ลูกชอบเรียงของ นำของเล่น หรือสิ่งของรอบตัว มาเรียงเป็นแถวอย่างเป็นระเบียบ นี่เป็นเรื่องปกติของพัฒนาการเด็กเล็กทั่วไป หรือเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงออทิสติก? มาทำความเข้าใจไปพร้อมกัน
ลูกชอบเรียงของ เป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการปกติ
ก่อนจะกังวลว่าการเรียงของของลูกเป็นสัญญาณเตือนอะไรหรือไม่ มาดูกันก่อนว่าทำไมเด็กๆ โดยทั่วไปถึงชอบทำพฤติกรรมนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการที่สำคัญของพวกเขา
ลูกน้อยกำลังอยู่ในช่วงเวลาของการเรียนรู้โลกกว้างรอบตัว พฤติกรรมการเรียงของคือวิธีหนึ่งที่พวกเขาใช้ในการสำรวจและทำความเข้าใจสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปทรง ขนาด สี หรือความสัมพันธ์ระหว่างของแต่ละชิ้น การเรียงสิ่งของช่วยให้ลูกได้จัดระเบียบข้อมูลในสมอง และเรียนรู้ที่จะจำแนกหมวดหมู่ของสิ่งต่างๆ
-
การพัฒนาทักษะการจัดหมวดหมู่
การเรียงของเป็นการฝึกฝนทักษะการจัดหมวดหมู่โดยตรง ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของทักษะการคิดเชิงตรรกะและคณิตศาสตร์ในอนาคต เมื่อลูกแยกประเภทหรือจัดเรียงสิ่งของ พวกเขากำลังพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์และจัดกลุ่มข้อมูล
-
ความรู้สึกของการควบคุมและคาดการณ์ได้
ในโลกที่เต็มไปด้วยสิ่งใหม่ๆ ที่ควบคุมไม่ได้ การที่ลูกสามารถจัดเรียงสิ่งของให้เป็นระเบียบตามที่ต้องการได้ จะทำให้พวกเขารู้สึกถึงความมั่นคงและควบคุมสถานการณ์ได้ สิ่งนี้ช่วยสร้างความรู้สึกปลอดภัยและลดความกังวลในใจของเด็กๆ
-
ความคิดสร้างสรรค์และการเล่นเชิงสร้างสรรค์
ลูกชอบเรียงของ ก็เป็นจุดเริ่มต้นของการเล่นที่ซับซ้อนขึ้น เช่น การสร้างสรรค์สิ่งก่อสร้างจากบล็อกไม้ การจัดฉากเล่นบทบาทสมมุติ หรือการสร้างรูปแบบที่แปลกใหม่ตามจินตนาการของพวกเขา พฤติกรรมนี้จึงเป็นการแสดงออกถึงความคิดสร้างสรรค์ได้เช่นกัน

พฤติกรรมการเรียงของในเด็กออทิสติก ต่างจากเด็กทั่วไปอย่างไร
แม้ว่าเด็กทั่วไปจะชอบเรียงของได้ แต่ในเด็กที่มีภาวะออทิสติก (Autism Spectrum Disorder หรือ ASD) พฤติกรรมการเรียงของมักจะมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างออกไป ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่ม “พฤติกรรมซ้ำๆ และความสนใจที่จำกัด” (Restricted and Repetitive Behaviors – RRBs) ซึ่งเป็นหนึ่งในเกณฑ์สำคัญที่แพทย์ใช้ในการวินิจฉัยออทิสติก
แต่ก็อย่าเพิ่งตกใจไปนะคะ การที่ลูกชอบเรียงของไม่ได้หมายความว่าลูกเป็นออทิสติกเสมอไป เราต้องพิจารณาดูร่วมกับสัญญาณอื่นๆ ด้วย
ลักษณะเฉพาะของพฤติกรรมการเรียงของในเด็กออทิสติก
- หมกมุ่นสูงเป็นพิเศษ (Intense Preoccupation): ลูกอาจใช้เวลานานมากๆ ในการเรียงของ โดยไม่สนใจสิ่งแวดล้อมรอบข้าง หรือไม่สนใจกิจกรรมอื่นที่ปกติลูกเคยชอบ
- ต้องเรียงให้ได้ตามใจ (Compulsive Need): ลูกจะมีความรู้สึกว่าต้องเรียงของให้เป็นไปตามรูปแบบที่เขาต้องการเป๊ะๆ ถ้ามีใครไปขยับหรือทำให้รูปแบบเปลี่ยนไป ลูกอาจจะแสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรง เช่น โวยวาย ร้องไห้ หรือโมโห
- รูปแบบที่ตายตัวและไม่ยืดหยุ่น (Rigid and Inflexible Patterns): การเรียงของของลูกมักจะเป็นรูปแบบเดิมๆ ซ้ำๆ ไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลงหรือคิดสร้างสรรค์รูปแบบใหม่ๆ เหมือนเด็กทั่วไป
- วัตถุประสงค์ที่ไม่ใช่การเล่นตามจินตนาการ (Different Purpose): การเรียงของของเด็กออทิสติกอาจไม่ได้มีไว้เพื่อเล่นบทบาทสมมติ หรือสำรวจสิ่งของเพื่อการเรียนรู้ แต่เป็นการตอบสนองความต้องการทางประสาทสัมผัสบางอย่าง (เช่น ชอบมองเห็นอะไรที่เป็นระเบียบมากๆ) หรือเพื่อความรู้สึกที่ว่าทุกอย่างต้องสม่ำเสมอและคาดเดาได้
- อาจกระทบการเข้าสังคมและการสื่อสาร: พฤติกรรมการเรียงของที่หมกมุ่นมากๆ อาจทำให้ลูกไม่สนใจเล่นกับคนอื่น หรือไม่ค่อยได้เรียนรู้ทักษะการเข้าสังคมและการสื่อสาร เพราะมัวแต่จดจ่ออยู่กับการเรียงของ
สถิติและสิ่งที่ควรรู้
จากงานวิจัยต่างๆ พบว่า ประมาณ 70-90% ของเด็กที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นออทิสติก จะมีพฤติกรรมซ้ำๆ ในรูปแบบต่างๆ ซึ่งรวมถึงการเรียงของที่ซ้ำซากและหมกมุ่นด้วย (อ้างอิงจาก American Academy of Pediatrics และ National Institutes of Health)
แต่ในทางกลับกัน มีเพียงประมาณ 1 ใน 4 ของเด็กเล็กที่แสดงพฤติกรรมซ้ำๆ หรือชอบเรียงของอย่างชัดเจน ที่จะถูกวินิจฉัยว่าเป็นออทิสติกในภายหลัง (อ้างอิงจาก Research in Autism Spectrum Disorders)
แสดงให้เห็นว่า การเรียงของเพียงอย่างเดียว ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดตายตัวว่าลูกเป็นออทิสติก เพราะพฤติกรรมนี้ก็พบได้ในเด็กทั่วไปเช่นกัน สิ่งสำคัญคือต้องดูภาพรวมของพัฒนาการทั้งหมดของลูกค่ะ
สัญญาณเตือนอื่นๆ ที่ควรสังเกตควบคู่
|
พฤติกรรมที่ควรสังเกต |
|
ปัญหาด้านการสื่อสารและการเข้าสังคม |
ไม่สบตา หรือสบตาน้อยมาก |
|
ไม่ยิ้ม หรือไม่มีการตอบสนอง เมื่อถูกยิ้มให้หรือมีปฏิสัมพันธ์ |
6-9 เดือน |
ไม่มีการส่งเสียงอ้อแอ้ หรือเลียนเสียงโต้ตอบ (Back-and-forth babbling) |
9-12 เดือน |
ไม่ตอบสนองต่อชื่อเรียก (แม้จะเรียกหลายครั้ง) |
12 เดือน ขึ้นไป |
ไม่ชี้บอกความต้องการ หรือไม่ใช้ท่าทางสื่อสาร (เช่น โบกมือบ๊ายบาย, ชี้ของที่อยากได้) |
|
ไม่มีคำพูดที่มีความหมาย (เช่น พ่อ แม่) |
16 เดือน |
ไม่เล่นสมมติ (เช่น เล่นป้อนข้าวตุ๊กตา, ขับรถเล่น) |
18 เดือน |
ไม่มีวลี 2 คำที่มีความหมาย (ไม่ใช่การเลียนเสียงซ้ำ) |
24 เดือน (2 ขวบ) |
ไม่สนใจเล่นกับเด็กคนอื่น หรือแยกตัวออกจากกลุ่ม |
36 เดือน (3 ขวบ) |
สูญเสียทักษะที่เคยมี (เช่น เคยพูดได้แล้วหยุดพูด, เคยเล่นโต้ตอบแล้วไม่เล่น) |
ทุกช่วงวัย |
พฤติกรรมซ้ำๆ และความสนใจจำกัด |
ทำพฤติกรรมซ้ำๆ เช่น สะบัดมือ โยกตัว หมุนตัว อย่างชัดเจนหรือบ่อยครั้ง |
9 เดือน ขึ้นไป (อาจสังเกตเห็นได้ตั้งแต่ 9 เดือน และชัดเจนขึ้นเมื่อโตขึ้น)
|
หมกมุ่นกับการเรียงของ หรือของบางอย่างเป็นพิเศษ โดยไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อการเล่นปกติ |
18 เดือน ขึ้นไป (เมื่อพฤติกรรมนี้เด่นชัดกว่าการเล่นแบบอื่น และมีความยืดหยุ่นน้อย)
|
หมกมุ่นกับส่วนใดส่วนหนึ่งของของเล่น (เช่น หมุนล้อรถอย่างเดียว) |
18 เดือน ขึ้นไป |
แสดงอาการไม่พอใจรุนแรง เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงกิจวัตรประจำวันหรือสิ่งที่คุ้นเคย |
18 เดือน ขึ้นไป |
มีความไวต่อการรับรู้ทางประสาทสัมผัสที่ผิดปกติ (เช่น ไวต่อเสียงดังมาก, ไม่ชอบเนื้อสัมผัสบางอย่าง) |
ทุกช่วงวัย (อาจสังเกตเห็นได้ตั้งแต่เป็นทารก)
|
เมื่อไหร่ที่ควรปรึกษาแพทย์?
หากลูกหมกมุ่นกับการเรียงของมากเกินไปจนไม่สนใจกิจกรรมอื่น ไม่ยอมเล่นกับผู้อื่น หรือพฤติกรรมนี้รบกวนการเรียนรู้และพัฒนาการในด้านอื่นๆ อย่างชัดเจน
รวมถึงสังเกตเห็นสัญญาณเตือนอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น พัฒนาการทางภาษาล่าช้า, ไม่สบตา, ไม่ตอบสนองต่อชื่อ, ไม่เล่นโต้ตอบกับคนอื่น, หรือมีพฤติกรรมซ้ำๆ อย่างอื่น เช่น สะบัดมือ โยกตัว ควรปรึกษาแพทย์ทันที

ลูกเป็นออทิสติก รักษาอย่างไร?
สิ่งสำคัญที่อยากให้คุณพ่อคุณแม่เข้าใจคือ ออทิสติกไม่สามารถ “รักษาให้หายขาด” ได้ แต่เน้นที่การจัดการและส่งเสริมพัฒนาการให้เด็กใช้ชีวิตได้อย่างเต็มศักยภาพ โดยมีแนวทางหลักดังนี้
- บำบัดพฤติกรรม (ABA): สอนทักษะใหม่ๆ เช่น การสื่อสาร การเข้าสังคม และลดพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
- บำบัดพัฒนาการ:
- กิจกรรมบำบัด (OT): ช่วยเรื่องทักษะการเคลื่อนไหว การช่วยเหลือตัวเอง และการจัดการความไวทางประสาทสัมผัส
- แก้ไขการพูด (Speech Therapy): พัฒนาทักษะการสื่อสารและภาษา
- กายภาพบำบัด (PT): สำหรับเด็กที่มีปัญหาการเคลื่อนไหว
- การสนับสนุนครอบครัว: พ่อแม่และผู้ดูแลมีบทบาทสำคัญในการเรียนรู้เทคนิคส่งเสริมพัฒนาการลูกที่บ้าน
- การจัดการยา: ใช้ในบางกรณีเพื่อจัดการอาการเฉพาะ เช่น สมาธิสั้น วิตกกังวล โดยต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
- การทำงานเป็นทีม: พ่อแม่ แพทย์ นักบำบัด และครูต้องร่วมมือกันเพื่อสร้างแผนดูแลที่เหมาะสมกับเด็กแต่ละคน
สังเกตลูกรักด้วยความเข้าใจ ไม่ต้องด่วนสรุป
พฤติกรรมการเรียงของของลูกน้อยเป็นเรื่องที่พบได้บ่อย และเป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการตามวัยในเด็กหลายคน แต่ในขณะเดียวกัน ก็อาจเป็นสัญญาณหนึ่งของออทิสติกได้เช่นกัน คุณพ่อคุณแม่ต้องสังเกต “ภาพรวม” ของพัฒนาการลูกน้อยในทุกด้าน ไม่ใช่แค่เพียงพฤติกรรมการเรียงของเพียงอย่างเดียว
หากคุณพ่อคุณแม่มีความกังวล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพฤติกรรมการเรียงของ หรือพัฒนาการด้านอื่นๆ ที่ดูไม่เป็นไปตามวัยหรือไม่เหมือนเด็กทั่วไป การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็กเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด อย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือ เพราะการวินิจฉัยตั้งแต่เนิ่นๆ จะส่งผลดีต่ออนาคตของลูกรักได้อย่างมหาศาล
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ลูกชอบทำอะไรซ้ำๆ ปกติมั้ย? แบบไหน มีภาวะเสี่ยงออทิสติก!
สัญญาณเตือนออทิสติก มีอะไรบ้าง สังเกตได้จากเพลงกล่อมเด็กจริงไหม?
เช็กสัญญาณเสี่ยง! ออทิสติกเทียม รีบแก้ไข ก่อนเป็นภัยคุกคามพัฒนาการลูก
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!