TAP top app download banner
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
คู่มือสินค้า
เข้าสู่ระบบ
  • TAP Awards 2025
  • อยากท้อง
  • แม่ท้อง แม่ให้นม
    • ระยะการตั้งครรภ์
    • โภชนาการเเม่ท้อง
    • โภชนาการแม่ให้นม
    • ตั้งชื่อลูก
    • พัฒนาการสมอง
  • แม่ผ่าคลอด
    • พัฒนาการเด็กผ่าคลอด
    • เตรียมตัวผ่าคลอด
    • สุขภาพเด็กผ่าคลอด
    • คู่มือคุณแม่ผ่าคลอด
    • การดูแลหลังผ่าคลอด
    • โภชนาการเด็กผ่าคลอด
  • หลังคลอด
    • คลอดธรรมชาติ
    • ผ่าคลอด
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • ลูก
    • ทารกแรกเกิด
    • ทารก
    • เด็กวัยหัดเดิน
    • เด็กก่อนวัยเรียน
    • เด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น และวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
    • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
    • TAPpedia
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • ไลฟ์สไตล์
    • ที่เที่ยว
    • ที่กิน
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • VIP

20 คำถามที่พบบ่อยเรื่องผ่าคลอด เรื่องน่ารู้ก่อนเป็นคุณแม่

บทความ 10 นาที
20 คำถามที่พบบ่อยเรื่องผ่าคลอด เรื่องน่ารู้ก่อนเป็นคุณแม่

การผ่าคลอด (Caesarean Section) เป็นการคลอดบุตรโดยการผ่าตัดทางหน้าท้องและมดลูก เพื่อเอาทารกออกมาแทนการคลอดธรรมชาติ การผ่าคลอดมีความจำเป็นในบางกรณีที่การคลอดธรรมชาติ อาจมีความเสี่ยงต่อมารดาหรือทารก เราจึงได้รวบรวม คำถามที่พบบ่อยเรื่องผ่าคลอด คำถามที่เป็นประโยชน์สำหรับคุณแม่ที่กำลังตัดสินใจเรื่องของการผ่าคลอดไว้ที่นี่ ไปดูพร้อมกันเลยว่า มีอะไรบ้าง

 

คำถามที่พบบ่อยเรื่องผ่าคลอด คุณแม่ผ่าคลอดต้องรู้

สารบัญ

  • 1. ผ่าคลอดกับคลอดเอง อันไหนดีกว่ากัน
  • 2.ผ่าคลอดกี่วันเดินได้
  • 3. ผ่าคลอดกี่เดือนถึงจะมีเพศสัมพันธ์ได้ 
  • 4. ผ่าคลอดกี่ปีถึงจะมีลูกได้
  • 5. ผ่าคลอดครั้งที่ 3 อันตรายไหม ผ่าคลอด 4 ครั้งได้ไหม
  • 6. ผ่าคลอดน้ำคาวปลาหมดตอนกี่เดือน
  • 7. ผ่าคลอด เบ่งอุจจาระได้ไหม
  • 8. ผ่าคลอดกี่วันถึงจะขับรถได้
  • 9. ผ่าคลอดได้ 5 เดือน ท้องได้ ไหม
  • 10. ผ่าคลอด ออกกำลังกายได้ตอนไหน
  • 11. ผ่าคลอดมีโอกาสตกเลือดไหม
  • 12. จะรู้ได้ยังไงว่าแผลผ่าคลอดอักเสบ
  • 13. ผ่าคลอดทำไมต้องสวนอุจจาระ
  • 14. กี่เดือนแผลผ่าคลอดถึงจะหาย
  • 15. แผลผ่าคลอดอักเสบข้างใน ป้องกันและดูแลอย่างไร
  • 16. ผ่าคลอด นอนโรงพยาบาลกี่วัน
  • 17. ผ่าคลอด เอาไส้ติ่งออกไหม
  • 18. ผ่าคลอด กินน้ำเย็นได้ไหม
  • 19. หลังผ่าตัดห้ามกินอะไร
  • 20. ผ่าคลอดกินอะไรได้บ้าง กินอะไรให้แผลหายเร็ว 

1. ผ่าคลอดกับคลอดเอง อันไหนดีกว่ากัน

การผ่าคลอดหรือคลอดธรรมชาติแบบไหนดีกว่านั้น ไม่มีคำตอบที่ตายตัว ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สุขภาพของแม่ ทารก ความพร้อมของร่างกาย ประวัติการคลอดบุตร และความต้องการส่วนตัว ทั้งนี้การตัดสินใจว่าจะคลอดแบบไหน ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะแพทย์จะต้องประเมินสุขภาพของคุณแม่และสุขภาพของทารก อธิบายข้อดีข้อเสียของแต่ละวิธี และช่วยคุณตัดสินใจเลือกวิธีคลอดที่เหมาะสมกับคุณมากที่สุด 

อ่านเพิ่มเติมได้ที่: คลอดธรรมชาติ vs ผ่าคลอด คุณแม่อยากเลือก วิธีคลอดลูก แบบไหน?

 

2.ผ่าคลอดกี่วันเดินได้

จริงๆ แล้วการพยายามขยับตัวตั้งแต่วันแรกถือเป็นเรื่องดีค่ะ วันแรกอาจจะลองค่อยๆ ลุกนั่งบนเตียง หรือยืนข้างๆ เตียงดูก่อน การทำแบบนี้จะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวไวขึ้น ช่วยขับลม ลดอาการท้องอืด และป้องกันไม่ให้เลือดจับตัวเป็นลิ่ม พอเริ่มเดินเบาๆ ได้ ลำไส้ก็จะกลับมาทำงานดีขึ้น ช่วยเรื่องขับถ่ายได้อีกด้วยค่ะ แค่ค่อยๆ ทำช้าๆ ไม่ต้องรีบร้อน และคอยระวังแผลเสมอ แต่ถ้าเจ็บแผลมากจนไม่ไหว ควรแจ้งพยาบาลทันที

อ่านเพิ่มเติมได้ที่: ผ่าคลอดกี่วันเดินได้ เคล็ดลับการเดินหลังผ่าคลอด ฟื้นตัวเร็ว แผลหายไว

 

3. ผ่าคลอดกี่เดือนถึงจะมีเพศสัมพันธ์ได้ 

หลังการผ่าคลอด แนะนำให้รอประมาณ 6 สัปดาห์ (หรือประมาณ 1 เดือนครึ่ง) ก่อนที่จะมีเพศสัมพันธ์ เพื่อให้ร่างกายมีเวลาฟื้นตัวและลดความเสี่ยงของการติดเชื้อและการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม แต่ละคนอาจมีความแตกต่างกัน การปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจสอบสภาพร่างกายและรับคำแนะนำเฉพาะบุคคลจะเป็นการดีที่สุด

 

4. ผ่าคลอดกี่ปีถึงจะมีลูกได้

หลังจากการผ่าคลอด ระยะเวลาที่เหมาะสมในการตั้งครรภ์หลังผ่าคลอด โดยทั่วไปแพทย์จะแนะนำให้ รออย่างน้อย 18-24 เดือน หรือ 2 ปี ซึ่งเป็นช่วงเวลานี้ช่วยให้มดลูกของคุณมีเวลาฟื้นฟูเต็มที่และลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์และคลอดบุตร อย่างไรก็ตาม ระยะเวลารอที่เหมาะสมที่สุดอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย สิ่งสำคัญคือต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสูติกรรมและนรีเวชกรรม เพื่อประเมินความเสี่ยงและรับคำแนะนำที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ

 

คำถามที่พบบ่อยเรื่องผ่าคลอด

 

5. ผ่าคลอดครั้งที่ 3 อันตรายไหม ผ่าคลอด 4 ครั้งได้ไหม

โดยทั่วไปแล้ว การผ่าคลอดครั้งที่ 3  และครั้งที่ 4 ถือว่ามีความเสี่ยงสูง หากเทียบเปรียบเทียบกับการผ่าคลอดครั้งที่ 1 หรือ 2 เพราะว่าการผ่าตัดแต่ละครั้ง จะมีการสร้างพังผืดและแผลเป็นที่อวัยวะภายใน พังผืดเหล่านี้จะดึงรั้งอวัยวะใกล้เคียงกับมดลูก ทำให้มีความเสี่ยงที่จะผ่าตัดโดนอวัยวะอื่นมากขึ้น ดังนั้นแพทย์ส่วนใหญ่จะไม่แนะนำ ให้ผ่าคลอดเกิน 3 ครั้ง แต่ในบางกรณีอาจมีจำเป็นต้องผ่าคลอด 4 ครั้งขึ้นไป ซึ่งแพทย์จะพิจารณาอย่างละเอียด โดยคำนึงถึงความเสี่ยง ประโยชน์ และทางเลือกอื่น ๆ ร่วมกับคุณแม่เพิ่มเติม

 

6. ผ่าคลอดน้ำคาวปลาหมดตอนกี่เดือน

น้ำคาวปลา (lochia) คือของเหลวที่ถูกขับออกจากช่องคลอดหลังคลอดบุตร ประกอบด้วยเลือด เนื้อเยื่อที่หลุดลอกจากผนังมดลูก และเมือกต่าง ๆ โดยทั่วไปแล้วน้ำคาวปลาหลังผ่าคลอดจะหมดภายในระยะเวลา 4-6 สัปดาห์หลังคลอด แต่อาจมีความแตกต่างไปในแต่ละบุคคลได้

อ่านเพิ่มเติมได้ที่: น้ำคาวปลา หลังคลอดกี่วันถึงจะหมด ทำไมน้ำคาวปลามีหลายสี สีไหนผิดปกติ

 

7. ผ่าคลอด เบ่งอุจจาระได้ไหม

คุณแม่หลังคลอดสามารถเบ่งอุจจาระได้ตามปกติค่ะ แต่ส่วนใหญ่จะไม่อยากออกแรงเบ่งมาก เพราะอาจรู้สึกเจ็บแผลผ่าคลอดได้ และควรใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษเพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้แผลผ่าตัดเกิดการฉีกขาด โดยปกติแล้วแพทย์จะให้คำแนะนำในการดูแลตัวเองหลังการผ่าคลอด ซึ่งอาจรวมถึงการรับประทานอาหารที่มีเส้นใยสูงและดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อช่วยป้องกันอาการท้องผูกและลดความจำเป็นในการเบ่งอุจจาระแรง ๆ

 

8. ผ่าคลอดกี่วันถึงจะขับรถได้

คำถามที่ว่า ผ่าคลอดกี่วันถึงจะขับรถได้นั้น ทางการแพทย์ไม่มีคำตอบที่ตายตัว ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น สุขภาพร่างกายโดยรวมของแม่หลังคลอด สภาพแผลผ่าตัด ระดับความเจ็บปวด และความสามารถในการควบคุมร่างกาย โดยทั่วไป แพทย์มักแนะนำให้รออย่างน้อย 4-6 สัปดาห์หลังคลอด จึงจะสามารถกลับไปขับรถได้

อ่านเพิ่มเติมได้ที่: ผ่าคลอดกี่วันถึงจะขับรถได้ คำแนะนำสำหรับคุณแม่มือใหม่

 

คำถามที่พบบ่อยเรื่องผ่าคลอด

 

9. ผ่าคลอดได้ 5 เดือน ท้องได้ ไหม

การท้องใหม่หลังจากผ่าคลอดเพียง 5 เดือน อาจเสี่ยงมากกว่าปกติ ไม่แนะนำให้ตั้งครรภ์หลังผ่าคลอด 5 เดือน และควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความพร้อมของร่างกายและรับคำแนะนำที่เหมาะสมในการตั้งครรภ์ครั้งต่อไป

 

10. ผ่าคลอด ออกกำลังกายได้ตอนไหน

การออกกำลังกายหลังการผ่าคลอดเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญต่อการฟื้นฟูร่างกายของแม่หลังคลอด แต่ต้องทราบว่าไม่ใช่ทุกกรณีที่สามารถเริ่มการออกกำลังกายได้ทันทีหลังจากการผ่าคลอด เนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องพิจารณา เช่น สุขภาพของแม่หลังคลอด การเข้ารับการรักษาหลังการผ่าคลอด และปัจจัยความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นหลังจากการผ่าคลอด เช่น แผลผ่าตัด หรือการเจ็บป่วยหรืออักเสบต่าง ๆ โดยทั่วไปแนะนำให้รออย่างน้อย 6-8 สัปดาห์หลังการคลอดก่อนที่จะเริ่มออกกำลังกายที่มีความหนักมากขึ้น

บทความจากพันธมิตร
เปลี่ยนจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง เพื่อให้เด็กผ่าคลอดเจนใหม่ สมองไวพร้อมเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
เปลี่ยนจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง เพื่อให้เด็กผ่าคลอดเจนใหม่ สมองไวพร้อมเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
Philips Avent เครื่องปั๊มนมไฟฟ้า Premium Plus ตัวช่วยที่คุณแม่มือใหม่ต้องมี! ปั๊มดี ไม่เจ็บ ใช้ง่าย เสียงเงียบ!
Philips Avent เครื่องปั๊มนมไฟฟ้า Premium Plus ตัวช่วยที่คุณแม่มือใหม่ต้องมี! ปั๊มดี ไม่เจ็บ ใช้ง่าย เสียงเงียบ!
เคล็ดไม่ลับ! ปั๊มนมเกลี้ยงเต้า เพิ่มสต็อกน้ำนมได้จริง ด้วยตารางปั๊มและวิธีปั๊มที่ถูกต้อง
เคล็ดไม่ลับ! ปั๊มนมเกลี้ยงเต้า เพิ่มสต็อกน้ำนมได้จริง ด้วยตารางปั๊มและวิธีปั๊มที่ถูกต้อง
Plentitude เปิดตัวผลิตภัณฑ์ Plenty Protein โปรตีนพืชสําหรับคุณแม่ ส่งต่อสารอาหารจากแม่ไปสู่ลูกพร้อมช่วยบํารุงนํ้านม
Plentitude เปิดตัวผลิตภัณฑ์ Plenty Protein โปรตีนพืชสําหรับคุณแม่ ส่งต่อสารอาหารจากแม่ไปสู่ลูกพร้อมช่วยบํารุงนํ้านม

อ่านเพิ่มเติมได้ที่: ผ่าคลอด กี่เดือนออกกำลังกายได้ ต้องพักกี่เดือนก่อนที่ร่างกายจะเหมือนเดิม

 

11. ผ่าคลอดมีโอกาสตกเลือดไหม

การผ่าคลอดมีโอกาสเสี่ยงต่อภาวะตกเลือดหลังคลอดมากกว่าการคลอดธรรมชาติ โดยทั่วไปแล้ว มารดาที่ผ่าคลอดจะเสียเลือดประมาณ 500-1000 มิลลิลิตร แต่ในบางรายอาจเสียเลือดมากถึง 2000 มิลลิลิตร หรือมากกว่านั้น ซึ่งอาจส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพ

สาเหตุของการตกเลือดหลังคลอดจากการผ่าคลอด ได้แก่

  • การเสียเลือดระหว่างผ่าตัด การผ่าคลอดเป็นการผ่าตัดใหญ่ ร่างกายจะเสียเลือดมากกว่าการคลอดธรรมชาติ
  • รกเกาะต่ำหรือรกติดแน่น รกเกาะต่ำคือรกเกาะอยู่ต่ำในมดลูก รกติดแน่นคือรกเกาะติดกับผนังมดลูกแน่นเกินไป ทำให้การผ่าตัดคลอดบุตรยากขึ้นและมีโอกาสเสียเลือดมากขึ้น
  • ภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ เช่น การติดเชื้อในมดลูก การหดรัดตัวของมดลูกหลังคลอดไม่ดี หรือมีโรคประจำตัวบางชนิด

 

คำถามที่พบบ่อยเรื่องผ่าคลอด

 

12. จะรู้ได้ยังไงว่าแผลผ่าคลอดอักเสบ

การรู้ว่าแผลผ่าคลอดมีอาการอักเสบหรือไม่สามารถทำได้โดยการสังเกตอาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นรอบ ๆ แผลผ่าคลอด อาการที่อาจเกิดขึ้นรวมถึงร่วมด้วย เช่น

  • อาการบวม: หากมีการบวมขึ้นรอบแผลผ่าคลอดอาจเป็นสัญญาณของการอักเสบ 
  • อาการแดง: แผลที่อักเสบมักจะมีสีแดงเข้มหรือแดงสด โดยมักเกิดจากการไหลเวียนของเลือดที่เพิ่มขึ้นในบริเวณนั้น 
  • อาการร้อน: บางครั้งอาจมีความร้อนร่างกายเพิ่มขึ้นในบริเวณแผลที่อักเสบ 
  • อาการเจ็บปวด: การเจ็บปวดหรือรู้สึกระคายเคืองในบริเวณแผลก็เป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงการอักเสบ 

หากมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้นหลังจากการผ่าคลอด ควรปรึกษาแพทย์ทันทีเพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม การรักษาแผลผ่าคลอดอักเสบอาจต้องใช้การรักษา เช่น การใช้ยาและการดูแลแผลอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการติดเชื้อและสุขภาพที่ดีของแม่และทารกในช่วงหลังคลอด

 

13. ผ่าคลอดทำไมต้องสวนอุจจาระ

การสวนอุจจาระก่อนผ่าคลอดเป็นการเตรียมตัวอย่างหนึ่งเพื่อลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนระหว่างและหลังการผ่าตัด โดยเหตุผลหลัก ๆ ดังนี้

  • ลดโอกาสการติดเชื้อ: อุจจาระในลำไส้ใหญ่มีแบคทีเรียจำนวนมาก การสวนอุจจาระจะช่วยลดจำนวนแบคทีเรียเหล่านี้ ซึ่งอาจปนเปื้อนแผลผ่าตัดและเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
  • ลดความเสี่ยงของลำไส้อุดตัน: ยาแก้ปวดและยาอื่น ๆ ที่ใช้หลังการผ่าตัดอาจทำให้เกิดอาการท้องผูก การสวนอุจจาระก่อนผ่าคลอดจะช่วยลดโอกาสของภาวะลำไส้อุดตัน
  • เพิ่มความสะดวกสบาย: การสวนอุจจาระจะช่วยลดโอกาสของการขับถ่ายอุจจาระระหว่างการผ่าตัด ซึ่งอาจสร้างความอึดอัดและรบกวนการผ่าตัด

อย่างไรก็ตาม การสวนอุจจาระก่อนผ่าคลอด ไม่ได้จำเป็นเสมอไป แพทย์จะเป็นผู้พิจารณาความจำเป็นเป็นรายบุคคล ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น สุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย ประวัติการผ่าตัด และชนิดของการผ่าตัด

 

14. กี่เดือนแผลผ่าคลอดถึงจะหาย

โดยทั่วไปแล้ว แผลผ่าคลอดจะใช้เวลาประมาณ 2 – 4 สัปดาห์ แผลที่เย็บไว้จึงจะสมานกัน แต่ก็อาจแตกต่างกันไปในแต่ละคน ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น:

  • ตำแหน่งของแผล: แผลผ่าคลอดแบบแนวนอน (บิกินี่) มักหายเร็วกว่าแบบแนวตั้ง
  • สุขภาพโดยรวม: คนที่มีสุขภาพดี ร่างกายแข็งแรง แผลมักหายเร็วกว่า
  • การดูแลแผล: การดูแลแผลให้สะอาดและแห้งอยู่เสมอ หลีกเลี่ยงการแกะเกาแผล ทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ จะช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
  • ภาวะแทรกซ้อน: กรณีที่มีภาวะแทรกซ้อน เช่น แผลติดเชื้อ แผลอักเสบ แผลจะหายช้าลง

อ่านเพิ่มเติมได้ที่: แผลผ่าคลอด กี่วันหาย วิธีดูแลแผลผ่าคลอด แผลนูนคัน แผลปริ แผลอักเสบ

 

15. แผลผ่าคลอดอักเสบข้างใน ป้องกันและดูแลอย่างไร

แผลผ่าคลอดที่อักเสบอยู่ข้างใน เราจะมองไม่เห็นจากด้านนอก แต่ร่างกายจะส่งสัญญาณเตือนออกมาเองค่ะ ให้ลองเช็คดูว่ามีอาการเหล่านี้ไหม เช่น รู้สึกปวดท้องมากแบบทนไม่ค่อยไหว, คลำดูแล้วแผลตรงที่ผ่ามีลักษณะนูนๆ หรือปูดขึ้นมาผิดปกติ และที่สำคัญคือมักจะมีไข้ตัวร้อนร่วมด้วย อาการแบบนี้ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อ หรืออาจเป็นเพราะเราดูแลตัวเองได้ไม่เต็มที่พอในช่วงพักฟื้นค่ะ

อ่านเพิ่มเติมได้ที่: แผลผ่าคลอดอักเสบข้างใน ป้องกันและดูแลอย่างไร ให้แผลผ่าคลอดหายสนิท

 

ผ่าคลอด นอนโรงพยาบาลกี่วัน

 

16. ผ่าคลอด นอนโรงพยาบาลกี่วัน

ระยะเวลาการนอนโรงพยาบาลหลังผ่าคลอดโดยทั่วไปจะอยู่ที่ 3-4 วัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ระยะเวลาที่แน่นอนอาจขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ดังนี้

  • สภาพสุขภาพของคุณแม่:
    • หากคุณแม่ไม่มีภาวะแทรกซ้อนใด ๆ ร่างกายฟื้นตัวได้ดี ก็อาจจะกลับบ้านได้เร็วขึ้น
    • แต่หากมีภาวะแทรกซ้อน เช่น เสียเลือดมาก ติดเชื้อ อาการปวดรุนแรง อาจจะต้องนอนโรงพยาบาลนานขึ้น
  • นโยบายของโรงพยาบาล:
    • แต่ละโรงพยาบาลอาจมีนโยบายการให้นอนโรงพยาบาลหลังผ่าคลอดที่แตกต่างกัน
  • ความพร้อมของคุณแม่:
    • คุณแม่บางท่านอาจจะรู้สึกพร้อมกลับบ้านเร็วกว่ากำหนด
    • แต่บางท่านอาจจะรู้สึกยังไม่มั่นใจและต้องการพักฟื้นต่อในโรงพยาบาล

ทั้งนี้ แพทย์จะเป็นผู้พิจารณาว่าคุณแม่พร้อมกลับบ้านหรือไม่ โดยจะดูจากสภาพความแข็งแรงของร่างกาย อาการต่างๆ ของคุณแม่ และผลการตรวจร่างกาย รวมถึคุณแม่สามารถสอบถาม แพทย์เพิ่มเติมเกี่ยวกับระยะเวลาการนอนโรงพยาบาลหลังผ่าคลอดได้ค่ะ

 

17. ผ่าคลอด เอาไส้ติ่งออกไหม

การผ่าคลอดพร้อมเอาไส้ติ่งออกนั้นสามารถเป็นไปได้ แต่ปกติแล้วในกระบวนการผ่าคลอดจะมีการใช้ยาช่วยให้กล้ามเนื้อมดลูกหดตัว เพื่อช่วยให้เกิดการคลอดได้สะดวกและปลอดภัยมากที่สุด การนำไส้ติ่งออกในขณะที่ทำการผ่าคลอดอาจทำให้เกิดการติดเชื้อและอันตรายต่อชีวิตของแม่และเด็กได้ ดังนั้นควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์และผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ และหากมีข้อสงสัยหรือคำถามใด ๆ ควรพูดคุยกับแพทย์เพื่อขอคำแนะนำเพื่อการตัดสินใจ 

อ่านเพิ่มเติมได้ที่: ผ่าคลอด ตัดไส้ติ่ง เลยดีไหม ทำพร้อมกันไป แม่จะได้เจ็บแค่ครั้งเดียว

 

18. ผ่าคลอด กินน้ำเย็นได้ไหม

คุณแม่ท่านไหนที่กำลังสงสัยว่าหลังผ่าคลอดจะดื่มน้ำเย็นได้ไหม สบายใจได้เลยค่ะว่าสามารถดื่มได้ เพราะยังไม่มีข้อมูลทางการแพทย์ยืนยันว่าน้ำเย็นเป็นอันตรายต่อคุณแม่หรือจะทำให้น้ำนมหด แต่ร่างกายของคุณแม่แต่ละคนไม่เหมือนกัน ลองสังเกตตัวเองดูนะคะ หากดื่มแล้วสดชื่นก็ดื่มได้เลย แต่ถ้ารู้สึกไม่สบายตัว ก็แค่เปลี่ยนมาดื่มน้ำอุ่นๆ แทน และอย่าลืมดื่มน้ำเปล่าให้เยอะๆ เพื่อช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้ไวยิ่งขึ้นนะคะ

อ่านเพิ่มเติมได้ที่: ผ่าคลอด กินน้ำเย็นได้ไหม ข้อห้ามหลังผ่าคลอดที่ควรรู้!

 

19. หลังผ่าตัดห้ามกินอะไร

เพื่อให้แผลผ่าตัดหายเร็วขึ้นและลดอาการไม่สบายตัวต่างๆ คุณแม่ควรระมัดระวังอาหารที่อาจก่อให้เกิดปัญหา ดังนี้

  • กลุ่มอาหารที่ทำให้ท้องอืด: ควรเลี่ยง เครื่องดื่มโซดาและน้ำอัดลม, ขนุน และ ผักบางชนิด เพราะอาจทำให้เกิดลมในกระเพาะอาหาร ซึ่งจะทำให้รู้สึกแน่นท้องและเจ็บแผลมากขึ้นได้
  • กลุ่มอาหารที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อและท้องเสีย: ควรหลีกเลี่ยง อาหารหมักดอง และ อาหารที่ปรุงไม่สุก เพราะร่างกายคุณแม่ยังอ่อนแอ หากเกิดอาการท้องร่วงอาจกระทบกระเทือนแผลผ่าตัดได้
  • กลุ่มอาหารที่อาจระคายเคือง: อาหารรสเผ็ด ควรจะงดไปก่อน เพราะอาจทำให้คุณแม่ปวดท้องหรือไม่สบายตัวได้ง่าย

อ่านเพิ่มเติมได้ที่: หลังผ่าตัดห้ามกินอะไร อาหารแสลง แม่ผ่าคลอดควรรู้

 

20. ผ่าคลอดกินอะไรได้บ้าง กินอะไรให้แผลหายเร็ว 

ระยะแรก (1-3 วันหลังผ่าตัด): เริ่มต้นอย่างอ่อนโยน ในช่วงที่ร่างกายกำลังปรับตัวหลังการผ่าตัด ควรเริ่มต้นด้วยอาหารที่ย่อยง่ายและไม่สร้างภาระให้ลำไส้ เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม ซุปใส แนะนำให้เริ่มทานทีละน้อยๆ ก่อน แล้วจึงค่อยๆ เพิ่มปริมาณเมื่อรู้สึกสบายท้องขึ้น

ระยะฟื้นฟู (หลัง 3 วันเป็นต้นไป): เสริมทัพด้วยอาหารมีประโยชน์ เมื่อระบบย่อยอาหารเริ่มทำงานปกติ ควรเน้นทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพื่อเร่งกระบวนการซ่อมแซมร่างกายและสร้างความแข็งแรง โดยเน้นกลุ่มอาหารสำคัญดังนี้:

  • โปรตีนสูง: ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อและทำให้แผลสมานตัวเร็วขึ้น (เช่น เนื้อปลา, ไข่, เนื้อไก่, เต้าหู้)
  • ผักและผลไม้สด: อุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน (เช่น ผักใบเขียว, ส้ม, เบอร์รี่)
  • คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน: เป็นแหล่งพลังงานชั้นดี ทำให้คุณแม่มีแรงฟื้นตัวและดูแลลูกน้อย (เช่น ข้าวกล้อง, ธัญพืช, ขนมปังโฮลวีท)
  • ไขมันดี: ช่วยบำรุงสมองและระบบประสาท ลดการอักเสบ (เช่น อะโวคาโด, ปลาแซลมอน, ถั่วต่างๆ)

อ่านเพิ่มเติมได้ที่: ผ่าคลอดกินอะไรได้บ้าง กินอะไรให้แผลหายเร็ว และเพิ่มน้ำนมแม่

 

การผ่าคลอดเป็นทางเลือกที่สำคัญและบางครั้งเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อความปลอดภัยของทั้งมารดาและทารก การเข้าใจข้อมูลเกี่ยวกับการผ่าคลอดและการเตรียมตัวอย่างถูกต้องจะช่วยให้คุณแม่มีความมั่นใจและพร้อมสำหรับการคลอดอย่างมีประสิทธิภาพ theAsianparent ขอเป็นกำลังใจให้กับคุณแม่ที่กำลังเตรียมตัวผ่าคลอดทุกท่านนะคะ 

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ: 

คุณแม่ผ่าคลอด ผ่าคลอดได้กี่ครั้ง ถ้าเคยผ่าคลอดแล้วจะคลอดธรรมชาติได้หรือไม่

เพราะ “สมองของเด็กผ่าคลอด” สำคัญเท่ากับ “ภูมิต้านทาน” เรื่องต้องรู้ ที่ แม่เตรียมผ่าคลอด อาจไม่เคยรู้!!

แม่ท้องมาดูกัน ความเสี่ยงของการ ผ่าคลอดกับโรคภูมิแพ้ในเด็กทารก

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

Follow us on:
facebook-logo instagram-logo tiktok-logo
img
บทความโดย

Siriluck Chanakit

  • หน้าแรก
  • /
  • การคลอด
  • /
  • 20 คำถามที่พบบ่อยเรื่องผ่าคลอด เรื่องน่ารู้ก่อนเป็นคุณแม่
แชร์ :
  • วิจัยใหม่เผย! การฟื้นตัวหลังคลอด ไม่ใช่แค่ 6 สัปดาห์ แต่ใช้เวลาเป็นปี

    วิจัยใหม่เผย! การฟื้นตัวหลังคลอด ไม่ใช่แค่ 6 สัปดาห์ แต่ใช้เวลาเป็นปี

  • เปลี่ยนจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง เพื่อให้เด็กผ่าคลอดเจนใหม่ สมองไวพร้อมเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
    บทความจากพันธมิตร

    เปลี่ยนจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง เพื่อให้เด็กผ่าคลอดเจนใหม่ สมองไวพร้อมเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง

  • Philips Avent เครื่องปั๊มนมไฟฟ้า Premium Plus ตัวช่วยที่คุณแม่มือใหม่ต้องมี! ปั๊มดี ไม่เจ็บ ใช้ง่าย เสียงเงียบ!
    บทความจากพันธมิตร

    Philips Avent เครื่องปั๊มนมไฟฟ้า Premium Plus ตัวช่วยที่คุณแม่มือใหม่ต้องมี! ปั๊มดี ไม่เจ็บ ใช้ง่าย เสียงเงียบ!

  • วิจัยใหม่เผย! การฟื้นตัวหลังคลอด ไม่ใช่แค่ 6 สัปดาห์ แต่ใช้เวลาเป็นปี

    วิจัยใหม่เผย! การฟื้นตัวหลังคลอด ไม่ใช่แค่ 6 สัปดาห์ แต่ใช้เวลาเป็นปี

  • เปลี่ยนจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง เพื่อให้เด็กผ่าคลอดเจนใหม่ สมองไวพร้อมเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
    บทความจากพันธมิตร

    เปลี่ยนจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง เพื่อให้เด็กผ่าคลอดเจนใหม่ สมองไวพร้อมเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง

  • Philips Avent เครื่องปั๊มนมไฟฟ้า Premium Plus ตัวช่วยที่คุณแม่มือใหม่ต้องมี! ปั๊มดี ไม่เจ็บ ใช้ง่าย เสียงเงียบ!
    บทความจากพันธมิตร

    Philips Avent เครื่องปั๊มนมไฟฟ้า Premium Plus ตัวช่วยที่คุณแม่มือใหม่ต้องมี! ปั๊มดี ไม่เจ็บ ใช้ง่าย เสียงเงียบ!

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
  • พัฒนาการลูก
  • ชีวิตครอบครัว
  • ระยะการตั้งครรภ์
  • โภชนาการ
  • ไลฟ์สไตล์
  • TAP สังคมออนไลน์
  • ติดต่อโฆษณา
  • ติดต่อเรา
  • Influencer Marketing (KOL)
  • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Vietnam flag Vietnam
© Copyright theAsianparent 2025. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว