X
TAP top app download banner
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
คู่มือสินค้า
เข้าสู่ระบบ
  • อยากท้อง
  • ระยะการตั้งครรภ์
    • โภชนาการ เเม่ท้อง เเม่ให้นม
    • ไตรมาส 1
    • ไตรมาส 2
    • ไตรมาส 3
    • ตั้งชื่อลูก
  • แม่ผ่าคลอด
    • พัฒนาการเด็กผ่าคลอด
    • เตรียมตัวผ่าคลอด
    • สุขภาพเด็กผ่าคลอด
    • คู่มือคุณแม่ผ่าคลอด
    • การดูแลหลังผ่าคลอด
    • โภชนาการเด็กผ่าคลอด
  • หลังคลอด
    • คลอดธรรมชาติ
    • ผ่าคลอด
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • ลูก
    • ทารกแรกเกิด
    • ทารก
    • เด็กวัยหัดเดิน
    • เด็กก่อนวัยเรียน
    • เด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น และวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • ที่เที่ยว
    • เที่ยวไทย
    • เที่ยวต่างประเทศ
    • ที่พัก และ โรงแรม
  • ที่กิน
    • ร้านอร่อย
    • ร้านอร่อยสำหรับเด็ก
    • คาเฟ่
    • เมนูอาหาร
  • ไลฟ์สไตล์
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • TAPpedia
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
  • VIP

กินกะหล่ำปลีแล้วเป็นหมัน จริงหรือไม่? เลิกกินเลยดีไหม?

บทความ 5 นาที
กินกะหล่ำปลีแล้วเป็นหมัน จริงหรือไม่? เลิกกินเลยดีไหม?

มาดูกันดีกว่าจริง ๆ แล้วกินกะหล่ำปลีแล้วเป็นหมัน จริงหรือเปล่า

กินกะหล่ำปลีแล้วเป็นหมัน เป็นความเชื่อที่พูดกันปากต่อปากส่งต่อกันมาเป็นเวลานานหลายปี บางคนก็เชื่อจนไม่กินกะหล่ำปลีอีกเลย ส่วนบางคนก็ยังคงกินได้ตามสบาย ไม่ได้เชื่อ หรือไม่ได้หยุดกินใด ๆ ทั้งสิ้น มาดูกันดีกว่าจริง ๆ แล้วกินกะหล่ำปลีแล้วเป็นหมัน จริงหรือเปล่า

 

ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับกะหล่ำปลี

กะหล่ำปลี ถูกจัดอยู่ในวงศ์ของผักกาด (BRASSICACEAE หรือ CRUCIFERAE) มีถิ่นกำเนิดอยู่แถบเมดิเตอเรเนีย และก็ได้แพร่กระจายไปทั่วทุกพื้นที่ของโลก ซึ่งกะหล่ำปลีนั้นเป็นพืชที่ขึ้นง่าย ไม่ต้องดูแลมากขนาดของกะหล่ำปลีจะแตกต่างกันออกไปแล้วแต่พื้นที่ปลูก และสายพันธุ์ โดยแยกออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ ได้ดังนี้ กะหล่ำปลีธรรมดา กะหล่ำปลีแดง และกะหล่ำปลีใบย่น

บทความที่น่าสนใจ : อานุภาพกะหล่ำปลีบรรเทาอาการคัดเต้า

 

ประโยชน์ของกะหล่ำปลี

กะหล่ำปลีเป็นผักยอดฮิตที่นิยมนำมาทำอาหารกันเป็นอย่างมากในประเทศแถบเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นเมนู ต้ม ผัด นึ่ง หรือแม้แต่กินดิบ ๆ โดยสามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาด หรือตามซูเปอร์มาร์เก็ต แต่หลายคนยังไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วกะหล่ำปลีนั้นมีประโยชน์ต่อร่างกายของเราเทียบเท่ากับผักชนิดอื่น ๆ เหมือนกัน เรามาดูกันดีกว่าว่ากะหล่ำปลีมีประโยชน์ต่อร่างกายเราอย่างไรบ้าง

 

กินกะหล่ำปลีแล้วเป็นหมัน 2

Advertisement

 

1. มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง

กะหล่ำปลีมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ซึ่งเป็นสารที่ช่วยลดความเสียหายของเซลล์ในร่างกายของเราด้วยอนุมูลอิสระ โดยการที่ร่างกายของเรานั้นมีสารอนุมูลอิสระสะสมเป็นจำนวนมากอาจก่อให้เกิดการอักเสบ และเป็นโรคอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ นอกจากนี้ยังสามารถช่วยป้องกันมะเร็งได้บางชนิด โดยการวิจัยพบว่าการบริโภคพืชตระกูลกะหล่ำปลีอย่างน้อย 5 ครั้งต่อสัปดาห์นั้นมีความเชื่อมโยงกับความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองในผู้หญิงลดลงมากถึง 33 เปอร์เซ็นต์

บทความที่น่าสนใจ : อยากเห็นอนาคตลูกสดใส รู้จักวิธีลดอนุมูลอิสระให้กับร่างกาย เพื่อที่จะได้อยู่กับลูกไปนานๆ

 

2. อุดมไปด้วยวิตามินซี

หลายคนอาจเข้าใจว่าผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวเท่านั้นที่มีวิตามินซีสูง แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผักหลายชนิดก็มีวิตามินสูงเช่นกัน โดยในกะหล่ำปลีนั้นมีวิตามินซีที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงถึง 70 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน (Recommended Dietary Allowances : RDA) ซึ่งวิตามินซีนั้นมีส่วนช่วยให้ร่างกายของเราสามารถดูดซึมธาตุเหล็กได้เป็นอย่างดี เพื่อมาสร้างคอลลาเจนที่ช่วยรักษาบาดแผล และเสริมภูมิคุ้มกันของเราให้ปราศจากโรคได้

 

3. เป็นแหล่งไฟเบอร์ที่ดี

กะหล่ำปลีเป็นแหล่งไฟเบอร์ที่ดี เส้นใยในกะหล่ำปลีช่วยให้บรรเทาอาการท้องผูก ปรับระดับน้ำตาลในเลือด ลดระดับคอเลสเตอรอล และช่วยทำให้ระบบทางเดินอาหารทำงานได้อย่างประสิทธิภาพมากขึ้น โดยในกะหล่ำปลี 100 กรัมมีปริมาณไฟเบอร์ 5 กรัม หรือ 9 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวัน

 

4. เสริมสร้างให้กระดูกแข็งแรง

กะหล่ำปลีมีสามารถสำคัญอย่างหนึ่งที่มีส่วนช่วยเรื่องของกระดูก และการแข็งตัวของเลือดในร่างกายของเรา นั่นก็คือ วิตามินเค โดยมีปริมาณวิตามินเคมากถึง 68 ไมโครกรัมในกะหล่ำปลีปรุงสุก ซึ่งเป็นปริมาณที่เกือบจะถึงเกณฑ์ที่ร่างกายของเราต้องการใน 1 วัน สำหรับปริมาณวิตามินเคของผู้ชายจะอยู่ที่ 120 ไมโคกรัม และผู้หญิงอยู่ที่ 90 ไมโครกรัมต่อวันนั่งเอง ถึงอย่างไรก็ตามการที่ร่างกายของเราขาดวิตามินเคนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก แต่บางคนที่มีอาการป่วยอย่างเช่น โรคซิสติกไฟโบรซิส (Cystic Fibrosis) เป็นโรคทางพันธุกรรมที่เกิดจากความผิดปกติของยีน โรคลำไส้ใหญ่อักเสบ ที่หากมีการได้รับวิตามินเคในปริมาณที่ต่ำเกินกว่าเกณฑ์ อาจทำให้ความแข็งแรงของกระดูกลดลง และมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้นในการที่จะเป็นโรคกระดูกพรุน หรืออาจเกิดปัญหาเรื่องรอยฟกช้ำที่ไม่ได้พบบ่อยมากนัก

 

กินกะหล่ำปลีแล้วเป็นหมัน 3

กะหล่ำปลีมีสามารถสำคัญอย่างหนึ่งที่มีส่วนช่วยเรื่องของกระดูก และการแข็งตัวของเลือดในร่างกายของเรา

 

5. ช่วยต้านการอักเสบ

การอักเสบในระยะสั้น ๆ หรือเป็นแค่ชั่วคราวนั้นอาจส่งผลให้เกิดความเครียดแบบเฉียบพลัน แต่อาการอักเสบในระยะยาว หรือการเป็นโรคนั้นอาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย และนำไปสู่ความเจ็บปวดที่รุนแรงได้ ดังนั้นการรักษาการอักเสบในระยะยาวนั้นจำเป็นที่จะต้องรักษาให้หายให้ไวมากที่สุด โดยในกะหล่ำปลีนั้นมีสารต้านอักเสบหลายชนิด ซึ่งรวมถึง สารชัลโฟราเฟน (sulforaphane) คือสารประกอบที่มีกำมะถันอยู่ในโมเลกุล มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสารประกอบกำมะถันที่พบในผักตระกูล Brassica หลายชนิดและ kaempferol ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ในการศึกษาวิจัยพบว่าในกะหล่ำปลีสีแดงมีฤทธิ์ต้านการอักเสบในเซลล์ม้ามได้ นอกจากนี้ยังสามารถนำน้ำสกัดจากกะหล่ำปลีมาต้านอาการผิวหนังอักเสบจากการทาครีมได้อีกด้วย

 

6. บำรุงหัวใจ

จากการศึกษาพบว่า ผู้หญิงที่กินผักตระกูลกะหล่ำปลี ที่รวมถึงกะหล่ำบรัสเซลส์ กะหล่ำดอก และบร็อคโคลี่ มีโอกาสน้อยกว่า 46% ที่จะมีอาการปูนของหลอดเลือดในช่องท้อง ซึ่งหากเกิดอาการดังกล่าวนั้นอาจเป็นเหมือนสัญญาณเตือนของร่างกายเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือดในอนาคต ซึ่งการศึกษาสรุปได้ว่าการรับประทานผักตระกูลกะหล่ำปลีที่มาก สามารถป้องกันการสะสมของแคลเซียมและส่งผลดีต่อสุขภาพของหัวใจของเราได้

บทความที่น่าสนใจ : บร็อคโคลี่ ผักสีเขียวเข้มที่ให้คุณประโยชน์มากมายต่อทารกน้อย

 

กินกะหล่ำปลีแล้วเป็นหมัน จริงหรือไม่?

หลายคนอาจเคยได้ยินว่า “กินกะหล่ำปลีแล้วเป็นหมัน” ในความจริงแล้วไม่เป็นความจริง แต่การทานกะหล่ำปลีดิบ ๆ นั้นจะก่อให้เกิดโรคคอพอกมากกว่า โดยในกะหล่ำปลีดิบนั้นจะมีสารที่ทำลายตัวหนึ่งชื่อว่า กอยโตรเจน (Goitrogen)  ซึ่งสารตัวนี้จะเป็นตัวที่จะขัดขวางการดูดซึมสารอาหารต่าง ๆ ที่เราได้รับในแต่ละวัน พบมากในพืชตระกูลกะหล่ำ บร็อคโคลี่ หัวผักกาด และพืชตระกูลถั่วต่าง ๆ  การทำงานของสารกอยโตรเจน เป็นการไปยับยั้งการการสร้างฮอร์โมนในต่อมไทรอยด์ ทำให้ร่างกายของเราได้รับไอโอดีนจากเลือดไม่เพียงพอ และอาจส่งผลทำให้เกิดโรคคอพอกในที่สุด ดังนั้นการทานพืชตระกูลกะหล่ำควรนำไปผ่านความร้อน ด้วยกรรมวิธีต่าง ๆ ก่อนเพื่อสลายสารกอยโตรเจน แต่อย่างไรก็ตามกะหล่ำปลีดิบที่ดูเหมือนจะอันตรายถ้าได้รับประทานก็ไม่น่ากลัวขนาดนั้น เพราะการที่คุณจะได้รับปริมาณสารกอยโตรเจนจนเกิดโรคดังกล่าวจะต้องบริโภคกะหล่ำปลีดิบเป็นกิโล ๆ เลย

 

กินกะหล่ำปลีแล้วเป็นหมัน 7

กินกะหล่ำปลีแล้วเป็นหมัน ไม่เป็นความจริง แต่การทานกะหล่ำปลีดิบ ๆ นั้นจะก่อให้เกิดโรคคอพอก

บทความจากพันธมิตร
ดูแลทารกแรกเกิดวิกฤติน้ำหนักเพียง 500 กรัมสำเร็จ ด้วยความเชี่ยวชาญระดับสากล ที่ โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล
ดูแลทารกแรกเกิดวิกฤติน้ำหนักเพียง 500 กรัมสำเร็จ ด้วยความเชี่ยวชาญระดับสากล ที่ โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล
เคล็ดลับดูแลครรภ์ และ สร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อย
เคล็ดลับดูแลครรภ์ และ สร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อย
โรคภูมิแพ้ในเด็ก ป้องกันได้ตั้งแต่แรกเกิด ด้วยนมแม่ที่มีคุณสมบัติเป็น H.A. (Hypoallergenic)
โรคภูมิแพ้ในเด็ก ป้องกันได้ตั้งแต่แรกเกิด ด้วยนมแม่ที่มีคุณสมบัติเป็น H.A. (Hypoallergenic)
พ่อแม่ต้องรู้! วิธีป้องกัน RSV ในเด็ก ช่วยลูกไม่ป่วยหนัก
พ่อแม่ต้องรู้! วิธีป้องกัน RSV ในเด็ก ช่วยลูกไม่ป่วยหนัก

บทความที่น่าสนใจ : โรคคอพอก เด็กและคนท้องเป็นกันได้ เกิดจากร่างกายขาดไอโอดีนจริง ๆ หรือไม่

 

ผลกระทบต่อร่างกายอื่นของกะหล่ำปลี

กะหล่ำปลี เป็นพืชผักตระกูลกะหล่ำที่ให้สารอาหารมากมาย รวมทั้งไฟเบอร์ โฟเลต แคลเซียม โพแทสเซียม และวิตามินเอ วิตามินเอ และวิตามินเค กะหล่ำปลีมีสารไฟโตนิวเทรียนท์ (phytonutrients) ที่ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ เพื่อลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งบางชนิด แต่อย่างไรก็ตามการรับประทานกะหล่ำปลีในปริมาณมากอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง ดังต่อไปนี้

 

  • ท้องอืด กะหล่ำปลีมีแรฟฟิโนส (Raffinose) ในปริมาณมาก ซึ่งเป็นน้ำตาลที่ย่อยไม่ได้ ซึ่งน้ำตาลนี้เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนชนิดหนึ่งที่ผ่านลำไส้ของคุณโดยไม่ได้ย่อยและอาจทำให้เกิดอาการท้องอืด และอาการอื่นๆ ได้ อาทิ เรอ ไม่สบายท้อง เป็นต้น ซึ่งอาการดังกล่าวจะเกิดหลังจากที่ได้ทานกะหล่ำปลีไปแล้ว

 

  • ท้องร่วง กะหล่ำปลีสีเขียวมีเส้นใย 5.8 กรัมต่อการให้บริการ 1 ถ้วย โดยรายงานหนึ่งจากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐมิชิแกน พบว่าเส้นใยที่ไม่ละลายน้ำในกะหล่ำปลีช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของระบบทางเดินอาหาร ซึ่งการรับประทานไฟเบอร์มากเกินไป อาจทำให้เกิดอาการท้องร่วง หรือลำไส้อุดตันได้ นอกจากนี้ผู้ที่เข้ารับการรักษาโรคมะเร็งจากเคมีบำบัด อาจต้องหลีกเลี่ยงการรับประทานกะหล่ำปลีชั่วคราว เนื่องจากผักชนิดนี้อาจทำให้อาการท้องร่วงรุนแรงเพิ่มมากขึ้น

 

กินกะหล่ำปลีแล้วเป็นหมัน 6

การทานกะหล่ำปลีมาก ๆ ทำให้เกิดอาการท้องอืดและท้องร่วงได้

 

  • ปฏิกิริยาระหว่างยา กะหล่ำปลีมีวิตามินเคในปริมาณสูง ซึ่งเป็นวิตามินที่ช่วยให้เลือดแข็งตัว การรับประทานกะหล่ำปลีมากเกินไปอาจรบกวนการใช้ยาลดความอ้วน แต่อย่างไรก็ตามการรับประทานกะหล่ำปลีสีเขียว 2 ถ้วยต่อวัน มีส่วนช่วยให้ร่างกายของเราได้รับวิตามินเคในปริมาณที่ต้องการโดยไม่ก่อให้เกิดผลเสีย โดยการวิจัยของ University of Michigan Health System กล่าวว่า การบริโภคอาหารที่มีวิตามินเคสูงในปริมาณที่สม่ำเสมอและการ จำกัดปริมาณวิตามินเคให้อยู่ในปริมาณที่แนะนำในแต่ละวันสามารถช่วยในการป้องกันปฏิกิริยาที่เป็นอันตรายได้

 

บางครั้งความเชื่อ หรือคำพูดปากต่อปากก็อาจส่งผลทำให้เรากลัว ดังนั้นคุณควรศึกษาข้อมูลที่แท้จริงก่อน เพื่อความสบายใจ และการบริโภคผักหรือผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ถึงอย่างไรก็ตามการทานกะหล่ำปลีไม่ได้ทำให้เป็นหมัน แต่อาจส่งผลให้เกิดอาการอื่น ๆ ควรระวังในการรับประทานกันด้วยนะคะ

 

บทความที่น่าสนใจ :

วิธีคุมกําเนิด แบบไหนดีที่สุด! กินยาคุม ใส่ถุงยาง ฝังเข็มยาคุม หรือทำหมันเลยดีไหม

ผักผลไม้ 5 สี กินแล้วดีอย่างไร? เด็กกินได้ ผู้ใหญ่กินดี ประโยชน์เพียบ!!

 

ที่มา : healthline, health, livestrong, nstda

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

Follow us on:
facebook-logo instagram-logo tiktok-logo
img
บทความโดย

Siriluck Chanakit

  • หน้าแรก
  • /
  • สุขภาพ
  • /
  • กินกะหล่ำปลีแล้วเป็นหมัน จริงหรือไม่? เลิกกินเลยดีไหม?
แชร์ :
  • ทำไมไม่ควรให้เด็กเล็กกินยาลดน้ำมูก ผลข้างเคียงของยาลดน้ำมูกที่แม่ต้องรู้!

    ทำไมไม่ควรให้เด็กเล็กกินยาลดน้ำมูก ผลข้างเคียงของยาลดน้ำมูกที่แม่ต้องรู้!

  • อย่ามองข้าม! อึติดปลายจู๋ ลูกชายเสี่ยงติดเชื้อกระเพาะปัสสาวะ ไตวายไม่รู้ตัว

    อย่ามองข้าม! อึติดปลายจู๋ ลูกชายเสี่ยงติดเชื้อกระเพาะปัสสาวะ ไตวายไม่รู้ตัว

  • ไม่สูบบุหรี่ก็เป็นมะเร็งปอดได้ เช็ก 10 สัญญาณเตือน โรคมะเร็งปอดในผู้หญิง

    ไม่สูบบุหรี่ก็เป็นมะเร็งปอดได้ เช็ก 10 สัญญาณเตือน โรคมะเร็งปอดในผู้หญิง

  • ทำไมไม่ควรให้เด็กเล็กกินยาลดน้ำมูก ผลข้างเคียงของยาลดน้ำมูกที่แม่ต้องรู้!

    ทำไมไม่ควรให้เด็กเล็กกินยาลดน้ำมูก ผลข้างเคียงของยาลดน้ำมูกที่แม่ต้องรู้!

  • อย่ามองข้าม! อึติดปลายจู๋ ลูกชายเสี่ยงติดเชื้อกระเพาะปัสสาวะ ไตวายไม่รู้ตัว

    อย่ามองข้าม! อึติดปลายจู๋ ลูกชายเสี่ยงติดเชื้อกระเพาะปัสสาวะ ไตวายไม่รู้ตัว

  • ไม่สูบบุหรี่ก็เป็นมะเร็งปอดได้ เช็ก 10 สัญญาณเตือน โรคมะเร็งปอดในผู้หญิง

    ไม่สูบบุหรี่ก็เป็นมะเร็งปอดได้ เช็ก 10 สัญญาณเตือน โรคมะเร็งปอดในผู้หญิง

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
  • พัฒนาการลูก
  • ชีวิตครอบครัว
  • ระยะการตั้งครรภ์
  • โภชนาการ
  • ไลฟ์สไตล์
  • TAP สังคมออนไลน์
  • ติดต่อโฆษณา
  • ติดต่อเรา
  • Influencer Marketing (KOL)
  • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Vietnam flag Vietnam
© Copyright theAsianparent 2025. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว