โรคมะเร็งในเด็ก เป็นหนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตของเด็กทั่วโลก ที่สร้างความกังวลให้กับผู้ปกครองอย่างมาก แต่กรมการแพทย์ โดยสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ชี้ว่า การทำความเข้าใจและเรียนรู้เกี่ยวกับโรคนี้ จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สามารถเฝ้าระวังและรับมือได้อย่างทันท่วงที โดยเฉพาะการตรวจพบตั้งแต่เนิ่น ๆ ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายขาดได้สูงถึง 70-80% เลยทีเดียว
นายแพทย์ธนินทร์ เวชชาภินันท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ ได้เปิดเผยข้อมูล 5 อันดับโรคมะเร็งในเด็กที่พบมากที่สุด ซึ่งมีความแตกต่างจากมะเร็งในผู้ใหญ่ ดังนี้
5 อันดับ โรคมะเร็งในเด็ก ที่พบบ่อย
- มะเร็งเม็ดเลือดขาว (Leukemia): พบมากที่สุด เกิดจากความผิดปกติของเซลล์เม็ดเลือดขาวในไขกระดูก ทำให้ร่างกายสร้างเม็ดเลือดขาวที่ผิดปกติออกมา ส่งผลให้เด็กติดเชื้อง่าย เลือดออกง่ายผิดปกติ และมีภาวะซีด
- มะเร็งสมองและระบบประสาท (Brain and Nervous System Cancer): มีความหลากหลายชนิด ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่เกิด
- มะเร็งต่อมน้ำเหลือง (Lymphoma): มีความแตกต่างกันในด้านพยาธิสภาพ
- มะเร็งต่อมหมวกไต (Adrenal Gland Cancer): มักพบในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี
- มะเร็งกระดูก (Bone Cancer):

“หมอแนะ” วิธีสังเกตอาการ โรคมะเร็งในเด็ก สัญญาณเตือนที่ห้ามมองข้าม
นายแพทย์อาคม ชัยวีระวัฒนะ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวเพิ่มเติมว่า อาการบางอย่างของมะเร็งในเด็กอาจคล้ายคลึงกับโรคทั่วไป เช่น มีไข้ ซีด หรือมีจ้ำเลือด ทำให้ผู้ปกครองอาจชะล่าใจ
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการหมั่นสังเกตอาการผิดปกติของเด็กอย่างสม่ำเสมอ หากพบ “สัญญาณอันตราย” เหล่านี้ ควรรีบพาไปพบแพทย์ทันที:
- มีไข้สูงเรื้อรัง: โดยเฉพาะไข้ที่หาสาเหตุไม่ได้แน่ชัด หายช้า หรือเป็น ๆ หาย ๆ
- ซีดลง อ่อนเพลีย: เหนื่อยง่ายผิดปกติ หรือมีจุดจ้ำเลือดตามตัวโดยไม่ทราบสาเหตุ
- พบก้อนเนื้อผิดปกติ: ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น ก้อนที่คอ รักแร้ ขาหนีบ หรือคลำพบก้อนในท้อง
- ปวดกระดูกรุนแรง: โดยเฉพาะอาการปวดที่รุนแรงจนเด็กไม่สามารถเดินได้ หรือปวดตามแขนขาในตอนกลางคืน
- มีอาการทางระบบประสาท: เช่น เดินเซ อาเจียนบ่อย ๆ (โดยเฉพาะตอนเช้า) ปวดศีรษะอย่างรุนแรง หรือมีอาการชัก
- ความผิดปกติที่ดวงตา: เช่น ตาเหล่ฉับพลัน หรือสังเกตเห็นสีขาวผิดปกติในรูม่านตา
บทความที่เกี่ยวข้อง 11 สัญญาณเสี่ยง ลูกอาจเป็นมะเร็ง
การป้องกันและโอกาสในการรักษา
แม้ว่าการป้องกันมะเร็งในเด็กจะทำได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากส่วนใหญ่มักเกิดจากความผิดปกติของพันธุกรรมตั้งแต่แรกเกิด แต่ผู้ปกครองสามารถช่วยลดความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกได้โดยการดูแลสุขภาพของเด็กให้แข็งแรง เช่น ให้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และพาไปฉีดวัคซีนตามกำหนด
ข่าวดีคือ หากตรวจพบและรักษาได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ โอกาสที่เด็กจะหายขาดจากโรคมะเร็งมีสูงถึง 70-80% เลยทีเดียว การดูแลเอาใจใส่และสังเกตอาการของลูกน้อยอย่างใกล้ชิด จึงเป็นเกราะป้องกันที่ดีที่สุด

สัญชาตญาณของพ่อแม่ คือ “สัญญาณเตือน” ที่ดีที่สุด
แม้ว่าสัญญาณเตือนหลักของ โรคมะเร็งในเด็ก อาจสังเกตได้จากอาการ ไข้ ซีด พบก้อนเนื้อ ปวดกระดูก แต่ในโลกความจริง บ่อยครั้งที่อาการเริ่มต้นของมะเร็งในเด็กอาจคลุมเครืออย่างมาก
หลายเคสอาจไม่ได้มาด้วยอาการคลาสสิก แต่มาด้วยความรู้สึกว่า “ลูกดูไม่เหมือนเดิม” เช่น เด็กที่เคยซนมาก กลับมานอนซึมๆ เด็กที่เคยทานเก่ง กลับเบื่ออาหารโดยไม่มีเหตุผล หรือดูเพลีย แบบที่พักผ่อนแล้วก็ไม่ดีขึ้น อาการเหล่านี้อาจมาก่อนที่ไข้จะสูง หรือก่อนที่จะคลำเจอก้อนเสียอีก
คำแนะนำ คือ อย่ากลัวที่จะ “กังวลเกินเหตุ” ค่ะ ถ้าคุณพ่อคุณแม่รู้สึกว่า ลูกผิดปกติแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และอาการนั้นไม่หายไปใน 1-2 สัปดาห์ แม้จะไปหาหมอทั่วไปแล้วได้ยามาทาน แต่อาการยังทรงๆ หรือแย่ลง จงเชื่อสัญชาตญาณของคุณและขอรับการตรวจที่ละเอียดขึ้น หรือขอปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง
การรักษา โรคมะเร็งในเด็ก คือ “การวิ่งมาราธอน” ไม่ใช่ “การวิ่ง 100 เมตร”
ตัวเลขโอกาสหาย 70-80% เป็นเรื่องจริงและเป็นกำลังใจที่ดีมาก แต่ตัวเลขนี้ไม่ได้บอกว่า ระหว่างทางต้องเจอกับอะไรบ้าง
การรักษามะเร็งเด็ก (เช่น เคมีบำบัด, ฉายแสง) มักใช้เวลานาน ต่อเนื่องเป็นหลักเดือนหรือหลายปี มันคือการเดินทางไกลที่จะมีทั้งวันที่ดี (ตอบสนองต่อยา) และวันที่แย่ (ผลข้างเคียง, ติดเชื้อ)
ขอให้คุณพ่อคุณแม่เตรียมใจรับการเดินทางไกลนี้ ที่ต้องใช้ความอดทน การวางแผน ทั้งการงาน การเงิน และทีมเวิร์คที่แข็งแกร่งระหว่างครอบครัวและโรงพยาบาล สิ่งสำคัญคือ อย่าเปรียบเทียบลูกเรากับเด็กคนอื่น แม้จะเป็นโรคเดียวกัน แต่การตอบสนองต่อยาก็อาจต่างกันค่ะ
สุดท้ายนี้ ขอย้ำว่า เวลา คือหัวใจสำคัญที่สุด การตรวจพบเร็ว คือตัวเปลี่ยนเกม ที่แท้จริง การสังเกตของพ่อแม่คืออาวุธที่ดีที่สุดในการต่อสู้ครั้งนี้ค่ะ
ที่มา: สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
7 โรคระบาดยอดฮิตในเด็ก และอาการที่พ่อแม่ต้องคอยเฝ้าระวัง
ลูกมีจุดแดงตามตัว อย่าชะล่าใจ! อาจไม่ใช่แค่รอยยุงกัด แต่เป็นสัญญาณโรคร้ายในเด็ก
ไขข้อข้องใจ ลูกไอเวลานอน มีโรคอะไรแฝงอยู่?
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!