การตามใจลูกมากเกินไป อาจเป็นดาบสองคมที่ทำร้ายลูกในระยะยาวอย่างคาดไม่ถึง theAsianparent จึงรวบรวม 10 เรื่องที่ไม่ควรตามใจลูก ทำร้ายลูกทางอ้อม ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่พบเจอได้บ่อยในชีวิตประจำวัน เพื่อเป็นแนวทางให้พ่อแม่เข้าใจถึงผลกระทบของการตามใจ และปรับเปลี่ยนวิธีการเลี้ยงดู เพื่อให้ลูกน้อยเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่แข็งแกร่ง มีวินัย และรู้จักรับผิดชอบ
10 เรื่องที่ไม่ควรตามใจลูก ทำร้ายลูกทางอ้อม
-
ยอมให้ลูกนอนดึกเกินไป
ลูกนอนดึกหรือเล่นเกม/ดูทีวีก่อนนอนไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ ที่มองข้ามได้ เพราะพฤติกรรมเหล่านี้ส่งผลเสียโดยตรงต่อ สุขภาพกาย พัฒนาการสมอง อารมณ์ และสมาธิ ของลูก เมื่อลูกนอนไม่พอ พวกเขาจะ หงุดหงิดง่าย เรียนรู้ได้ช้าลง และอาจมีปัญหาในการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมต่าง ๆ
สิ่งที่พ่อแม่ควรทำ
- กำหนดเวลาเข้านอนที่สม่ำเสมอ: การมีตารางเวลาที่ชัดเจนช่วยให้ร่างกายของลูกปรับตัวได้ดีขึ้น
- สร้างกิจวัตรก่อนนอนที่ผ่อนคลาย: เช่น การอ่านนิทาน การอาบน้ำอุ่น หรือการพูดคุยเบา ๆ ก่อนนอน จะช่วยให้ลูกรู้สึกสงบและพร้อมสำหรับการพักผ่อน
- งดใช้สื่อดิจิทัลก่อนนอน: แสงสีฟ้าจากหน้าจออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จะรบกวนการหลั่งเมลาโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยในการนอนหลับ
- ลองพูดแบบนี้: ใกล้ถึงเวลานอนแล้วนะลูก มาอ่านนิทานกัน แล้วพรุ่งนี้ค่อยดูการ์ตูนต่อ
ผลลัพธ์ที่ได้
การปรับเปลี่ยน เรื่องที่ไม่ควรตามใจลูก เล็ก ๆ น้อย ๆ นี้จะช่วยให้ลูกมีวินัยการนอนที่ดีขึ้น ร่างกายได้พักผ่อนเต็มที่ และที่สำคัญที่สุดคือ สมองของลูกจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมสำหรับการเรียนรู้และเติบโตในแต่ละวัน
-
ยอมให้ลูกเลือกกินแต่อาหารที่ชอบ
การยอมให้ลูกเลือกกินแต่ของโปรดอย่างขนมหวาน หรือปฏิเสธผักผลไม้ จะเป็นการปลูกฝังนิสัยการกินที่ไม่ดีตั้งแต่เด็ก ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวอย่างรุนแรง ลูกจะเสี่ยงต่อภาวะขาดสารอาหาร โรคอ้วน และโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง อื่นๆ ในอนาคต
สิ่งที่พ่อแม่ควรทำ
- เสนออาหารที่หลากหลาย: ชวนลูกกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ และเน้นผักผลไม้ให้เป็นส่วนหนึ่งของมื้ออาหารหลัก
- กระตุ้นให้ลองชิม: ไม่บังคับ แต่ชวนให้ลูกเปิดใจสำรวจรสชาติใหม่ๆ อาจเริ่มจากปริมาณน้อยๆ ก่อน
- เป็นแบบอย่างที่ดี: พ่อแม่ควรกินอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและให้ลูกเลียนแบบพฤติกรรมที่ดี
- ลองพูดแบบนี้: วันนี้เรามาลองชิมผักนี้ด้วยกันนะลูก อร่อยนะ มีประโยชน์ด้วย
ผลลัพธ์ที่ได้
การทำเช่นนี้จะช่วยให้ลูกเปิดใจลองอาหารใหม่ๆ หลากหลายชนิด และมีสุขภาพกายที่แข็งแรง เติบโตอย่างสมบูรณ์

-
ปล่อยให้ลูกใช้โทรศัพท์/แท็บเล็ตเป็นเวลานาน
การปล่อยให้ลูกใช้โทรศัพท์หรือแท็บเล็ตเป็นเวลานานโดยไม่มีการจำกัด หรือใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือเพื่อให้ลูกเงียบสงบ อาจดูเหมือนสะดวกสบาย แต่แท้จริงแล้วกลับเป็นอันตรายอย่างยิ่ง การใช้เวลาหน้าจอมากเกินไป นั้นเชื่อมโยงโดยตรงกับปัญหาด้านพัฒนาการภาษา สมาธิสั้น ปัญหาการนอนหลับ และที่น่ากังวลคือ ปัญหาสุขภาพจิตในระยะยาวถือเป็น เรื่องที่ไม่ควรตามใจลูก ที่สำคัญมากในยุคนี้
สิ่งที่พ่อแม่ควรทำ
- ตั้งกติกาและเวลาใช้หน้าจอให้ชัดเจน: กำหนดเวลาที่เหมาะสมและสม่ำเสมอในแต่ละวัน
- ส่งเสริมกิจกรรมหลากหลายนอกจอ: ชวนลูกเล่นเกมกลางแจ้ง อ่านหนังสือ หรือทำกิจกรรมสร้างสรรค์อื่นๆ ที่กระตุ้นพัฒนาการ
- เป็นแบบอย่างที่ดีในการใช้เทคโนโลยี: พ่อแม่เองก็ควรจำกัดเวลาหน้าจอของตัวเอง เพื่อให้ลูกเห็นและทำตาม
- ลองพูดแบบนี้: ลูกดูการ์ตูนได้อีก 15 นาทีนะ แล้วเรามาเล่นเกมต่อบล็อกกัน
ผลลัพธ์ที่ได้
การจำกัดเวลาและเปลี่ยนกิจกรรมจะช่วยให้ลูกมี เวลาทำกิจกรรมอื่นที่ส่งเสริมพัฒนาการรอบด้านมากขึ้น พัฒนาทักษะที่จำเป็น สำหรับชีวิตจริง และเรียนรู้ที่จะ ควบคุมตนเอง ในการใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม
-
ยอมให้ลูกกรีดร้อง อาละวาด เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ
การยอมให้ลูกกรีดร้อง อาละวาด หรือแม้แต่ใช้กำลังเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ เป็นการ สร้างนิสัยเอาแต่ใจให้กับลูกในระยะยาว พวกเขาจะขาดความยืดหยุ่น และมีปัญหาในการควบคุมอารมณ์ ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อการ เข้าสังคม และ ความสัมพันธ์กับผู้อื่นในอนาคต
สิ่งที่พ่อแม่ควรทำ
- กำหนดขอบเขตที่ชัดเจน: ลูกต้องเข้าใจว่าพฤติกรรมใดที่ยอมรับได้ และพฤติกรรมใดที่ยอมรับไม่ได้
- สอนวิธีจัดการอารมณ์ที่เหมาะสม: ชวนลูกพูดคุยถึงความรู้สึกผิดหวังหรือโกรธ และเสนอทางเลือกในการแสดงออกที่ไม่ทำร้ายตัวเองหรือผู้อื่น
- ไม่ให้รางวัลกับพฤติกรรมไม่พึงประสงค์: เมื่อลูกอาละวาด อย่าตอบสนองด้วยการให้สิ่งที่ลูกต้องการ เพราะนั่นจะเป็นการเสริมพฤติกรรมนั้นให้รุนแรงขึ้น
- ลองพูดแบบนี้: แม่เข้าใจว่าลูกอยากได้สิ่งนี้ แต่เราตกลงกันไว้แล้วว่าวันนี้จะยังไม่ซื้อนะจ๊ะ
ผลลัพธ์ที่ได้
การทำเช่นนี้จะช่วยให้ลูก เรียนรู้การจัดการอารมณ์ของตัวเองได้ดีขึ้น และเข้าใจขอบเขต ที่ว่าการแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวหรือเอาแต่ใจจะไม่นำไปสู่การได้สิ่งที่ต้องการ
-
ยอมให้ลูกละเลยความรับผิดชอบ
การยอมให้ลูกไม่ทำความสะอาดห้อง ไม่เก็บของเล่น หรือไม่ช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ ในบ้าน ดูเหมือนจะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่แท้จริงแล้วกำลังบ่มเพาะให้ลูกขาดความรับผิดชอบ พวกเขาจะไม่รู้จักคุณค่าของการดูแลข้าวของ และไม่เห็นความสำคัญของการช่วยเหลือผู้อื่น ซึ่งเป็นทักษะชีวิตที่จำเป็นอย่างยิ่งในการอยู่ร่วมกับสังคม
สิ่งที่พ่อแม่ควรทำ
- มอบหมายหน้าที่รับผิดชอบตามวัย: กำหนดงานบ้านที่เหมาะสมกับอายุและความสามารถของลูกอย่างสม่ำเสมอ
- สอนให้ลูกรับผิดชอบต่อผลลัพธ์: เมื่อลูกทำผิดพลาดหรือละเลยหน้าที่ ควรชี้ให้เห็นถึงผลที่ตามมาและสอนให้ลูกแก้ไขด้วยตัวเอง
- ลองพูดแบบนี้: นี่คือของเล่นของลูกนะลูก ลูกต้องเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อยนะ เดี๋ยวแม่จะช่วย
ผลลัพธ์ที่ได้
การส่งเสริมให้ลูกรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเอง จะช่วยให้ลูกมีความรับผิดชอบต่อตนเองและสิ่งของรอบตัว รู้จักพึ่งพาตัวเอง และพร้อมที่จะเป็นสมาชิกที่ดีของครอบครัวและสังคม

-
ปล่อยให้ลูกเลือกทุกอย่างโดยไม่มีขอบเขต
การปล่อยให้ลูกเลือกทุกอย่างโดยไม่มีการชี้นำหรือขอบเขต ไม่ว่าจะเป็นการเลือกเสื้อผ้าที่ไม่เหมาะสมกับสภาพอากาศ หรือการตัดสินใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวัน จะทำให้ลูกขาดความสามารถในการตัดสินใจที่เหมาะสม เพราะพวกเขาไม่เคยได้รับการฝึกฝนให้รู้จักพิจารณาปัจจัยต่างๆ หรือเลือกสิ่งที่ดีที่สุด
สิ่งที่พ่อแม่ควรทำ
- ให้ตัวเลือกที่จำกัดและเหมาะสม: แทนที่จะให้ลูกเลือกได้ทุกอย่าง ลองจำกัดตัวเลือกให้อยู่ในขอบเขตที่เหมาะสมกับสถานการณ์
- สอนเหตุผลเบื้องหลังการเลือก: อธิบายให้ลูกเข้าใจว่าทำไมการตัดสินใจบางอย่างถึงดีกว่าอีกอย่างหนึ่ง
- เปิดโอกาสให้ลูกเรียนรู้จากผลของการตัดสินใจ: เมื่อลูกเลือกแล้ว ให้พวกเขาได้เห็นผลลัพธ์ที่ตามมา ไม่ว่าจะเป็นผลดีหรือผลเสีย เพื่อเป็นบทเรียน
- ลองพูดแบบนี้: วันนี้อากาศหนาว ลูกเลือกได้ระหว่าง เสื้อแขนยาวสีฟ้ากับสีแดงนะ
ผลลัพธ์ที่ได้
การทำเช่นนี้จะช่วยให้ลูกเรียนรู้การเลือกในขอบเขตที่เหมาะสม พัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ และเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่สามารถตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดและมีความรับผิดชอบ
-
ให้ลูกใช้เงินเกินความจำเป็น
การให้เงินค่าขนมลูกมากเกินความจำเป็น หรือ ตามใจลูก ยอมซื้อของทุกอย่างที่ลูกอยากได้ทันที จะทำให้ลูกไม่เห็นคุณค่าของสิ่งของ เกิดนิสัยฟุ่มเฟือย และที่สำคัญคือ ขาดความสามารถในการบริหารจัดการเงินตั้งแต่เด็ก ท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาอาจกลายเป็นคน ไม่รู้จักพอ และไม่เข้าใจถึงคุณค่าของการทำงานแลกมาซึ่งสิ่งของ
สิ่งที่พ่อแม่ควรทำ
- สอนเรื่องการออม: ชวนลูกตั้งกระปุกออมสินและอธิบายให้เห็นว่าเงินที่เก็บสะสมมีประโยชน์อย่างไร
- ตั้งเป้าหมายในการซื้อของ: ให้ลูกเรียนรู้ที่จะวางแผนและเก็บเงินเพื่อซื้อสิ่งที่ต้องการ ไม่ใช่แค่ได้มาฟรีๆ
- เน้นคุณค่าของเงิน: อธิบายให้ลูกเข้าใจว่าเงินได้มาด้วยความพยายาม และสิ่งของมีมูลค่า
- ให้รางวัลด้วยประสบการณ์หรือคำชม: แทนที่จะซื้อของ ลองให้รางวัลเป็นกิจกรรมที่น่าสนใจ หรือคำชมเชยที่สร้างกำลังใจ
- ลองพูดแบบนี้: ถ้าลูกอยากได้ของเล่นชิ้นนี้ เรามาเก็บเงินค่าขนมกันนะ
ผลลัพธ์ที่ได้
การสอนเช่นนี้จะช่วยให้ลูกเรียนรู้คุณค่าของเงิน พัฒนาทักษะการวางแผน และรู้จักอดทน เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการอย่างมีคุณค่า

-
ให้ทุกอย่างที่ลูกอยากได้ทันที
การยอมให้ลูกได้ของเล่นที่ต้องการทันทีทันใด หรือไม่สอนให้ลูกรู้จักการแบ่งปัน จะทำให้ลูกขาดความอดทน และบั่นทอนทักษะการเข้าสังคม เพราะพวกเขาจะไม่เข้าใจการแบ่งปัน และอาจมีปัญหาในการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในอนาคต
สิ่งที่พ่อแม่ควรทำ
- สอนเรื่องการรอคอย: อธิบายให้ลูกเข้าใจว่าบางสิ่งบางอย่างต้องใช้เวลา
- ส่งเสริมการผลัดเปลี่ยนและแบ่งปัน: จัดกิจกรรมที่ลูกต้องเรียนรู้ที่จะเล่นร่วมกับผู้อื่น และแบ่งปันสิ่งของ
- เป็นแบบอย่างที่ดี: แสดงให้ลูกเห็นว่าการแบ่งปันและความอดทนเป็นเรื่องสำคัญในชีวิตประจำวัน
- ลองพูดแบบนี้: ตอนนี้เพื่อนกำลังเล่นของเล่นชิ้นนี้อยู่ ลูกรอเพื่อนเล่นเสร็จก่อนนะ แล้วค่อยขอเพื่อนเล่นด้วยกัน
ผลลัพธ์ที่ได้
ลูกจะเรียนรู้ความอดทน การเห็นอกเห็นใจผู้อื่น และพัฒนาทักษะการแบ่งปัน ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขในสังคม
-
ปกป้องลูกจากความผิดหวังทุกครั้ง
การพยายามปกป้องลูกจากความผิดหวังหรือความล้มเหลวทุกครั้ง ไม่ได้เป็นการสร้างความสุขให้ลูก แต่กลับเป็นการทำให้ลูกขาดความยืดหยุ่นทางอารมณ์ และไม่สามารถรับมือกับปัญหาหรือความผิดหวังในชีวิตจริงได้ เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่เป็นดั่งใจในอนาคต
สิ่งที่พ่อแม่ควรทำ
- เปิดโอกาสให้ลูกได้ลองผิดลองถูก: อนุญาตให้ลูกลองทำสิ่งใหม่ๆ แม้จะมีความเสี่ยงที่จะล้มเหลว
- สอนให้เรียนรู้จากความผิดพลาด: เมื่อลูกทำผิดพลาดหรือล้มเหลว ควรชี้ให้เห็นถึงสิ่งที่เรียนรู้ได้จากสถานการณ์นั้นๆ แทนการตำหนิ
- ให้กำลังใจในการก้าวผ่านความยากลำบาก: สนับสนุนให้ลูกพยายามต่อไป และชื่นชมในความพยายามมากกว่าผลลัพธ์
- ลองพูดแบบนี้: แม่เข้าใจว่าลูกเสียใจที่ทำไม่ได้ แต่ไม่เป็นไรนะ เรามาลองคิดดูว่าจะทำให้ดีขึ้นได้อย่างไร
ผลลัพธ์ที่ได้
การส่งเสริมให้ลูกได้เผชิญหน้ากับความผิดหวังอย่างเหมาะสม จะช่วยให้ลูกมีความแข็งแกร่งทางจิตใจ และเรียนรู้ที่จะเติบโตจากประสบการณ์ ทำให้เขากลายเป็นผู้ใหญ่ที่รับมือกับโลกภายนอกได้อย่างมั่นคง
-
ยอมให้ลูกละเมิดกฎของครอบครัว โรงเรียน หรือสังคม
การยอมให้ลูกละเมิดกฎของครอบครัว โรงเรียน หรือแม้แต่กฎของสังคมเล็กๆ น้อยๆ เป็นการบ่มเพาะให้ลูกขาดความเข้าใจเรื่องระเบียบวินัย พวกเขาจะไม่รู้จักเคารพผู้อื่น และอาจไม่สามารถปรับตัวเข้ากับกฎเกณฑ์ต่างๆ ในสังคมได้ เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ สิ่งนี้จะสร้างปัญหาในการใช้ชีวิตและการอยู่ร่วมกับผู้อื่น
สิ่งที่พ่อแม่ควรทำ
- กำหนดกฎกติกาที่ชัดเจนและสม่ำเสมอ: สร้างข้อตกลงที่ลูกเข้าใจและบังคับใช้โดยไม่ผ่อนปรน เพื่อให้ลูกรู้ว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ
- สอนเหตุผลเบื้องหลังของกฎ: อธิบายให้ลูกเข้าใจว่าทำไมถึงต้องมีกฎ เพื่อให้พวกเขายอมรับและปฏิบัติตามด้วยความเข้าใจ
- บังคับใช้กฎอย่างสม่ำเสมอ: ลูกจะเรียนรู้และจดจำเมื่อเห็นว่ากฎถูกนำมาใช้อย่างจริงจังทุกครั้ง
- ลองพูดแบบนี้: ลูกสามารถเล่นได้จนถึงเวลานี้นะ หลังจากนั้นเราต้องเก็บของเล่นเข้าที่
ผลลัพธ์ที่ได้
การสร้างขอบเขตที่ชัดเจนจะช่วยให้ลูกมี ระเบียบวินัย เคารพกฎกติกา และ เข้าใจขอบเขตที่เหมาะสมในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการเป็นพลเมืองที่ดีในสังคม
พ่อแม่ควร “ใจแข็ง” และ “กล้าที่จะไม่ตามใจ” ใน เรื่องที่ไม่ควรตามใจลูก เพราะการไม่ตามใจลูกในเรื่องที่ไม่ถูกต้อง จะช่วยให้ลูกเรียนรู้ที่จะควบคุมตนเอง รับผิดชอบต่อการกระทำ และสามารถเผชิญหน้ากับความท้าทายในชีวิตจริงได้อย่างเข้มแข็ง
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
เคล็ดลับสร้างวินัยเชิงบวกให้ลูก เลี้ยงลูกแบบ ใจดีแต่ไม่ใจอ่อน
หากลูกหมกมุ่นกับ 3 สิ่งนี้… พฤติกรรมที่ผู้ปกครองควรจับตา และรับมืออย่างทันท่วงที
EQ ต่ำ ไม่ใช่เรื่องไกลตัว: 3 พฤติกรรมเล็ก ๆ บนโต๊ะอาหารที่พ่อแม่ควรรู้ทัน
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!