ปัจจุบันในโลกที่เปิดกว้างในการหาข้อมูลข่าวสารส่งผลให้เด็กยุคใหม่นั้นสามารถเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ มากมายได้ในเวลาเพียงแค่เสี้ยววินาที ซึ่งทำให้พวกเขาได้ค้นหาสิ่งที่ชอบด้วยตัวเองได้อย่างง่ายดาย วันนี้เราจะมาพูดถึงหัวข้อเกี่ยวกับ ไดโนเสาร์ ที่เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เด็กในยุคปัจจุบันให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ไปดูกันดีกว่าว่า ไดโนเสาร์ ดีสำหรับเด็กอย่างไร
ไดโนเสาร์ คืออะไร?
Dinosaur หรือที่เรารู้จักกันในชื่อว่า ไดโนเสาร์ เป็นกลุ่มสัตว์ที่กระจายกันอยู่ทั่วทุกมุมโลกเมื่อหลายร้อยล้านปีที่แล้ว โดยการพบซากหรือโครงกระดูกของพวกมันตามพื้นที่ต่าง ๆ เป็นการบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเมื่อหลายล้านปีที่แล้ว พวกมันมีชีวิตอยู่จริง ทั้งนี้นักบรรพชีวิทยาเชื่อว่าสิ่งมีชีวิตปัจจุบัน หรือนก นั้นมีวิวัฒนาการมาจากไดโนเสาร์ และอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ดังต่อไปนี้
1. มีชีวิตอยู่ในยุคมีโซโซอิก
หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า ไดโนเสาร์ทั้งหมดมีชีวิตอยู่ในช่วงยุคมีโซโซอิก หรือในช่วง 245-65 ล้านปีก่อน โดยระบบนิเวศแวดล้อมที่อยู่อาศัยนั้นมีความหลากหลายแตกต่างพื้นที่กันออกไป นอกจากนี้ยังมีสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น ๆ อาศัยอยู่ร่วมด้วย อาทิ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ หรือแมลง เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตามไม่ใช่สัตว์ทุกชนิดที่มีอยู่ในปัจจุบันจะมีชีวิตอยู่ในช่วงเดียวกับไดโนเสาร์
2. ไดโนเสาร์ทุกตัวอยู่บนบก
ถึงแม้ว่าจากภาพหรือการศึกษาจะเห็นว่ามีไดโนเสาร์บางชนิดนั้นสามารถว่ายน้ำได้ หรือมีการใช้ชีวิตอยู่ในน้ำ แต่ความจริงแล้ว ไดโนเสาร์ไม่ได้อาศัยอยู่ในมหาสมุทร ทะเลสาบ หรือแม่น้ำ ยกตัวอย่างเช่น Mosasaurs และ Plesiosaurs ที่มีลักษณะคล้ายสัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่ที่สามารถว่ายน้ำและบินได้ที่มีชีวิตอยู่ในยุคมีโซโซอิกนั้นไม่ถูกจัดว่าเป็นไดโนเสาร์
3. ทุกตัวมีกระดูกสันหลัง
ไดโนเสาร์ถูกจัดให้อยู่ในประเภทของสัตว์ที่มีกระดูกสันหลังทั้งหมด ไม่ว่าจะมีขนาดเล็กหรือมีขนาดใหญ่ก็ตาม แต่โครงสร้างทั้งหมดของสิ่งมีชีวิตที่ถูกเรียกว่าเป็นไดโนเสาร์จะมีกระดูกสันหลังเสมอ และมีโครงสร้างที่คล้ายคลึงกัน ทั้งนี้จึงทำให้ไดโนเสาร์ทุกตัวนั้นสามารถเดินได้ด้วยขาและมีลำตัวตรงเหมือนกับนก ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้พวกมันเป็นสัตว์ที่สามารถเดินและวิ่งได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้พวกมันมีชีวิตที่ยืนยาวอีกด้วย
4. กะโหลกของไดโนเสาร์คล้ายสัตว์เลื้อยคลาน
กะโหลกของไดโนเสาร์เป็นแบบไดแอบซิด (Diapsid) ซึ่งหมายถึงการที่บริเวณกะโหลกด้านหลังของดวงตาจะมีลักษณะเป็นโค้งคู่ และมีโพรงด้านหลังต่อจากโพรงของดวงตาทั้งสองข้าง เป็นส่วนช่วยยึดกล้ามเนื้อใบหน้า โดยลักษณะกะโหลกที่พบส่วนใหญ่นอกจากไดโนเสาร์แล้วจะเป็นสัตว์ประเภทงูหรือกิ้งก่า
5. สิ่งที่คนมักเข้าใจผิด
การศึกษาสิ่งมีชีวิตที่ผ่านมาหลายร้อยล้านปีเป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าเรื่องไหนเป็นเรื่องจริง และน่าเชื่อถือมากกว่ากัน แต่มีบางข้อมูลที่มีข้อสรุปอย่างชัดเจนแล้ว และคนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิด มีดังต่อไปนี้
- ไดโนเสาร์กับมนุษย์ ไม่เคยอาศัยอยู่ร่วมกัน
- เทอโรซอร์ (Pterosaur) หรือสัตว์เลื้อยคลานที่บินได้ไม่ใช่ไดโนเสาร์
- ไดโนเสาร์ไม่ใช่สัตว์เลือดเย็น
- ไดโนเสาร์ไม่มีสมองเท่าเมล็ดถั่ว
- สายพันธุ์ส่วนใหญ่ที่พบไม่ได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฆ่ากันเอง
- พวกมันจะไม่ลากหางลงบนพื้นขณะที่เดินหรือวิ่ง
บทความที่น่าสนใจ : รวม 6 ศูนย์วิทยาศาสตร์ ในกรุงเทพ และใกล้กรุงเทพ สำหรับเด็ก ไปได้ทั้งบ้าน !
ประโยชน์ของการเรียนรู้เรื่องไดโนเสาร์สำหรับเด็ก มีอะไรบ้าง
สำหรับคุณพ่อคุณแม่บางท่านไดโนเสาร์อาจเป็นหนึ่งในความทรงจำวัยเด็กของพวกคุณ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจมากนักหากลูกน้อยของคุณจะหลงใหลในไดโนเสาร์เช่นเดียวกัน ดังนั้นเรามาดูกันดีกว่าค่ะว่าการที่เด็ก ๆ มีความชื่นชอบในเรื่องของไดโนเสาร์นั้นจะเป็นประโยชน์กับพวกเขาอย่างไรบ้าง
1. จุดประกายจินตนาการและความอยากรู้
อย่างที่เคยกว่าว่าไดโนเสาร์และมนุษย์ไม่เคยอาศัยอยู่ร่วมกันมาก่อน ดังนั้นเมื่อมนุษย์พบฟอสซิลเป็นครั้งแรก ผู้คนต่างต้องใช้จินตนาการอย่างสูงเพื่ออธิบายสิ่งที่ค้นพบว่ามีลักษณะรูปร่าง หน้าตาอย่างไรบ้าง เพราะว่าฟอสซิลที่พบเป็นเพียงโครงกระดูกที่หลงเหลืออยู่เท่านั้น ดังนั้นจึงทำให้การที่เด็ก ๆ เริ่มศึกษาเรื่องไดโนเสาร์นั้นจะต้องจินตนาการและพยายามเชื่อมโยงสิ่งมีชีวิต สภาพแวดล้อม รวมถึงระบบนิเวศที่อยู่อาศัยไปพร้อม ๆ กัน ส่วนใหญ่แล้วเด็กในช่วงวัย 3-5 ปีจะเป็นช่วงที่เด็ก ๆ ให้ความสนใจเรื่องไดโนเสาร์เป็นอย่างมาก พวกเขาจะไม่เพียงศึกษาหน้าตาของมันเท่านั้น แต่ยังกระตุ้นความอยากรู้ทำให้พวกเขาพัฒนาความรู้ความเข้าใจได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย
2. ส่งเสริมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และภูมิศาสตร์
การค้นพบซากดึกดำบรรพ์ของไดโนเสาร์ทำให้เกิดคำถามตามมาอย่างมากมายว่าโลกก่อนที่จะมีมนุษย์อยู่นั้นเป็นอย่างไร และมีการเปลี่ยนแปลง หรือมีวิวัฒนาการด้านใดบ้าง โดยมีการรวบรวมหลักฐานทางภูมิศาสตร์และวิทยาศาสตร์เพื่อมาอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้า ซึ่งทำให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้และเข้าใจในเรื่องดังกล่าวมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ลูกน้อยของคุณยังจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับการสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์ บทบาทของวิทยาศาสตร์ที่ส่งผลต่อการสูญพันธุ์ วิวัฒนาการของสัตว์ และความหลากหลายทางชีวภาพของโลกทั้งในอดีตและปัจจุบันอีกด้วย
3. พัฒนาสมอง เสริมสร้างความจำ
ไดโนเสาร์แต่ละสายพันธุ์และแต่ละชนิดมีชื่อและถิ่นฐานการค้นพบที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งนั่นหมายความว่าลูกน้อยของคุณที่มีความสนใจที่จะศึกษาเกี่ยวกับไดโนเสาร์พวกเขาจะสามารถจำรายละเอียดเกี่ยวกับถิ่นฐานและชื่อของไดโนเสาร์ได้เป็นอย่างดีและแม่นยำ ซึ่งในส่วนนี้จะช่วยพัฒนาสมองและเสริมสร้างทำให้พวกเขามีความจำเป็นอย่างดี ทั้งนี้การที่พวกเขาตั้งใจหรือหลงใหลที่จะศึกษายังทำให้พวกเขารู้สึกมั่นใจในตัวเองเพิ่มขึ้นอีกด้วย เนื่องจากพวกเขามั่นใจในข้อมูลที่ตนเองมีและสามารถพูดหรืออธิบายในสิ่งที่ตนเองสนใจต่อหน้าผู้อื่นได้อย่างคล่องแคล่ว
4. การเรียนรู้และการปรับใช้
ในระบบนิเวศมีทั้งสัตว์ที่กินเนื้อ สัตว์กินพืช และสัตว์ที่กินทั้งพืชและเนื้อ ซึ่งความแตกต่างในการกินทำให้พฤติกรรมของพวกมันแตกต่างกันออกไป หากลูกน้อยของคุณไม่กินผักหรือไม่กินเนื้อ คุณก็สามารถอ้างอิงจากพฤติกรรมของไดโนเสาร์บางชนิดได้ว่าพวกมันมีความแข็งแกร่งหากมันไม่เลือกทานอาหาร และทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย รวมถึงคุณสามารถบอกพวกเขาเกี่ยวกับพฤติกรรมของไดโนเสาร์นักล่าที่ต้องออกล่า แต่เราจะไม่รังแกคนที่อ่อนแอกว่า หรือพฤติกรรมของไดโนเสาร์กินพืชที่ชอบอยู่รวมกลุ่ม เหมือนกับลูกน้อยของคุณที่จะต้องเข้าสังคมมีเพื่อนพบปะสังสรรค์บ้าง ซึ่งสิ่งเหล่านี้นอกจากคุณจะให้พวกเขาศึกษากับสิ่งที่เขาสนใจได้แล้วยังสามารถนำสิ่งที่พวกเขาสนใจมากปรับให้พวกเขาเข้าใจคำสอนของคุณได้มากขึ้น
บทความที่น่าสนใจ : กิจกรรมกลางแจ้ง สำหรับเด็กยุคโควิด ทำอะไรได้บ้าง? กิจกรรมใดที่ปลอดภัย
แจกไอเดีย! เล่นกับลูกที่ชอบไดโนเสาร์อย่างไรให้สนุก
เมื่อลูกของคุณเริ่มเข้าสู่ความสนใจบางอย่างอาจทำให้คุณและลูกน้อยรู้สึกห่างเหินกันมากยิ่งขึ้น พวกเขาอาจเริ่มไม่สนใจสิ่งรอบข้าง และไม่สนใจคำพูดของคุณพ่อคุณแม่ในที่สุด ซึ่งการที่พวกเขาตั้งใจหรือสนใจบางอย่างไม่ใช่เรื่องผิด แต่คุณควรมีส่วนร่วมกับพวกเขาเพื่อทำให้พวกเขารู้ว่าพวกคุณนั้นสนใจและมีส่วนร่วมกับพวกเขาเหมือนกัน มาดูกันดีกว่าค่ะว่า การเล่นกับลูกที่ชอบไดโนเสาร์อย่างไรให้สนุก สามารถทำอย่างไรได้บ้าง
- สื่อการเรียนรู้ : ปัจจุบันมีสื่อต่าง ๆ มากมายที่ถูกผลิตออกมาในรูปแบบ 2 มิติและ 3 มิติ ซึ่งเป็นสื่อที่จะช่วยทำให้ลูกน้อยของคุณเห็นภาพไดโนเสาร์ในจินตนาการชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งคุณสามารถช่วยพวกเขาในการอ่านคำยาก ๆ หรือคอยพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขากำลังศึกษา นอกจากจะเป็นการกระชับความสัมพันธ์แล้ว ยังทำให้ลูกน้อยของคุณรู้สึกว่าคุณเป็นเพื่อนที่สามารถคุยเรื่องที่พวกเขาสนใจได้
- ฟักไข่ไดโนเสาร์ : การเล่นแบบง่าย ๆ เพียงนำลูกโป่งมาใส่น้ำและให้ลูกน้อยของคุณคอยเฝ้าพวกมันไว้เป็นอย่างดี และคุณก็มีหน้าที่ไปแย่งลูกโป่งนั้นออกมาก ซึ่งนอกจากจะได้ความสนุกแล้ว ยังทำให้ลูกน้อยของคุณได้ขยับเขยื้อนร่างกาย เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อเพิ่มมากขึ้นด้วย
- วาดภาพระบายสีไดโนเสาร์ : คุณสามารถเตรียมสีและโหลดไฟล์ภาพวาดระบายสีได้ตากอินเทอร์เน็ตอย่างง่ายดาย ให้พวกเขาได้ใช้จินตนาการอย่างเต็มที่ในการแต่งแต้มสีลงบนกระดาษ หรือคุณอาจหาวิธีการพับกระดาษ หรือการตัดกระดาษเป็นรูปไดโนเสาร์ให้พวกเขาทำก็ได้นะคะ เป็นการฝึกสมาธิของพวกเขาได้อีกแบบ
- บทบาทสมมติ : เด็กส่วนใหญ่มักจะมีจินตนาการที่สูงมาก พวกเขาสามารถสร้างภูเขาไฟ หรือลาวาได้ด้วยจินตนาการของพวกเขา และการเล่นบทบาทสมมติให้ตัวเองเป็นไดโนเสาร์นั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลก เพียงแค่ของให้คุณพ่อคุณแม่เข้าใจและคล้อยตามสิ่งที่พวกเขากำลังทำ ก็สามารถมีความสุขร่วมกันได้แล้ว
เป็นอย่างไรบ้างคะ มีลูกบ้านไหนคลั่งไคล้ไดโนเสาร์บ้างเอ่ย? ถึงแม้ว่าพวกเขาจะดูหลงใหลในไดโนเสาร์มา แต่การเรียนรู้ในครั้งนี้ก็คือว่าคุ้มสำหรับการเรียนรู้นะคะ เพราะไม่เพียงจะให้ความสุขเพียงอย่างเดียว ยังมอบความรู้ให้กับพวกเขาอีกด้วย ดังนั้นหากลูกน้อยของคุณกำลังสนใจ หรือตั้งใจที่จะศึกษาบางอย่างอย่างตั้งใจก็อย่าไปขัดเขานะคะ แค่เพียงคอยมองอยู่ห่าง ๆ มีส่วนร่วมกับพวกเขาบ้าง และคอยเตือนสิ่งที่ไม่เหมาะสมกับช่วงวัยของพวกเขาก็พอค่ะ
บทความที่น่าสนใจ :
70 แรงบันดาลใจ ชื่อลูกจากสายพันธุ์ไดโนเสาร์ มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
พาลูกเที่ยว 10 พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ ทั้งสนุกและได้ความรู้
พาลูกไปผจญภัยในโลกของไดโนเสาร์ฟรี! ที่ TK park
ที่มา : theguardian, careforkids, dinoruss, zipschool, scholastic
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!