บ่อยครั้งที่คุณพ่อคุณแม่อาจสังเกตได้ว่าลูกมีอาการขี้ลืม ความจำไม่ค่อยดี ลืมทำการบ้าน หรือลืมเรื่องที่เคยสอน ซึ่งบางครั้งอาจส่งผลกระทบต่อการเรียน และการใช้ชีวิตประจำวันได้ วันนี้ theAsianparent Thailand จะพาคุณพ่อคุณแม่ทุกคนมาดูกันว่าอาการ เด็กขี้ลืม เกิดจากสาเหตุอะไร และมีวิธีใดที่จะช่วยให้ลูกความจำดีขึ้นบ้าง ถ้าพร้อมแล้ว เรามาดูกันเลยค่ะ
เด็กขี้ลืม เกิดจากอะไร
อาการขี้ลืมของเด็ก เกิดได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งส่วนใหญ่นั้นอาจมาจากสมอง และความจำยังพัฒนาได้อย่างไม่เต็มที่ ทำให้บางครั้งลูกจึงเกิดอาการหลงลืมขึ้นได้ โดยสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้ลูกขี้ลืมนั้น เกิดจากสาเหตุ ดังต่อไปนี้
เวลาที่ผู้ใหญ่สอนสิ่งใหม่ ๆ ให้แก่ลูก เขาก็จะเริ่มจดจำสิ่งสิ่งนั้นไว้ในสมองแทนการจำเรื่องเดิม ๆ ทำให้บางครั้งลูกจึงเกิดอาการหลงลืม เนื่องจากเด็กเล็กมีความรู้ในคลังสมองน้อย การเรียนรู้เรื่องราวใหม่ ๆ อาจเป็นเรื่องที่ยากสำหรับเขา เช่น คุณแม่สอนลูกใส่รองเท้าอย่างถูกต้อง วันต่อมาเด็กก็อาจจะลืมไปแล้วก็ได้ ดังนั้นคุณแม่สามารถสอนพวกเขาบ่อย ๆ เพื่อให้เขาจำได้ค่ะ
อย่างที่รู้กันดีว่าเด็ก ๆ อาจสนใจสิ่งต่าง ๆ เป็นครั้งคราว แต่เมื่อเขาโตขึ้น เขาก็พร้อมจะเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ เสมอ อย่างไรก็ตาม เด็กบางคนอาจไม่ค่อยสนใจสิ่งต่าง ๆ รอบตัว ส่งผลให้เด็กเกิดอาการหลงลืมได้ แต่คุณแม่ก็สามารถช่วยลูกแก้ปัญหานี้ โดยการให้ลูกทวนสิ่งที่เขาพูด หรือสิ่งที่เขาได้เรียนรู้ ก็จะเป็นการย้ำเตือนให้ลูกเกิดอาการจำได้
บทความที่เกี่ยวข้อง : 10 สัญญาณบอกว่า “ลูกความจำดี” สามารถสังเกตจากอะไรได้บ้าง
เด็กยังมีความจำไม่ดีเท่ากับผู้ใหญ่ ทำให้ลูกอาจจำเรื่องราวต่าง ๆ ได้ไม่ดี จนเกิดอาการหลงลืม คุณพ่อคุณแม่อาจต้องรอให้เขาโตขึ้นหน่อย แล้วค่อย ๆ สอนลูกโดยใช้การท่องจำ หรือการร้องเพลงง่าย ๆ ก็จะช่วยให้ลูกรู้สึกคุ้นเคย และมีความจำดีขึ้น
สำหรับเด็กที่ได้รับบาดเจ็บที่สมอง อาจมีอาการหลงลืมมากกว่าเด็กคนอื่น ๆ หากลูกเกิดอาการบาดเจ็บทางสมองที่เกิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ หรือการหกล้มอย่างรุนแรง ก็อาจส่งผลกระทบต่อสมอง และความจำของลูกนั้น ดังนั้นหากลูกมีอาการบาดเจ็บที่หัว หรือสมอง ควรรีบพาไปพบแพทย์ เพื่อเข้ารับตรวจหาการกระทบกระเทือนทางสมอง
บทความที่เกี่ยวข้อง : 12 กิจกรรมเด็ก หลากหลายไอเดียทำสนุกๆ กับลูกได้ไม่ซ้ำ
เด็กขี้ลืม มีวิธีไหนช่วยลูกได้บ้าง
การที่ลูกขี้ลืมสิ่งต่าง ๆ อาจเกิดการที่ลูกไม่ค่อยใส่ใจสิ่งต่าง ๆ รอบตัว เพราะเด็กวัยนี้มักสนใจแค่เรื่องตัวเองเท่านั้น เรามาดูวิธีที่ช่วยให้ลูกความจำดีขึ้นกันดีกว่าค่ะ
คุณพ่อคุณแม่อาจใช้วิธีการติดโน้ตไว้รอบ ๆ สิ่งของทั่วบ้าน หรือใช้ของกระตุ้นความจำให้แก่เด็ก เพื่อให้ลูกได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัว และเป็นการเตือนให้ลูกรู้ว่ามีสิ่งที่ต้องทำ เช่น การให้ลูกถือแฟ้มงาน คุณพ่อคุณแม่อาจเลือกแฟ้มที่มีสีสันที่ลูกชอบ และให้เขานำการบ้านใส่ไว้ในนั้น เมื่อกลับมาบ้าน ลูกก็จะจำได้ว่ามีการบ้านที่ต้องทำอยู่ในแฟ้ม ก็จะเป็นการช่วยให้ลูกหายจากอาการขี้ลืมได้ค่ะ
คุณพ่อคุณแม่สามารถสร้างกิจวัตรให้ลูกง่าย ๆ ด้วยการให้จัดตารางกิจวัตรให้แก่ลูก ซึ่งกิจวัตรแต่ละอย่างนั้น ได้แก่ การอ่านหนังสือ การทำการบ้าน การทำงานบ้าน หรือการพักผ่อนได้ นอกจากนี้คุณพ่อคุณแม่ยังสามารถฝึกให้เด็ก ๆ จัดตารางเรียนก่อนนอน หรืออ่านนิทานก่อนนอน ก็จะทำให้ลูกสร้างนิสัยกิจวัตรเป็นประจำ จนในที่สุดอาการหลงลืมก็หายไปได้
การทำกิจกรรมหลายอย่างพร้อมกัน หรือทำกิจกรรมหลาย ๆ อย่างในวันเดียวกัน อาจทำให้ลูกเกิดอาการสับสน และหลงลืมขึ้นได้ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงควรให้ลูกทำกิจกรรมอย่างเดียว เพื่อฝึกสมาธิให้แก่เขา หากคุณพ่อคุณแม่ให้ลูกทำหลาย ๆ อย่างพร้อมกัน ก็จะส่งผลให้ลูกไม่มีสมาธิ จนจำอะไรไม่ได้เลย
การทำกิจกรรมเพื่อพัฒนาทักษะทางสมอง เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเด็กเป็นอย่างมาก เนื่องจากเด็กวัยนี้ กำลังอยู่ในช่วงพัฒนา คุณพ่อคุณแม่จึงจำเป็นต้องสนับสนุนให้ลูกทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อพัฒนาสมอง และความจำของเขา โดยกิจกรรมที่ดีแก่การกระตุ้นความจำนั้น ได้แก่ การอ่านหนังสือ การเล่นเกม การเล่นดนตรี และการประดิษฐ์ของ เป็นต้น กิจกรรมเหล่านี้สามารถช่วยให้เด็ก ๆ พัฒนาทักษะทางความคิด และสามารถแก้อาการขี้ลืมของลูกได้
การออกกำลังกายนอกจากจะดีต่อสุขภาพร่างกายแล้ว ยังดีต่อสมองอีกด้วย เนื่องจากเวลาเด็กออกกำลังกาย จะส่งผลให้เลือดไปหล่อเลี้ยงสมองเพิ่มมากขึ้น ทำให้สมองมีประสิทธิภาพในการเรียนรู้ อีกทั้งยังส่งผลให้จดจำได้ดีขึ้นด้วย เพราะฉะนั้นการพาลูกออกกำลังกาย และกิจกรรมต่าง ๆ เช่น ฟุตบอล วิ่งผลัด โหนบาร์ หรือว่ายน้ำ ก็จะช่วยกระตุ้นให้สมองได้พัฒนาจนส่งผลต่อความจำได้ดีค่ะ
นอกจากการออกกำลังกายแล้ว เรื่องอาหารการกินก็เป็นอีกสิ่งที่สำคัญมาก โดยคุณพ่อคุณแม่ควรเลือกอาหารที่มีประโยชน์ให้แก่ลูกรับประทาน เช่น ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ นม และอาหารอื่น ๆ ให้ครบ 5 หมู่ ก็จะช่วยให้ลูกได้รับสารอาหารสำคัญ ที่สามารถไปพัฒนาความจำ และสมองของเขาได้
บทความที่เกี่ยวข้อง : กินอะไรแล้วลูกไม่โง่ 5 สุดยอดอาหารบำรุงสมองกินแล้วฉล๊าด ฉลาด
-
อ่านนิทานหรือร้องเพลงกับลูก
อีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้ลูกมีความจำที่ดีขึ้น คือการพาลูกอ่านนิทาน หรือร้องเพลงกับลูกบ่อย ๆ เนื่องจากกิจกรรมทั้งสองอย่าง สามารถกระตุ้นความจำแก่ลูกได้เป็นอย่างดี โดยคุณพ่อคุณแม่อาจอ่านนิทานให้ลูกฟังซ้ำ ๆ ลูกก็จะสามารถจำตัวละคร หรือจำเรื่องราวได้ นอกจากนี้คุณพ่อคุณแม่ยังสามารถร้องเพลงกับลูกบ่อย ๆ โดยอาจเป็นเพลงเด็กง่าย ๆ และมีความคล้องจอง ก็ช่วยให้ลูกจดจำได้ดียิ่งขึ้น
-
ให้ลูกทบทวนในสิ่งที่เรียนบ่อย ๆ
หลังจากที่ลูกได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มาแล้ว คุณพ่อคุณแม่ควรให้ลูกได้ทบทวนในสิ่งที่เรียนบ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำการบ้าน การอ่านหนังสือ หรือการทบทวนบทเรียนเป็นประจำ ก็ช่วยให้ลูกมีความจำที่ดี โดยคุณพ่อคุณแม่อาจให้ลูกได้ทบทวนในสิ่งที่เรียนหลังจากกลับมาจากโรงเรียน เพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่ลูกได้เรียนรู้มา การทำแบบนี้บ่อย ๆ ก็จะส่งผลให้ความจำของเขาพัฒนาได้เองค่ะ
หากลูกมีอาการขี้ลืม ความจำไม่ค่อยดี คุณพ่อคุณแม่ต้องเข้าใจก่อนนะคะ ว่าเป็นเรื่องปกติของเด็กวัยนี้ เมื่อลูกโตขึ้นอาการขี้ลืมของเขาก็จะค่อย ๆ หายไปเองค่ะ แต่หากคุณแม่พบว่าลูกมีอาการหลงลืมจนถึงวัยประถมปลาย ควรพาลูกไปพบแพทย์ และปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการ เพื่อที่จะได้ตรวจหาสาเหตุ และช่วยให้ลูกสามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมขี้ลืมนี้ได้ค่ะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
ไดโนเสาร์ ดีสำหรับเด็กอย่างไร ? พัฒนาสมอง เสริมสร้างความจำ
วิตามินเด็ก ต้องเสริมอะไรบ้าง? ทำไมเด็กถึงต้องกิน มีความจำเป็นอย่างไร?
เรียนยังไงให้เกรดพุ่ง แนะนำ 13 วิธีบริหารสมอง ให้มีความจำดี ไม่ยากต้องลองทำ
ที่มา : parenting.firstcry, TruePlookpanya, Phyathai
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!