TAP top app download banner
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
คู่มือสินค้า
เข้าสู่ระบบ
  • อยากท้อง
  • ระยะการตั้งครรภ์
    • โภชนาการ เเม่ท้อง เเม่ให้นม
    • ไตรมาส 1
    • ไตรมาส 2
    • ไตรมาส 3
    • ตั้งชื่อลูก
  • แม่ผ่าคลอด
    • พัฒนาการเด็กผ่าคลอด
    • เตรียมตัวผ่าคลอด
    • สุขภาพเด็กผ่าคลอด
    • คู่มือคุณแม่ผ่าคลอด
    • การดูแลหลังผ่าคลอด
    • โภชนาการเด็กผ่าคลอด
  • หลังคลอด
    • คลอดธรรมชาติ
    • ผ่าคลอด
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • ลูก
    • ทารกแรกเกิด
    • ทารก
    • เด็กวัยหัดเดิน
    • เด็กก่อนวัยเรียน
    • เด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น และวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • ที่เที่ยว
    • เที่ยวไทย
    • เที่ยวต่างประเทศ
    • ที่พัก และ โรงแรม
  • ที่กิน
    • ร้านอร่อย
    • ร้านอร่อยสำหรับเด็ก
    • คาเฟ่
    • เมนูอาหาร
  • ไลฟ์สไตล์
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • TAPpedia
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
  • VIP

อย่ามองข้าม! อึติดปลายจู๋ ลูกชายเสี่ยงติดเชื้อกระเพาะปัสสาวะ ไตวายไม่รู้ตัว

บทความ 8 นาที
อย่ามองข้าม! อึติดปลายจู๋ ลูกชายเสี่ยงติดเชื้อกระเพาะปัสสาวะ ไตวายไม่รู้ตัว

ลูกชายติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ เพราะอึติดปลายจู๋ จนเกือบไตวาย! แชร์ประสบการณ์จริง พร้อมอธิบายสาเหตุ อาการ การรักษา และวิธีป้องกัน UTI ในทารกแบบละเอียด

ในช่วงวัยแรกเกิดถึงขวบปีแรก การดูแลลูกชายตัวเล็กทุกจุดทุกซอก มักไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะ “น้องชายตัวน้อย” ที่หลายบ้านอาจคิดว่าแค่ล้างน้ำ สะอาดพอแล้ว แต่รู้หรือไม่ว่า “อึติดปลายจู๋” แม้จะดูเป็นเรื่องเล็กน้อย กลับเป็นชนวนสำคัญของ “การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ” ที่รุนแรงถึงขั้นเสี่ยงไตวาย!

บทความนี้จะพาไปดูเคสจริงของแม่ลูกคู่หนึ่ง ที่เกือบสูญเสียลูกชายวัยเพียง 2 เดือน 11 วัน จากเรื่องที่แม่ไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้น พร้อมคำแนะนำจากคุณหมอ และวิธีป้องกันอย่างถูกต้องสำหรับแม่ ๆ ที่มีลูกชาย

อึติดปลายจู๋

ลูกชายติดเชื้อกระเพาะปัสสาวะ เพราะ อึติดปลายจู๋

แม่แชร์ประสบการณ์ ใครมีลูกชาย ต้องระวัง อึติดที่ปลายจู๋ ทำให้ติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ เกือบไตวาย

สวัสดีครับผม อายุ 2 เดือน 11 วัน เริ่มกันเลย น้องเป็นเด็กอารมณ์ดีค่ะ จนมาวันนึง ช่วงเวลาตอนเย็นน้องมีอาการตัวรุม ๆ (เหมือนมีไข้อ่อน ๆ) แต่แม่ก็ยังไม่ได้พาน้องไปหาหมอ เพราะเย็นมากแล้ว กลัวคลีนิคปิดแล้ว อีกอย่างคือแม่คิดว่าน้องคงจะเป็นหวัดธรรมดา เพราะอากาศเปลี่ยน (อากาศเริ่มเย็น)

วันต่อมา ช่วง 16.00 น. แม่พาน้องไปคลินิกค่ะ (ไม่ได้พาไปตอนเช้า เพราะอากาศเย็นตัวร้องรุม ๆ ไม่ร้อน และไม่มีอาการอื่น จึงไม่ได้รีบพาไป) พอไปหาหมอที่คลีนิค วัดไข้น้อง 38° กว่า แม่น้ำตาซึม หมอบอกไข้สูงดีที่น้องไม่ชัก (เช็ดตัว และให้กินยาตอนนั้นเลย) กลับมาบ้านแม่ป้อนยาตามที่หมอสั่งทุก 4 ชม. และน้องอาการดีขึ้น

วันถัดไปเหมือนเดิมค่ะ แม่ป้อนยาน้องทุก 4 ชม. น้องไข้เริ่มลด 35-36° กว่า ๆ แม่ก็โล่งใจ จน 16.00 น. แม่อาบน้ำให้น้องค่ะ (น้ำอุ่น) เพราะคิดว่าน้องหายแล้วเลยอาบน้ำอาบไม่นาน หลังอาบน้ำ น้องมีอาการสั่น แม่จึงห่มผ้าให้น้อง ประมาณ 16.40 น. น้องเริ่มร้องคราง เริ่มงอแง 16.50 น. แม่เอาปรอทวัดไข้ให้น้อง สรุป 40° ทำอะไรไม่ถูก รีบพาน้องไปโรงพยาบาล พอไปถึง พยาบาลรีบวัดไข้ 39° พยาบาลรีบพาน้องเข้าห้องฉุกเฉิน รีบเช็ดตัวทันที ผ่านไปครึ่งชม. ไข้เริ่มลด 38° และให้แม่พาน้องไป x-ray ปอด หมอให้น้อง admit เพราะไข้ยังสูง กลัวชัก เวลา 23.30 น. น้องมีอาการตาเหลือกบน (ไม่ชัก) แม่รีบเรียกพยาบาล พยาบาลรีบพาน้องเข้าไปในห้อง รีบเช็ดตัวทันที และเจาะให้น้ำเกลือน้อง

วันที่ 4 ไข้เริ่มลด 35-36 ปกติแล้ว เวลา 08.00 น. หมอเจาะเลือด สวนฉี่เอาฉี่ไปตรวจด้วยว่าเป็นอะไร และน้องก็ไม่มีไข้ปกติทั้งวัน

พอวันที่ 5 ผลออก น้องฉี่ข้น (น้องติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ) หมออธิบายว่าสาเหตุน่าจะมาจาก “มีอึติดที่ปลายจู๋ด้านในของน้อง” ซึ่งเวลาน้องอึ แม่เช็ดทำความสะอาดเองตลอด คิดว่าทำดีที่สุดแล้ว แต่ก็พลาด ตอนที่หมอเช็ดตัวให้น้อง หมอเช็ดปลายจู๋ และจับหนังจู๋ถอยหลังนิดนึง เพื่อทำความสะอาด มีอึติดอยู่เล็กน้อย (หมอบอกแม่แบบนั้น อย่าด่าแม่) หมอให้ยาฆ่าเชื้อ เช้า-กลางวัน-เย็น

วันที่ 6 เวลา 08.00 น. หมอจะมาเจาะเลือดน้องอีกครั้ง และทำการเพาะเชื้อ 3 วัน เพื่อดูว่า ที่น้องติดเชื้อ คือเชื้อตัวไหน ถ้าน้องติดเชื้อตัวที่ไม่แรงมาก ก็ให้ยา 3-5 วัน แต่ถ้าเชื้อมีความรุนแรง ก็ให้ยา 7-9 วัน หมอย้ำว่า อย่าให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก เพราะจะทำให้น้องไตวาย เพราะน้องยังเด็ก

ปล. ประมาณ 5-7 วัน ก่อนหน้าที่น้องจะมีอาการตัวรุม ๆ (มีไข้อ่อน ๆ) ก่อนน้องฉี่ น้องจะร้องไห้ก่อนประมาณ 30 วิ แล้วก็จะฉี่ออกมา แต่แม่ยังไม่คิดอะไร เพราะคิดว่าน้องอาจจะเย็นก้น เพราะอากาศเริ่มเปลี่ยน เริ่มหนาว

เหตุการณ์ที่แม่จะไม่มีวันลืม เห็นลูกเจ็บ แม่น้ำตาร่วงตลอดค่ะ สงสารจับใจเลย พิมพ์ไปร้องไห้ไป แต่อยากมาแชร์ประสบการณ์ให้แม่ ๆ ได้อ่าน

อึติดปลายจู๋

โรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะในทารก: ภัยเงียบที่อันตรายกว่าที่คิด

UTI คืออะไร? ทำไมแม่ ๆ ต้องรู้จัก

UTI (Urinary Tract Infection) คือ การติดเชื้อแบคทีเรียในระบบทางเดินปัสสาวะ ซึ่งครอบคลุมทั้ง:

  • ท่อปัสสาวะ (Urethra)
  • กระเพาะปัสสาวะ (Bladder)
  • ท่อไต (Ureters)
  • ไต (Kidneys)

สำหรับเด็กทารก โดยเฉพาะอายุไม่ถึง 1 ปี ระบบภูมิคุ้มกันยังอ่อนแอ ทำให้ติดเชื้อได้ง่าย และเชื้ออาจลุกลามรวดเร็ว จากกระเพาะปัสสาวะไปยังไต ซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญในการกรองของเสีย

ทารกติดเชื้อ UTI ได้ยังไง?

สาเหตุหลักของ UTI ในเด็กทารก คือแบคทีเรียจากบริเวณก้น และอุจจาระ โดยเฉพาะเชื้อชื่อว่า E. coli (อีโคไล) ซึ่งเป็นแบคทีเรียปกติที่อยู่ในลำไส้ แต่ถ้ามันเดินทางจากก้นเข้าทางท่อปัสสาวะ ก็สามารถก่อให้เกิดการอักเสบได้ทันที

ในกรณีของเด็กชาย:

  • หากยังไม่ขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ (ซึ่งเป็นเรื่องปกติในไทย)
  • คราบอุจจาระอาจติดอยู่บริเวณซอกของหนังหุ้ม
  • เมื่อมีการหมักหมม แบคทีเรียสามารถเข้าไปในท่อปัสสาวะ และเดินทางสู่กระเพาะปัสสาวะได้

ทำไมการติดเชื้อในทารกถึงอันตรายกว่าในผู้ใหญ่?

  • ระบบภูมิคุ้มกันยังไม่พัฒนาเต็มที่ – ทำให้ร่างกายตอบสนองต่อเชื้อโรคได้ช้ากว่าผู้ใหญ่
  • ไม่มีอาการชัดเจน – เด็กเล็กพูดไม่ได้ ไม่บอกว่าเจ็บตรงไหน บางทีร้องไห้ แม่ก็คิดว่าแค่ง่วง หิว หรือติดหวัด
  • เชื้อเข้าสู่ไตได้เร็ว – การติดเชื้อที่ไม่ได้รับการรักษาทันเวลา อาจลุกลามสู่ไต ทำให้เกิด “ภาวะกรวยไตอักเสบ” และนำไปสู่ “ไตวาย” ได้
  • อาการคล้ายไข้ทั่วไป – ทำให้พลาดช่วงเวลาสำคัญ ในการพาไปรักษา

สัญญาณอันตรายของ UTI ในทารกที่แม่ต้องจับตา

หลายเคสไม่มีอาการชัดเจน แต่สัญญาณเล็ก ๆ ต่อไปนี้คือ ธงแดงที่ไม่ควรละเลย

ในทารกแรกเกิดถึง 6 เดือน:

  • ไข้สูงโดยไม่มีน้ำมูก ไอ หรืออาการหวัด
  • งอแงมากผิดปกติ
  • ดูซึม ไม่กินนม
  • ปัสสาวะมีกลิ่นแรง หรือเปลี่ยนสี
  • ผิวดูเหลืองซีด หรือขอบตาเขียวคล้ำ
  • อาเจียน หรือท้องเสียร่วมด้วย

ในทารกที่เริ่มโต (6 เดือน – 2 ปี):

  • ร้องไห้ก่อนฉี่หรือขณะฉี่
  • จับอวัยวะเพศบ่อย แสดงว่าเจ็บหรือคัน
  • ฉี่ออกน้อยกว่าปกติ หรือลำบากเวลาปัสสาวะ
  • มีไข้กลับไปกลับมา

UTI บางครั้งไม่มีไข้ แต่ลูกดู “ไม่ปกติ” เช่น กินน้อย งอแงทั้งวัน ก็ควรปรึกษาแพทย์

อึติดปลายจู๋

การวินิจฉัย: ตรวจฉี่ง่าย ๆ แต่สำคัญมาก

หมอจะวินิจฉัย UTI โดยการ:

  • เก็บตัวอย่างปัสสาวะ – อาจใช้วิธีติดถุงเก็บฉี่ หรือสวนปัสสาวะ
  • ตรวจภายใต้กล้องจุลทรรศน์ – หาดูเซลล์เม็ดเลือดขาว และแบคทีเรีย
  • เพาะเชื้อในห้องแล็บ – เพื่อหาว่า เชื้อที่ทำให้เกิดการติดเชื้อ คืออะไร และแพ้หรือดื้อต่อยาฆ่าเชื้อตัวไหน
  • หากพบว่ามีการติดเชื้อ หมอจะสั่ง ยาปฏิชีวนะเฉพาะทาง เพื่อจัดการกับเชื้อนั้นโดยตรง

การรักษา UTI ในทารก

  • ถ้าอาการไม่หนัก แพทย์อาจให้ยากินกลับบ้าน
  • แต่ในเด็กเล็กมาก (ต่ำกว่า 3 เดือน) หรือกรณีที่ไข้สูง อาจต้อง แอดมิท เพื่อให้ยาทางเส้นเลือด (IV) และเฝ้าระวังอาการใกล้ชิด

ระยะเวลาให้ยา ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของเชื้อ เช่น:

  • 3-5 วัน ถ้าเชื้อไม่รุนแรง
  • 7-10 วัน ถ้าเป็นเชื้อรุนแรง หรือมีภาวะลุกลาม

ถ้าไม่รักษา อาจเกิดอะไรขึ้นได้บ้าง?

  • ติดเชื้อในกระแสเลือด (Sepsis) – ภาวะฉุกเฉินที่แบคทีเรียเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้เกิดอาการช็อก ความดันตก เสียชีวิตได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง
  • กรวยไตอักเสบ (Pyelonephritis) – การติดเชื้อที่ลามขึ้นไปถึงไต ทำให้เกิดแผลเป็นในไต ส่งผลต่อการทำงานระยะยาว
  • ไตวายเรื้อรัง – ไตกรองของเสียไม่ได้ นำไปสู่การฟอกไต ตั้งแต่วัยเด็ก

ป้องกัน UTI อย่างไร? คู่มือสำหรับแม่ ๆ ที่มีลูกชาย

ทำความสะอาดอย่างถูกวิธี

  • ใช้สำลีชุบน้ำอุ่น เช็ดจากด้านหน้าไปด้านหลัง
  • ดึงหนังหุ้มปลายจู๋เบา ๆ เพื่อเช็ดด้านใน (ไม่ต้องฝืนดึงแรง)
  • หมั่นเปลี่ยนผ้าอ้อมทุก 2-3 ชั่วโมง
  • ซับให้แห้งก่อนใส่ผ้าอ้อมใหม่

หลีกเลี่ยงการอาบน้ำนานเกินไป

  • โดยเฉพาะในอ่างน้ำที่มีคราบสบู่หรือปัสสาวะผสม
  • ถ้าใช้กะละมังร่วมกับพี่น้อง ควรล้างให้สะอาดก่อน

อย่าปล่อยให้อึหมักหมม

บทความจากพันธมิตร
รีวิวเจาะลึกนมผง เด่นเรื่องสมอง เสริม DHA และพัฒนาการรอบด้านของเด็ก แถมมีสารอาหารแน่น มาดูกันชัดๆ ว่ากล่องไหน ตอบโจทย์แม่ที่สุด
รีวิวเจาะลึกนมผง เด่นเรื่องสมอง เสริม DHA และพัฒนาการรอบด้านของเด็ก แถมมีสารอาหารแน่น มาดูกันชัดๆ ว่ากล่องไหน ตอบโจทย์แม่ที่สุด
ไม่ใช่แค่ยุงกัด...แต่คือวิกฤต เมื่อ “ไข้เลือดออก” สร้างผลกระทบที่ลึกซึ้งมากกว่าที่คิดในครอบครัว
ไม่ใช่แค่ยุงกัด...แต่คือวิกฤต เมื่อ “ไข้เลือดออก” สร้างผลกระทบที่ลึกซึ้งมากกว่าที่คิดในครอบครัว
อาหารมื้อแรก สำหรับลูกรัก กินอะไรดี? เพื่อสารอาหารที่ครบถ้วน
อาหารมื้อแรก สำหรับลูกรัก กินอะไรดี? เพื่อสารอาหารที่ครบถ้วน
ดูแลทารกแรกเกิดวิกฤติน้ำหนักเพียง 500 กรัมสำเร็จ ด้วยความเชี่ยวชาญระดับสากล ที่ โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล
ดูแลทารกแรกเกิดวิกฤติน้ำหนักเพียง 500 กรัมสำเร็จ ด้วยความเชี่ยวชาญระดับสากล ที่ โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล
  • เช็ดทุกครั้งหลังอึ ไม่ว่าจะกลางวัน หรือกลางคืน
  • ใช้น้ำเปล่าล้างร่วมด้วย จะสะอาดกว่าแค่เช็ด

พาไปพบแพทย์ หากมีสัญญาณผิดปกติ

  • โดยเฉพาะ “ไข้สูงโดยไม่มีอาการหวัด”
  • อย่ารอเกิน 24 ชั่วโมง

“อึติดปลายจู๋” ฟังดูเหมือนแค่เรื่องตลกในหมู่แม่ ๆ แต่เมื่อเกิดขึ้นจริง มันอาจเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องเศร้า ที่ไม่มีใครอยากเจอ อย่าคิดว่าเด็กอารมณ์ดี ไม่มีน้ำมูก ไม่มีไอ คือปลอดภัยเสมอ หมั่นสังเกตลูกในทุกอาการ เปลี่ยนผ้าอ้อมให้บ่อย เช็ดทุกจุดให้สะอาด และอย่ากลัวที่จะถามหมอ หากมีข้อสงสัย เพราะความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ อาจเป็นตัวเปลี่ยนชีวิตลูกคุณได้

ที่มา: สารพันปัญหาเลี้ยงลูก

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

อุทาหรณ์! ปู่ย่าพาหลานไปหา “หมอเป่า” สุดท้ายติดเชื้อลุกลาม น่าสงสาร

หมอเตือน! โรคครูป ระบาดหน้าฝน สังเกตเสียงไอ-รับมือก่อนลูกแย่

อย่าเพิ่งอี๋ ลูกน้อยอึสีเขียว ดำ เทา บอกอะไรเกี่ยวกับสุขภาพลูก

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

Follow us on:
facebook-logo instagram-logo tiktok-logo
img
บทความโดย

PP.

  • หน้าแรก
  • /
  • สุขภาพและโภชนาการ
  • /
  • อย่ามองข้าม! อึติดปลายจู๋ ลูกชายเสี่ยงติดเชื้อกระเพาะปัสสาวะ ไตวายไม่รู้ตัว
แชร์ :
  • ลูกน้ำมูกไหลหลังว่ายน้ำ เกิดจากอะไร? ป้องกันยังไงไม่ให้ลูกป่วย?

    ลูกน้ำมูกไหลหลังว่ายน้ำ เกิดจากอะไร? ป้องกันยังไงไม่ให้ลูกป่วย?

  • เปิดด้านใน! ลูกยางแดงดูดน้ำมูก แล้วคุณจะไม่อยากใช้ซ้ำอีกเลย!

    เปิดด้านใน! ลูกยางแดงดูดน้ำมูก แล้วคุณจะไม่อยากใช้ซ้ำอีกเลย!

  • วิจัยเผย! วิธีรักษาดาวน์ซินโดรมแบบใหม่ ช่วยตัดโครโมโซมที่เกินออกได้

    วิจัยเผย! วิธีรักษาดาวน์ซินโดรมแบบใหม่ ช่วยตัดโครโมโซมที่เกินออกได้

  • ลูกน้ำมูกไหลหลังว่ายน้ำ เกิดจากอะไร? ป้องกันยังไงไม่ให้ลูกป่วย?

    ลูกน้ำมูกไหลหลังว่ายน้ำ เกิดจากอะไร? ป้องกันยังไงไม่ให้ลูกป่วย?

  • เปิดด้านใน! ลูกยางแดงดูดน้ำมูก แล้วคุณจะไม่อยากใช้ซ้ำอีกเลย!

    เปิดด้านใน! ลูกยางแดงดูดน้ำมูก แล้วคุณจะไม่อยากใช้ซ้ำอีกเลย!

  • วิจัยเผย! วิธีรักษาดาวน์ซินโดรมแบบใหม่ ช่วยตัดโครโมโซมที่เกินออกได้

    วิจัยเผย! วิธีรักษาดาวน์ซินโดรมแบบใหม่ ช่วยตัดโครโมโซมที่เกินออกได้

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
  • พัฒนาการลูก
  • ชีวิตครอบครัว
  • ระยะการตั้งครรภ์
  • โภชนาการ
  • ไลฟ์สไตล์
  • TAP สังคมออนไลน์
  • ติดต่อโฆษณา
  • ติดต่อเรา
  • Influencer Marketing (KOL)
  • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Vietnam flag Vietnam
© Copyright theAsianparent 2025. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว