต้องบอกว่าผลข้างเคียงของมันอย่างน้อยที่สุดก็คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย นี่คือน้อยที่สุดแล้วครับ แล้วเด็ก 2 เดือนบอกอะไรเราไม่ได้ ถ้าเกิดอาการแบบนี้ขึ้นมาแย่นะครับ บางคนก็อาจจะทำให้ดื่มนมไม่ลงเลยก็ได้เพราะปวดท้องอยู่ แต่ถ้าเกิดโชคร้ายไปกว่านั้น น้ำมันปลามันสามารถทำให้เกล็ดเลือดทำงานไม่ได้ ทำงานผิดปกติ แล้วก็เกิดเลือดออกได้
แล้วคุณรู้อะไรมั้ยครับถ้าเด็ก 2 เดือนที่เกิดมาเป็นเด็กที่คลอดก่อนกำหนดเด็กบางคนที่คลอดก่อนกำหนดจะมีบางภาวะที่ทำให้เลือดออกง่ายอยู่แล้ว ถ้าคุณได้ตัวนี้เข้าไปคุณอาจจะโชคร้ายเกิดเลือดออกในเด็กก็ได้ ถ้ามันออกในที่ที่มันไม่อันตรายก็แล้วไป แต่สมมุติว่าถ้ามันไปออกในสมองล่ะอันนี้แย่นะครับ แย่ได้เลย

ผลข้างเคียง Fish Oil Omega 3 ในผู้ใหญ่
ผมเคยทำคลิปเรื่อง Fish Oil Omega 3 ไปเรียบร้อยแล้ว แล้วขนาดในผู้ใหญ่เรายังเจอเลยครับว่าผลข้างเคียงนอกเหนือจากคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง บางคนมีเลือดออกง่าย และบางคนมีหัวใจเต้นผิดปกติด้วย ผมไม่รู้ว่าการทดลองแบบนี้ในเด็กมีหรือเปล่า แต่ผมสมมุติว่าผู้ใหญ่จะต้องมีความทนทานต่อของพวกนี้มากกว่าเด็กแน่นอนอยู่แล้ว ดังนั้นในอาหารเสริม ในยาต่าง ๆ หรือสมุนไพรต่าง ๆ เขาก็จะบอกว่าเด็กและสตรีมีครรภ์ไม่ควรกิน ถ้าจะกินต้องปรึกษาคุณหมอก่อน เขาเขียนไว้อย่างนี้เพราะเขารู้ไงครับว่ามันอาจจะมีปัญหากับเด็กก็ได้ น้ำมันปลาตัวนี้ก็เหมือนกัน ในผู้ใหญ่เกิดหัวใจเต้นผิดปกติได้ แล้วคุณคิดเหรอครับว่าในเด็กมันเกิดไม่ได้ ผมไม่มีข้อมูลตรงนี้นะครับ แต่ผมก็ต้องระมัดระวังไว้ก่อนว่ามันอาจจะเกิดขึ้นได้ครับ
แล้วนอกเหนือจากเรื่องของ น้ำมันปลา วิตามินอื่น ๆ ทั้งหมด มันก็ต้องมีคุณหมอตรวจให้ชัดเจน อย่างถ้าเกิดคุณต้องการ DHA EPA อาหารทั่วไป นมแม่ หรือน้ำนมเด็กทารกในกรณีที่แม่ไม่มีน้ำนม ทั่วไปก็มี DHA EPA เพียงพอแล้วไม่ต้องกินเสริมครับ ในเด็กทารกที่คลอดออกมาแล้วดื่มนมแม่คุณไม่ต้องกินอะไรเสริมเลยครับมันเพียงพออยู่แล้ว 100% ด้วย และถ้าเกิดว่านมแม่มีไม่เพียงพอสูตรนมต่าง ๆ สำหรับเด็กทารกสมัยนี้ก็ดีเทียบเท่ากับนมแม่สามารถดื่มได้แล้วก็มีสารอาหารทุกอย่างครบถ้วนเรียบร้อยไม่ต้องไปซื้ออะไรที่มันแปลกประหลาดมาเสริมให้ลูกเลยครับ มิฉะนั้นลูกของท่านถ้าเกิดปัญหาอะไรขึ้นมามันหนักนะครับ
แล้วภาวะที่กินวิตามินเกินน่ะ Hypervitaminosis อย่าคิดว่ามันเป็นเรื่องเล่นๆ ผู้ใหญ่บางคนที่กินเกินแล้วเกิดปัญหาขึ้นมายังแย่เลยครับ นี่คิดดูเป็นเด็กอายุ 2 เดือน คุณให้กินเข้าไปแล้วอาจจะแย่กว่านั้นก็ได้
ก่อนจะซื้ออาหารเสริมใดๆ ให้เด็กกิน ควรปรึกษาหมอเด็กก่อนเสมอ
วันนี้ผมก็ขอมาเล่าแล้วก็เตือนทุกคนในเรื่องนี้แล้วกันนะครับ คุณจะซื้ออะไรก็เป็นสิทธิของคุณ คุณจะเชื่อใครเป็นสิทธิของคุณหมดเลยนะครับ ถ้าเกิดประโยชน์ก็เป็นสิ่งที่คุณตัดสินใจ แต่ถ้าเกิดมันเป็นโทษขึ้นมามันก็เป็นสิ่งที่คุณตัดสินใจเช่นกัน ไม่สามารถโทษใครได้ แต่มีสิ่งหนึ่งซึ่งถ้าฟังผมบ่นไปถึงตรงนี้ขอเตือนเรื่องนึงเถอะ “เรื่องเด็ก” ถ้าคุณจะเอาอาหารเสริมอะไรสักอย่างหนึ่งให้เด็กกรุณาถามหมอเด็กที่ดูแลก่อนครับ อย่าซื้ออะไรมาให้เด็กโดยที่คุณไม่ได้ถามหมอเด็ก แล้วถ้ามันเป็นเรื่องของวิตามินอาหารเสริมทั้งหมดสำหรับเด็กกรุณาไปหาหมอเด็กให้เขาตรวจสอบว่าลูกคุณจำเป็นจะต้องกินหรือไม่ อย่าไปอุตริเอามันมากิน เอามันมาให้ลูกคุณกิน เพราะถ้ามันเกิดเหตุอะไรร้ายแรงขึ้นมาคุณจะรู้สึกผิดไปตลอดชาติ ต่อให้คุณพยายามจะไปกล่าวโทษคนที่เขาขาย คุณแต่คุณนั่นแหละที่เป็นคนตัดสินใจทำอันตรายลูกคุณเองด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์นะครับ
ดูคลิปเต็มของคุณหมอ ที่นี่
นอกจากนี้ ทางด้านเพจ Drama-addict ก็โพสต์เคสเด็ก 7 ขวบเลือดกำเดาไหลบ่อยจากการกินน้ำมันปลามากเกินไป โดยมีข้อความว่า
เคสรีพอรท จากต่างประเทศครับ เคสนี้เป็นเด็กอายุเจ็ดขวบ พ่อแม่พามาโรงพยาบาลด้วยอาการที่ว่าน้องจะมีเลือดกำเดาไหลบ่อยมากโดยไม่ทราบสาเหตุ
หมอตรวจทุกอย่างปกติดี คุณหมอก็เลยซักประวัติพ่อแม่ว่ามีอาหารเสริมอะไรให้น้องกินไหม พ่อแม่ตอบว่าให้น้ำมันปลาน้องในโดสสูงมาก ได้ EPA DHA รวมไปพันกว่า mg ต่อวัน ซึ่งจริงๆที่แนะนำกันคือให้แค่วันละไม่เกิน 250 ถึง 500 ก็พอแล้ว (สำหรับผู้ใหญ่นะ ในเด็กเล็กน้อยกว่านั้นอีก)
คุณหมอเลยเอาน้องไปตรวจการแข็งตัวของเลือดก็พบว่าการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ จึงให้หยุดกินน้ำมันปลาหลังจากนั้นการแข็งตัวของเลือดก็ดีขึ้นและอาการเลือดกำเดาไหลเองก็หยุดลง เป็นตัวอย่างว่า การกินอาหารเสริมอย่างไม่เหมาะสมก็สามารถทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนได้
อันนี้เคสเด็กเจ็ดขวบยังมีเลือดกำเดาไหลออกบ่อยบ่อย ลองคิดดูว่าถ้าเป็นเด็กสองเดือนกินเข้าไปเยอะเยอะจะเป็นอย่างไร หนักสุดคืออาจมีเลือดออกในอวัยวะภายในร่างกายได้ซึ่งอันน้นัเป็นอันตรายถึงชีวิต
ฝากเป็นอุทาหรณ์ว่าก่อนพ่อแม่จะซื้ออาหารเสริมอะไรมาให้ลูกกินให้ปรึกษาเภสัชก่อนเสมอ อย่าซื้อจากออนไลน์มาให้กินด้วยฟังแค่คำโฆษณาจากคนขายเท่านั้นเป็นอันขาด
ที่มา: เพจ Drama-addict , Youtube Doctor Tany
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
เตือนแม่! อย่ากินอาหารที่ใช้ปากกาเมจิกเขียนบนถุง เสี่ยงมะเร็ง
เตือนภัย “เยลลี่กัญชา” รูปหมี เด็ก 2 ขวบกินเข้าไปไม่รู้ตัว เกือบไม่รอด
เตือนภัย! “สไลม์พิษ” ทำเด็ก 5 ขวบแพ้รุนแรง หลังเล่นเพียง 30 นาที
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!