วันลอยกระทง นับเป็นอีกหนึ่งเทศกาลที่อาจเกิดเหตุสลดขึ้นได้ดังเช่นเหตุการณ์นี้ที่จังหวัดอุดรธานี โดยได้มีการรายงานข่าวว่า เด็กจมน้ำวันลอยกระทง โดยเป็นการรายงานว่าเด็กชายคนดังกล่าวอายุเพียง 11-12 ปีเท่านั้น โดยมีการรายงานว่าเด็กผู้ชายอายุประมาณ 12 -15 ปี จมน้ำขณะลงไปเก็บเงินในกระทง ที่หนองโป่งนกเป้า หน้าเทศบาลตำบลโนนสูง-น้ำคำ ในค่ำคืนวันลอยกระทง ที่ทางเทศบาลฯ จัดกิจกรรมประจำปี คาดว่าจมน้ำขณะลงไปเก็บเงินในกระทง แต่พลาดเกิดจมน้ำจนหมดสติ โดยภายในงานมีประชาชนเดินทางมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก หลังจากที่ต้องเว้นระยะการจัดงานเนื่องจากสถานการณ์ระบาดของโควิด – 19
เหตุดังกล่าวสร้างความตื่นตระหนกตกใจให้กับผู้มาร่วมงานเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นการเกิดขึ้นขณะที่ประชาชนกำลังสนุกสนานกับประเพณีลอยกระทง ซึ่งทางเทศบาลตำบลโนนสูง-น้ำคำจัดขึ้น ภายหลังทราบชื่อต่อมาว่าเด็กคนดังกล่าวชื่อ น้องตะวัน โดยมีนางสาววราลี ลายขุนทุด อายุ 27 ปี สามารถบันทึกภาพขณะเจ้าหน้าที่กำลังปั๊มหัวใจช่วยเหลือชีวิตเอาไว้ได้
นางสาววราลี หรือกี๋ เปิดเผยผ่านทางโทรศัพท์ว่า มาทำงานที่เต็นท์รถที่ จ.อุดรธานี ได้ประมาณ 5 ปี พักอาศัยอยู่ที่ ต.โนนสูง เทศกาลลอยกระทงจะมาลอยกระทงตามประเพณีกับครอบครัวตรงจุดนี้ประจำ แต่เว้นว่างช่วงโควิดไป 2 ปี ปีนี้จึงมาร่วมงานกับครอบครัวเช่นเคย ขณะเดินเที่ยวในงานก็สังเกตเห็นว่ามีเด็ก ๆ ลงไปอยู่ในน้ำเพื่อเก็บเงินในกระทงเป็นจำนวนมาก ตอนนั้นรู้สึกเป็นห่วงยังพูดกับแฟนอยู่ว่า เด็กๆพวกนี้อาจจะเกิดอันตรายได้ เนื่องจากที่ผ่านมารู้อยู่แล้วว่าที่หนองน้ำแห่งนี้มีความลึก เนื่องจากเคยมีการขุดลอก และเคยเห็นว่าหนองน้ำมีความลึกแค่ไหน
บทความที่เกี่ยวข้อง : นาทีชีวิต ฮีโร่สาว CPR ปั๊มหัวใจ ผายปอด ช่วยเด็กชายจมน้ำให้ฟื้น
ระหว่างนั้นมองเห็นว่ามีเด็กคนหนึ่งกำลังจมน้ำ เริ่มมีคนโวยวายเสียงดัง ไม่นานมีเจ้าหน้าที่ทหารที่มาช่วยดูแลภายในงาน กระโดดลงไปในน้ำเพื่อช่วยเหลือเด็กผู้ชายรายนี้ประมาณ 4 นาย ซึ่งไม่ห่างจากฝั่งมากนัก เมื่อนำตัวเด็กผู้ชายรายนี้ขึ้นมาได้ ก็มีเจ้าหน้าที่กู้ชีพเทศบาลตำบลโนนสูง-น้ำคำ เข้ามาช่วยกันปั๊มหัวใจและปฐมพยาบาล เบื้องต้นเด็กผู้ชายรายนี้มีชีพจรกลับมาและยังหายใจอยู่ จึงเร่งนำตัวส่งโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี เพื่อทำการรักษาช่วยชีวิตเป็นการเร่งด่วน และเพจข่าวเมืองอุดรธานีก็ได้ประกาศตามหาญาติ

ล่าสุดพ่อและแม่ของน้องตะวัน ได้เข้าพบแพทย์เพื่อปรึกษาหารือการรักษา และอาการของน้องยังไม่พ้นขีดอันตราย เพราะขาดอากาศหายใจเป็นเวลานาน โดยพ่อแม่ได้เปิดเผยว่า “อาการของน้อง หมอบอกว่าสมองตายแล้ว ไตวาย ตับไม่ทำงาน และปอดมีเลือดออกในปอด เพราะน้ำเข้าปอดจำนวนมาก ถ้าถอดเครื่องช่วยหายใจน้องไปได้เลย หมอให้ยากระตุ้น 3 ตัวแล้ว แต่น้องไม่ตอบสนองการรักษา นอนนิ่ง
กำลังคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกถึงกระโดดลงไปเอง มีคนผลัก เดินชน เพราะเป็นคนกลัวตาย กลัวจมน้ำ ถ้าต้องลงจะเลือกลงที่ตื้นที่สุดที่ทำได้ แต่จมน้ำแบบไหน เดินลงไป หรือกระโดดลงไปตอนไหน อยู่กับลูกตลอด พี่ชายไปหาน้องไม่เห็น เห็นรองเท้าลอยข้างเดียว จึงวิ่งมาบอกแม่ว่าไม่เห็นน้อง จึงวิ่งไปบอกทหารว่าน่าจะจมตรงนี้ เพราะมีฟองอากาศลอยขึ้นมา ทหารกระโดดลงไปช่วย และดึงขึ้นมา” แม่น้องตะวัน กล่าว
สถิติ เด็กจมน้ำวันลอยกระทง
สถานการณ์การ จมน้ำวันลอยกระทง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2560-2564) จากข้อมูลมรณบัตร กองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข พบว่า วันลอยกระทงวันเดียว มีคนจมน้ำเสียชีวิต 60 คน เฉลี่ยปีละ 12 คน และเป็นที่น่าสังเกตว่า ช่วงหลังวันลอยกระทงเพียง 1 วัน ของแต่ละปี จะพบว่ามีการจมน้ำเสียชีวิตสูงมากกว่าวันลอยกระทงถึง 1-2 เท่า กลุ่มอายุที่พบมากที่สุด คือ
- ช่วงอายุ 45-59 ปี (ร้อยละ 30)
- เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี (ร้อยละ 14)
- เป็นเพศชายมากกว่าเพศหญิงเกือบ 5 เท่า
สาเหตุที่ทำให้เกิดการจมน้ำในช่วงลอยกระทงที่พบบ่อยคือ
- การดื่มสุรา
- การลงไปเก็บเงินในกระทง
- การปล่อยให้เด็กลอยกระทงหรืออยู่ใกล้แหล่งน้ำตามลำพัง
ซึ่งจากข้อมูลในระบบเฝ้าระวังการบาดเจ็บแห่งชาติ ของกระทรวงสาธารณสุข พบว่า ผู้บาดเจ็บจากการจมน้ำและเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ มีความเกี่ยวข้องกับการดื่มแอลกอฮอล์ถึง ร้อยละ 15

วิธีการช่วยเหลือคนจมน้ำ
1. เรียกดูว่าหมดสติจริงหรือไม่
รีบนำเด็กที่จมน้ำออกจากที่เกิดเหตุและให้อยู่ในที่ปลอดภัย โดยจัดท่าให้นอนหงายราบบนพื้นราบแข็ง แล้วจึงเข้าไปนั่งข้างตัวผู้หมดสติ ตบที่ไหล่สองข้าง พร้อมเรียกด้วยเสียงดังๆ ขอความช่วยเหลือ
2. เรียกหาความช่วยเหลือ
ในกรณีที่เป็นเด็ก หากท่านอยู่เพียงคนเดียวให้ลงมือช่วยชีวิตเด็กก่อน แล้วค่อยไปโทรศัพท์ภายหลัง (CPR first) เพราะสาเหตุการหมดสติในเด็กมักเกิดจากทางเดินลมหายใจถูกอุดกั้น ซึ่งช่วยได้โดยการลงมือปฏิบัติการช่วยชีวิตก่อน โดยกดหน้าอก 30 ครั้ง และช่วยหายใจ 2 ครั้ง เป็นเวลา 2 นาที (5 รอบ) แล้วจึงละจากผู้ป่วยไปโทรศัพท์ 1669 เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่หากมีผู้อื่นอยู่ในบริเวณนั้น ให้ขอให้ผู้ใดผู้หนึ่งช่วยโทรศัพท์ 1669 เพื่อขอความช่วยเหลือพร้อมๆ กับเริ่มลงมือปฏิบัติการช่วยชีวิต
3. การกดหน้าอก 30 ครั้ง
- การปั๊มหัวใจในเด็กให้วางส้นมือของมือหนึ่งไว้กลางหน้าอกบริเวณครึ่งล่างของกระดูกหน้าอก (ใช้มือเดียว หรือใช้สองมือ ขึ้นอยู่กับขนาดตัวเด็ก)
- การกดหน้าอกโดยกดให้ยุบลงอย่างน้อย 1/3 ของความหนาของทรวงอก หรือ 5 ซม.
- สามารถทำได้โดยกดหน้าอกแล้วปล่อย ทำติดต่อกันไป 30 ครั้ง ให้ได้ความถี่ของการกด 100-120 ครั้งต่อนาที
4. เปิดทางเดินหายใจให้โล่ง
ทำโดยวิธีดันหน้าผากและยกคาง โดยการเอาฝ่ามือข้างหนึ่งดันหน้าผากลง นิ้วชี้และนิ้วกลางของมืออีกข้างหนึ่งยกคางขึ้น ใช้นิ้วมือยกเฉพาะกระดูกขากรรไกรล่างโดยไม่กดเนื้ออ่อนใต้คาง ให้หน้าผู้ป่วยเงยขึ้น
5. การช่วยหายใจแบบปากต่อปาก
ให้เลื่อนหัวแม่มือและนิ้วชี้ของมือที่ดันหน้าผากอยู่มาบีบจมูกเด็กให้รูจมูกปิดสนิท สูดลมหายใจเข้าตามปกติแล้วครอบปากผู้ช่วยเหลือเข้ากับปากของผู้หมดสติ ตาชำเลืองมองหน้าอกผู้หมดสติพร้อมกับเป่าลมเข้าไปจนหน้าอกของผู้หมดสติขยับขึ้น เป่านาน 1 วินาที แล้วถอนปากออก ให้ลมหายใจของผู้หมดสติผ่านกลับออกมาทางปาก เป่า 2 ครั้ง แล้วกลับไปกดหน้าอก
6. ใช้เครื่องช็อกไฟฟ้าหัวใจอัตโนมัติ (AED)
หากมีเครื่องเออีดี ให้เปิดเครื่องทันทีที่เครื่องมาถึง ใช้งานตามคำแนะนำของเออีดี จนกว่าทีมกู้ชีพจะมาถึง
7. ทำตามคำแนะนำของเครื่องเออีดี (AED) กดหน้าอก ทำ CPR อย่างต่อเนื่องจนกว่าทีมกู้ชีพจะมาถึง
8. ส่งต่อผู้ป่วยให้กับทีมกู้ชีพ เพื่อนำส่งโรงพยาบาล
ในส่วนของเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นเรื่องราวที่ใครต่างก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น กับการที่เด็กอาจเกิดอันตรายได้ในวันลอยกระทง อย่างเช่นเคสของน้องตะวัน ในครั้งต่อ ๆ ไป อยากฝากให้แต่ละครอบครัวระวังเรื่องเกี่ยวกับน้ำ หากบ้านไหนที่รู้ว่าลูกอาจว่ายน้ำไม่แข็ง จำเป็นที่จะต้องมีผู้ใหญ่อยู่ใกล้ชิด เนื่องจากว่าอันตรายเกิดขึ้นได้เสมอ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกเด็ก ม.1 อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ กสทช. ขู่เรียกเงินแสน!
โรคติดต่อ RSV เด็กไทยป่วยเพิ่มขึ้น ป่วยซ้ำเกือบทุกปี ควรป้องกันอย่างไร ?
เครื่องดื่มชงรสหวาน รู้หรือไม่? ถ้าดื่มเป็นประจำ ส่งผลเสียต่อสุขภาพ!
ที่มา : 1, 2, 3, 4
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!