ข่าวดีสำหรับคุณพ่อคุณแม่ เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา สภาผู้แทนราษฎรได้มีมติเห็นชอบร่างกฎหมายคุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ เพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์ ลาคลอด 120 วัน ให้กับคุณแม่ โดยสรุปสาระสำคัญที่เข้าใจง่ายได้ดังนี้ค่ะ
ข่าวดี! ลาคลอด 120 วัน ความหวังใกล้เป็นจริง
สิทธิลาคลอด สำหรับคุณแม่
- ลาคลอดได้นานขึ้น: จากเดิมที่คุณแม่เคยลาคลอดได้ 98 วัน กฎหมายใหม่จะเพิ่มให้ ลาคลอด 120 วัน (ประมาณ 4 เดือน) เพื่อให้คุณแม่ได้มีเวลาพักฟื้นและดูแลลูกน้อยอย่างเต็มที่
- ช่วงลาคลอดยังมีรายได้: ในระหว่างที่ลาคลอด 120 วัน คุณแม่จะยังคงได้รับค่าจ้าง โดยนายจ้างจะจ่ายค่าจ้างให้ 60 วัน (ส่วนที่เหลือเป็นสิทธิประโยชน์จากประกันสังคมตามปกติ)
- สิทธิลาพิเศษกรณีลูกป่วย: หากลูกน้อยมีภาวะเจ็บป่วยที่น่ากังวล มีความผิดปกติ หรือพิการ คุณแม่สามารถลาเพื่อดูแลลูกต่อได้อีก 15 วัน โดยในช่วง 15 วันนี้ จะได้รับค่าจ้างจากนายจ้าง 50% (ครึ่งหนึ่งของเงินเดือน)
สิทธิลาเลี้ยงลูก สำหรับคุณพ่อ
- คุณพ่อลาไปช่วยภรรยาได้: กฎหมายใหม่เข้าใจดีว่าคุณพ่อก็มีบทบาทสำคัญ จึงกำหนดให้สามีสามารถลาไปช่วยดูแลภรรยาและลูกได้ 15 วัน
- รับเงินเดือนเต็ม: ในช่วงที่คุณพ่อลา 15 วัน จะยังคงได้รับค่าจ้างเต็ม 100% จากนายจ้าง
- เลือกวันลาได้: คุณพ่อสามารถใช้สิทธิ์ลานี้ได้ในช่วงก่อนวันคลอด หรือภายใน 90 วันหลังจากที่ลูกน้อยคลอด
ลาคลอด 120 วัน เริ่มใช้เมื่อไหร่
กฎหมาย ลาคลอด 120 วัน นี้ยังไม่เริ่มใช้ทันทีนะคะ หลังจากผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรแล้ว จะต้องส่งให้วุฒิสภา (ส.ว.) พิจารณาอีกขั้นตอนหนึ่งก่อน จึงจะประกาศใช้เป็นกฎหมายอย่างเป็นทางการต่อไปค่ะ แต่ก็ถือเป็นสัญญาณที่ดีมากๆ สำหรับครอบครัวไทยค่ะ

สิทธิประโยชน์คนท้อง ตามกฎหมายปัจจุบัน ที่คุณแม่ทุกคนต้องรู้
ในระหว่างที่รอร่างกฎหมายใหม่บังคับใช้ คุณแม่ตั้งครรภ์ทุกท่านมีสิทธิตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานและสิทธิจากประกันสังคมที่คุ้มครองอยู่แล้ว ดังนี้
1. สิทธิด้านการทำงาน (กฎหมายคุ้มครองแรงงาน)
นายจ้างต้องปฏิบัติต่อลูกจ้างที่ตั้งครรภ์ตามข้อกำหนดต่อไปนี้
- ห้ามเลิกจ้างเพราะตั้งครรภ์: นายจ้างไม่สามารถให้คุณออกจากงานด้วยเหตุผลว่าคุณกำลังตั้งครรภ์
- ห้ามทำงานเสี่ยงอันตราย: ห้ามให้คุณแม่ทำงานที่อาจกระทบกระเทือนต่อทารกในครรภ์ เช่น
- งานเกี่ยวกับเครื่องจักรที่มีความสั่นสะเทือน
- งานยก แบก หาม หรือเข็นของหนักเกิน 15 กิโลกรัม
- งานที่ทำบนนั่งร้านสูงเกิน 10 เมตร
- งานที่ทำในเรือ
- จำกัดเวลาทำงาน: ห้ามให้นายจ้างให้คุณแม่ทำงานล่วงเวลา (OT), ทำงานในวันหยุด หรือทำงานในช่วงเวลากลางคืนระหว่าง 22:00 น. – 06:00 น.
- สิทธิเปลี่ยนหน้าที่ชั่วคราว: หากงานเดิมของคุณมีความเสี่ยง คุณแม่สามารถขอให้นายจ้างเปลี่ยนหน้าที่การงานให้ชั่วคราวก่อนหรือหลังคลอดได้
2. สิทธิวันลาคลอด (กฎหมายปัจจุบัน)
- คุณแม่มีสิทธิลาเพื่อคลอดบุตรได้ 98 วัน (นับรวมวันลาเพื่อตรวจครรภ์ก่อนคลอด, วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ที่อยู่ในช่วงลา)
- รายได้ระหว่างลา: คุณแม่จะได้รับค่าจ้าง 45 วันจากนายจ้าง และได้รับเงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตรจากประกันสังคมอีก 45 วัน

3. สิทธิประโยชน์จากกองทุนประกันสังคม (สำหรับผู้ประกันตน ม.33 และ ม.39)
คุณแม่ที่เป็นผู้ประกันตน (โดยต้องส่งเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 เดือน ภายใน 15 เดือนก่อนคลอด) จะได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ดังนี้
- ค่าตรวจและฝากครรภ์: เบิกได้ตามจริงรวมสูงสุด 1,500 บาท (แบ่งจ่ายตามช่วงอายุครรภ์ 5 ครั้ง)
- ค่าคลอดบุตร: เบิกได้แบบเหมาจ่าย 15,000 บาทต่อครั้ง (ไม่จำกัดจำนวนครั้ง) สามารถคลอดที่โรงพยาบาลใดก็ได้ หากสามีและภรรยาเป็นผู้ประกันตนทั้งคู่ ให้เลือกใช้สิทธิของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
- เงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตร: ได้รับในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างเฉลี่ยเป็นเวลา 90 วัน (คำนวณจากฐานเงินเดือนสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท)
- เงินสงเคราะห์บุตร: ได้รับเงินช่วยเหลือค่าเลี้ยงดูบุตรเดือนละ 1,000 บาท ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุครบ 6 ปีบริบูรณ์
4. สิทธิประโยชน์บัตรทองสำหรับคนท้อง
สำหรับคุณแม่ที่ใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ “สิทธิบัตรทอง” (หรือที่เคยเรียกว่าบัตร 30 บาท) ก็มีสิทธิประโยชน์ครอบคลุมการดูแลตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ไปจนถึงหลังคลอดโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
คุณแม่สามารถเข้ารับบริการได้ที่หน่วยบริการ (โรงพยาบาลรัฐ หรือสถานพยาบาล) ที่ลงทะเบียนสิทธิไว้ โดยแสดงเพียงบัตรประชาชนใบเดียว
|
สิทธิบัตรทองสำหรับคนท้อง
|
ช่วงฝากครรภ์
|
- ทดสอบการตั้งครรภ์: หากไม่แน่ใจ สามารถเข้ารับการตรวจได้
- ฝากครรภ์คุณภาพ: ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์และความจำเป็น
- ตรวจคัดกรองฟรี:
- ตรวจเลือด: คัดกรองภาวะโลหิตจาง (ซีด), ธาลัสซีเมีย, ซิฟิลิส, ตับอักเสบบี และตรวจหาเชื้อเอชไอวี (HIV)
- ตรวจคัดกรองดาวน์ซินโดรม: สำหรับหญิงตั้งครรภ์ที่มีความเสี่ยง
- ตรวจปัสสาวะ
- ตรวจอัลตราซาวด์: เพื่อประเมินความสมบูรณ์ของทารกในครรภ์
- ฉีดวัคซีนฟรี:
- ยาบำรุงครรภ์: ได้รับยาเสริมธาตุเหล็ก, โฟลิก และไอโอดีน ตลอดการตั้งครรภ์
- ดูแลสุขภาพช่องปาก: ตรวจสุขภาพฟัน ขูดหินปูน และทำความสะอาดช่องปาก
- ตรวจคัดกรองคู่สมรส: สามารถตรวจคัดกรองโรคธาลัสซีเมียและซิฟิลิสในสามีหรือคู่ของหญิงตั้งครรภ์ได้ด้วย เพื่อวางแผนดูแลครรภ์ให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น
- ประเมินสุขภาพจิต: เพื่อดูแลสภาพจิตใจของคุณแม่ให้พร้อม
|
ช่วงคลอดบุตร
|
- คลอดบุตรฟรี ไม่จำกัดจำนวนครั้ง:
- ครอบคลุมทั้ง การคลอดธรรมชาติ และ การผ่าตัดคลอด (ในกรณีมีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์)
- หากคุณแม่ต้องการผ่าคลอดเองโดยไม่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ อาจต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนเกินเอง
- การให้ยาต้านไวรัส: ในกรณีที่คุณแม่ติดเชื้อเอชไอวี จะได้รับยาเพื่อป้องกันการถ่ายทอดเชื้อจากแม่สู่ลูก
|
ช่วงหลังคลอด
|
- การดูแลหลังคลอด: เข้ารับการตรวจสุขภาพทั้งแม่และลูกตามมาตรฐาน
- ส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่: ได้รับคำแนะนำและการสนับสนุน
- บริการวางแผนครอบครัว: ให้คำปรึกษาและบริการคุมกำเนิดหลังคลอด
|
หวังว่าข้อมูลข้างต้นจะช่วยให้คุณแม่ได้ทราบถึงสิทธิประโยชน์ที่สำคัญ ที่จะช่วยแบ่งเบาภาระในการดูแลสุขภาพและต้อนรับลูกน้อยได้อย่างมีความสุขที่สุดนะคะ
ที่มา: ThaiPBS
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
เงินสงเคราะห์บุตร 2568 เดือนละ 1,000 บาท เข้าเมื่อไหร่ สมัครยังไง?
แม่ท้อง ลาคลอดได้กี่วัน รวมทุกเรื่องที่สงสัยเกี่ยวกับการลาคลอด ปี 2568
ใช้สิทธิบัตรทอง นอกพื้นที่ คลอดลูก ได้หรือไม่? เช็กเงื่อนไขที่นี่!
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!