ไม่สูบบุหรี่ก็เป็นมะเร็งปอดได้ มะเร็งปอดเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของโรคมะเร็งทั่วโลก และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้หญิงที่ไม่สูบบุหรี่ โดยเฉพาะในเอเชีย มาดูกันว่า ทำไมคนที่ไม่สูบบุหรี่ถึงเป็นมะเร็งปอดได้? อะไรคือปัจจัยเสี่ยง? และสัญญาณเตือนที่สำคัญของ โรคมะเร็งปอดในผู้หญิง คืออะไร?
ไม่สูบบุหรี่ก็เป็นมะเร็งปอดได้ ปัจจัยเสี่ยงที่คุณอาจมองข้าม
สถิติที่น่าสนใจ
- การศึกษาจากประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ พบว่าผู้หญิงที่ไม่สูบบุหรี่ในประเทศเหล่านี้มีอัตราการเป็นมะเร็งปอดชนิดที่พบบ่อยในผู้ไม่สูบบุหรี่ เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และยังพบการกลายพันธุ์ของยีน EGFR (Epidermal Growth Factor Receptor) ได้บ่อยในผู้ป่วยกลุ่มนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่สัมพันธ์กับมะเร็งปอดในผู้หญิงเอเชียที่ไม่สูบบุหรี่
- เทียบสัดส่วน เมื่อก่อนเรามักจะคิดว่า มะเร็งปอด 100 คน เกิดในคนสูบบุหรี่ 80-90 คนแต่ตอนนี้ ในบางพื้นที่ ผู้ป่วยมะเร็งปอดที่ไม่สูบบุหรี่ อาจจะสูงถึง 20-30% หรือมากกว่า โดยเฉพาะในผู้หญิง
5 ปัจจัยเสี่ยงสำคัญ โรคมะเร็งปอดในผู้หญิง ที่ไม่สูบบุหรี่
1. ยีนกลายพันธุ์ EGFR: ตัวจุดชนวนมะเร็งปอดในผู้หญิงเอเชีย
ปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้ผู้หญิงเอเชียแม้ ไม่สูบบุหรี่ก็เป็นมะเร็งปอดได้ คือ ยีน EGFR กลายพันธุ์
โดยยีน EGFR (Epidermal Growth Factor Receptor) เป็นยีนที่ปกติแล้วจะทำหน้าที่ควบคุมการเติบโตและแบ่งตัวของเซลล์ในร่างกาย แต่เมื่อยีนนี้เกิดการ “กลายพันธุ์” หรือผิดปกติไป มันจะกลายเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เซลล์ปอดแบ่งตัวอย่างไม่หยุดยั้งและเติบโตเป็นมะเร็งได้
งานวิจัยหลายชิ้นยืนยันว่า การกลายพันธุ์ของยีน EGFR นี้ พบได้บ่อยเป็นพิเศษในผู้ป่วยมะเร็งปอดชนิด Non-Small Cell Lung Cancer (NSCLC) ซึ่งเป็นชนิดที่พบบ่อยที่สุด โดยเฉพาะในกลุ่ม ผู้หญิงเอเชียที่ไม่เคยสูบบุหรี่
นี่จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่อธิบายได้ว่า ทำไมผู้หญิงเอเชียจำนวนมากจึงป่วยเป็นมะเร็งปอด ทั้งที่ไม่เคยมีประวัติสูบบุหรี่เลย

2. PM2.5: ภัยร้ายที่มองไม่เห็น
นอกจากเรื่องยีนแล้ว อีกหนึ่งปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่เรามองข้ามไม่ได้เลยคือ ฝุ่น PM2.5 ค่ะ ฝุ่นละอองขนาดเล็กจิ๋วนี้เป็นภัยร้ายที่มองไม่เห็น แต่ส่งผลกระทบต่อปอดของเราอย่างมาก
PM2.5 ทำลายเซลล์ปอดได้อย่างไร?
ข้อมูลสถิติและงานวิจัยทางการแพทย์จำนวนมากแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงที่ชัดเจนระหว่างระดับ PM2.5 ที่สูงขึ้นในอากาศ กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของการเกิดมะเร็งปอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ นั่นหมายความว่า ยิ่งเราอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่น PM2.5 สูงมากเท่าไหร่ ความเสี่ยงที่ปอดของเราจะเกิดปัญหาก็มีมากขึ้นเท่านั้น
3. สารพิษและมลภาวะในสิ่งแวดล้อมอื่นๆ ที่เป็นภัยเงียบต่อปอด
นอกจากเรื่องยีนและ PM2.5 แล้ว ยังมีสารพิษและมลภาวะอีกหลายอย่างที่เราต้องระวัง เพราะเป็นปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มโอกาสการเป็นมะเร็งปอดได้ แม้ว่าคุณจะไม่ได้สูบบุหรี่ก็ตาม
- ควันบุหรี่มือสอง: คุณแม่อาจไม่สูบเอง แต่หากต้องอยู่ใกล้ชิดกับคนที่สูบบุหรี่เป็นประจำ การสูดดมควันบุหรี่มือสองเข้าไปก็เป็นอันตรายไม่แพ้กันเพราะในควันบุหรี่มีสารก่อมะเร็งมากมายที่ปอดของเราต้องรับเข้าไปโดยตรง
- สารเคมีจากการทำงาน: สำหรับบางอาชีพที่ต้องสัมผัสกับสารเคมีอันตรายเป็นประจำ ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นมะเร็งปอด เช่น คนที่ทำงานในอุตสาหกรรมก่อสร้าง หรือโรงงานบางประเภทที่ต้องสัมผัสกับ แร่ใยหิน โครเมียม หรือ นิกเกิล สารเหล่านี้เมื่อสูดดมเข้าไปจะทำลายเซลล์ปอดและเพิ่มโอกาสการกลายพันธุ์ได้
- มลพิษทางอากาศอื่นๆ: ไม่ใช่แค่ PM2.5 เท่านั้น แต่ยังมีมลพิษอื่นๆ ในอากาศที่เรามองไม่เห็น เช่น ก๊าซพิษที่ปล่อยจากโรงงานอุตสาหกรรม หรือ ไอเสียจากรถยนต์ ซึ่งเต็มไปด้วยสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจของเรา และสามารถสะสมในปอดจนเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งได้ในระยะยาว
4. ประวัติครอบครัวและพันธุกรรม
“พันธุกรรม” หรือ “ประวัติครอบครัว” ก็มีส่วน แม้ว่าคุณแม่จะไม่ได้สูบบุหรี่ แต่ถ้ามี คนในครอบครัวสายตรง เช่น พ่อ แม่ พี่ น้องเคยเป็นมะเร็งปอด ก็อาจทำให้ความเสี่ยงของคุณสูงขึ้นได้ เพราะอาจมียีนบางตัวที่ส่งต่อกันมาและเพิ่มโอกาสในการเกิดโรคค่ะ
5. ปัจจัยอื่นๆ ที่ต้องระวัง โรคมะเร็งปอดในผู้หญิง
- ถ้าคุณมีโรคปอดเรื้อรังอยู่เดิม เช่น โรคถุงลมโป่งพอง หรือเคยเป็น วัณโรคปอดแล้วมีแผลเป็นเหลืออยู่ ปอดส่วนนั้นก็อาจเสียหายและกลายเป็นจุดเริ่มต้นของเซลล์มะเร็งได้ในอนาคต โดยงานวิจัยทางการแพทย์หลายชิ้นก็ชี้ให้เห็นความเชื่อมโยงนี้
- การติดเชื้อบางชนิด แม้จะยังอยู่ในขั้นของการศึกษาเบื้องต้น แต่ก็มีงานวิจัยบางส่วนที่เริ่มพบความสัมพันธ์ระหว่างการติดเชื้อบางชนิด เช่น เชื้อ HPV กับมะเร็งปอด ซึ่งเป็นเชื้อเดียวกับที่เกี่ยวข้องกับมะเร็งปากมดลูกนั่นเอง แต่กรณีนี้ยังต้องการการศึกษาเพิ่มเติมอีกมากค่ะ

10 สัญญาณเตือน โรคมะเร็งปอดในผู้หญิง …อย่ามองข้าม!
สิ่งสำคัญที่ผู้หญิงอย่างเราต้องใส่ใจคือ สัญญาณเตือนมะเร็งปอด เพราะบ่อยครั้งอาการเหล่านี้อาจดูไม่ชัดเจน หรือคล้ายกับอาการทั่วไปที่พบได้บ่อย ทำให้เรามักจะมองข้ามไป โดยสัญญาณที่ควรเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ได้แก่
อาการที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ
- ไอเรื้อรัง: ไอต่อเนื่องไม่หาย อาจเป็นไอแห้งๆ หรือไอมีเสมหะปนเลือด แม้เพียงเล็กน้อยก็อย่าละเลยนะคะ
- หายใจลำบาก หรือหายใจมีเสียงหวีด: รู้สึกเหนื่อยง่าย หายใจไม่เต็มอิ่ม หรือได้ยินเสียงหวีดเวลาหายใจ
- เจ็บหน้าอก: มีอาการเจ็บที่หน้าอก โดยเฉพาะเวลาหายใจเข้าออก ไอ หรือหัวเราะ
- เสียงแหบ หรือเสียงเปลี่ยน: สังเกตว่าเสียงตัวเองแหบลง หรือเปลี่ยนไปจากเดิมโดยไม่ทราบสาเหตุ
อาการทั่วไปที่อาจบ่งชี้ถึงการแพร่กระจาย
- น้ำหนักลดผิดปกติ: น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ได้ตั้งใจลด หรือไม่ได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน
- อ่อนเพลีย เหนื่อยง่ายผิดปกติ: รู้สึกเหนื่อยล้าตลอดเวลา แม้จะพักผ่อนเพียงพอแล้ว
- เบื่ออาหาร: ไม่มีความอยากอาหารเหมือนปกติ
- ปวดกระดูก: มีอาการปวดตามกระดูก ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่ามะเร็งแพร่กระจายไปยังกระดูก
- ปวดศีรษะ ชัก อ่อนแรงซีกใดซีกหนึ่ง: หากมะเร็งแพร่กระจายไปที่สมอง อาจทำให้มีอาการเหล่านี้ได้
- อาการบวมที่ใบหน้า คอ หรือแขน: หากก้อนมะเร็งโตจนไปกดทับเส้นเลือดใหญ่ อาจทำให้เกิดอาการบวมบริเวณใบหน้า คอ หรือแขนได้
เมื่อไหร่ที่ควรรีบไปพบแพทย์?
หากคุณแม่มีอาการเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง หรือมีอาการผิดปกติใหม่ๆ เกิดขึ้น แม้จะดูไม่รุนแรง ควรรีบปรึกษาคุณหมอทันที อย่ารอให้เป็นมากแล้วค่อยไป เพราะการตรวจพบมะเร็งปอดตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายขาดได้มากที่สุดค่ะ

การป้องกันและดูแลตนเอง…เพื่อลดความเสี่ยงมะเร็งปอด
-
การลดความเสี่ยง
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสควันบุหรี่มือสองและสารพิษในสิ่งแวดล้อม
- สวมหน้ากาก N95 หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งในช่วงที่ค่า PM2.5 สูง
- ดูแลสุขภาพโดยรวม รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ
-
การตรวจคัดกรองมะเร็งปอด
- แนะนำการตรวจ Low-dose CT scan (LDCT) สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูง แม้จะไม่สูบบุหรี่ก็ตาม เช่น มีประวัติครอบครัว, มีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ
- การตรวจคัดกรองตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อเพิ่มโอกาสในการรักษาหายได้
มะเร็งปอด รู้ก่อน ป้องกันได้ รักษาทัน การหมั่นสังเกตความผิดปกติของร่างกาย และการเข้ารับการตรวจคัดกรองเมื่อมีความเสี่ยง จะช่วยให้เราสามารถป้องกัน หรือตรวจพบมะเร็งปอดได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ซึ่งจะเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายขาดได้มากที่สุดค่ะ อย่าลืมดูแลสุขภาพตัวเองให้ดี และอย่าละเลยสัญญาณเตือนจากร่างกายนะคะ
ที่มา : หมอแล็บแพนด้า , โรงพยาบาลเปาโล
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
เตือนแม่! อย่ากินอาหารที่ใช้ปากกาเมจิกเขียนบนถุง เสี่ยงมะเร็ง
ควันบุหรี่มือสองในบ้าน ทำร้ายลูก-เมีย เสี่ยงโรคในผู้หญิงและเด็ก
วิจัยเผย! บรอกโคลี ต้านมะเร็ง ได้!! ด้วย “ซัลโฟราเฟน” สารอาหารที่พบในบรอกโคลี
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!