10 อาหารบำรุงไต ช่วยชะลอความเสื่อม เพื่อไตแข็งแรง ที่สายเฮลตี้ห้ามพลาด !!

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

วันนี้เราขอเอาใจสายเฮลตี้ มัดรวม 10 อาหารบำรุงไต ที่ช่วยชะลอความเสื่อมสภาพของเซลล์ เพื่อไตช่วยให้แข็งแรง บอกเลยว่าคนรักสุขภาพห้ามพลาดเด็ดขาด !! มาดูกันเลยดีกว่าว่าจะมีอาหารประเภทไหนบ้าง

 

อาหารประเภทไหน ที่ดีต่อไต

ต้องเป็นอาหารที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของไต ในขณะที่ต้องช่วยป้องกันความเสียหายเพิ่มเติมด้วย แม้ว่าข้อจำกัดด้านอาหารจะแตกต่างกันไป แต่ก็แนะนำว่าผู้ที่เป็นโรคไต ควรจำกัดสารอาหารดังต่อไปนี้

  • โซเดียม โซเดียมมีอยู่ในอาหารหลายชนิด และส่วนประกอบสำคัญของเกลือแกง เพราะไตที่เสียหายไม่สามารถกรองโซเดียมปริมาณมากออกได้ หากโซเดียมส่วนเกินทำให้ระดับเลือดสูงขึ้น มักจะแนะนำให้
    จำกัดโซเดียมให้น้อยกว่า 2,000 มก. ต่อวัน
  • โพแทสเซียม โพแทสเซียมมีบทบาทสำคัญหลายอย่าง ในร่างกาย แต่ผู้ที่เป็นโรคไตต้องจำกัดโพแทสเซียม
    เพื่อหลีกเลี่ยงระดับเลือดสูงที่เป็นอันตราย มักจะแนะนำให้จำกัด โพแทสเซียมน้อยกว่า 2,000 มก. ต่อวัน
  • ฟอสฟอรัส  ขจัดฟอสฟอรัสส่วนเกินซึ่งเป็นแร่ธาตุในอาหารหลายชนิด ระดับสูงอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อร่างกาย ดังนั้น ฟอสฟอรัสในอาหารจึงถูกจำกัดให้น้อยกว่า 800–1,000 มก. ต่อวันในผู้ป่วยส่วนใหญ่
  • โปรตีน เป็นสารอาหารอีกชนิดหนึ่งที่ผู้ป่วยโรคไตอาจจำเป็นต้องจำกัด เนื่องจากไตที่เสียหายไม่สามารถล้างของเสียออกจากการเผาผลาญโปรตีนได้

 

10 อาหารบำรุงไต เพื่อคนรักสุขภาพ

 

 

องุ่นแดง

องุ่นแดง ½ ถ้วย ประกอบด้วย โซเดียม 1 มิลลิกรัม , โพแทสเซียม 88 มิลลิกรัม และ ฟอสฟอรัส 4 มิลลิกรัม

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

องุ่นแดงมีสารฟลาโวนอยด์หลายชนิดที่ให้สีแดง โดยสารฟลาโวนอยด์ช่วยป้องกันโรคหัวใจ และมีฟลาโวนอยด์ที่พบในองุ่น ช่วยกระตุ้นการผลิตไนตริกออกไซด์ทำให้ช่วยผ่อนคลายเซลล์กล้ามเนื้อในหลอดเลือดเพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือดได้ดีขึ้น ฟลาโวนอยด์เหล่านี้ยังช่วยป้องกันมะเร็งและลดการอักเสบ

องุ่นสีแดงหรือสีม่วง มีสารแอนโทไซยานินสูงกว่าประเภทอื่น สามารถทานเป็นของว่าง เพื่อดับกระหายสำหรับผู้ที่มีข้อจำกัดเรื่องของเหลวในการรับประทานอาหารช่วงฟอกไตได้

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

แอปเปิล

แอปเปิลขนาดกลาง 1 ลูก ประกอบด้วย โพแทสเซียม 158 มิลลิกรัม , ฟอสฟอรัส 10 มิลลิกรัม และปราศจากโซเดียม

แอปเปิลช่วยลดคอเลสเตอรอล ป้องกันอาการท้องผูก ป้องกันโรคหัวใจ และลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง แอปเปิลที่มีไฟเบอร์และสารต้านการอักเสบสูง แอปเปิลมีประโยชน์ที่หลากหลาย คุณสามารถปอกกินแอปเปิลดิบได้แบบง่าย ๆ หรือเลือกดื่มเป็นน้ำแอปเปิล แอปเปิลไซเดอร์ ก็จะช่วยให้ดีต่อระบบขับถ่ายและลำไส้

บทความที่เกี่ยวข้อง : กินแอปเปิล วันละ 1 ผล ดีอย่างไร ประโยชน์ของแอปเปิล ที่คุณควรรู้

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

ราสป์เบอร์รี

ราสป์เบอร์รี ½ ถ้วย ประกอบด้วย โพแทสเซียม 93 มิลลิกรัม , ฟอสฟอรัส 7 มิลลิกรัม และปราศจากโซเดียม

ในราสป์เบอร์รีมีไฟโตนิวเทรียนท์ที่เรียกว่า “กรดเอลลาจิก” ซึ่งช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย เพื่อป้องกันความเสียหายของเซลล์ นอกจากนี้ยังมีฟลาโวนอยด์ที่เรียกว่า “แอนโทไซยานิน” สารต้านอนุมูลอิสระซึ่งทำให้ผลราสป์เบอร์รีมีสีแดง เป็นแหล่งแมงกานีส วิตามินซีที่ดี มีไฟเบอร์ และโฟเลต วิตามินบีสูง ซึ่งมีคุณสมบัติที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งและการก่อตัวของเนื้องอกได้อีกด้วย

 

สตรอว์เบอร์รี

สตรอว์เบอร์รีสด ½ ถ้วยตวง (ประมาณ 5 ผลขนาดกลาง) = โซเดียม 1 มก. โพแทสเซียม 120 มก. ฟอสฟอรัส 13 มก.

สตรอว์เบอรรี่ อุดมไปด้วยฟีนอล 2 ประเภท : แอนโทไซยานินและเอลลาจิแทนนิน ซึ่งแอนโทไซยานินเป็นสิ่งที่ทำให้สตรอว์เบอร์รีมีสีแดงและเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ช่วยปกป้องโครงสร้างเซลล์ของร่างกายและป้องกันความเสียหายจากปฏิกิริยาออกซิเดชัน สตรอว์เบอร์รีเป็นแหล่งวิตามินซี และ แมงกานีสที่ดีเยี่ยม อีกทั้งยังเป็นแหล่งใยอาหารชั้นดีอีกด้วย ช่วยป้องกันโรคหัวใจตลอดจน ต่อต้านเซลล์มะเร็งและต้านการอักเสบ

บทความที่เกี่ยวข้อง : 9 ผลไม้สีแดง กินแล้วผิวพรรณเปล่งปลั่ง ดูอ่อนวัย อร่อยต้านมะเร็ง !!

 

 

หัวหอม

หัวหอม ½ ถ้วย ประกอบด้วย โซเดียม 3 มิลลิกรัม , โพแทสเซียม 116 มิลลิกรัม และ ฟอสฟอรัส 3 มิลลิกรัม

หัวหอมให้กลิ่นฉุน แต่นอกจากจะทำให้บางคนร้องไห้แล้ว ยังอุดมไปด้วยสารฟลาโวนอยด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เควอซิติน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ ป้องกันมะเร็งได้หลายชนิด มีโพแทสเซียมต่ำและเป็นแหล่งโครเมียมที่ดี ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่ช่วยเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีน

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

กระเทียม

กระเทียม 1 กลีบ ประกอบด้วย โซเดียม 1 มิลลิกรัม , โพแทสเซียม 12 มิลลิกรัม และ ฟอสฟอรัส 4 มิลลิกรัม

กระเทียมมีคุณสมบัติช่วยต่อต้านจุลชีพ ป้องกันไม่ให้เกิดคราบพลัคบนฟัน ลดคอเลสเตอรอล และลดการอักเสบ สามารถนำมาใส่ในอาหารได้หลายประเภททั้งเนื้อสัตว์ ผัก หรือพาสต้า เพื่อช่วยให้มีกลิ่นหอมน่ารับประทาน และเป็นอาหารที่ดีต่อไตอีกด้วยค่ะ

บทความที่เกี่ยวข้อง : 9 ผัก ผลไม้สีขาว ประโยชน์ดี ๆ ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ได้อย่างไรบ้าง ?

 

 

กะหล่ำปลี

ผักกะหล่ำปลีเขียว ประกอบด้วย โซเดียม 6 มิลลิกรัม , โพแทสเซียม 60 มิลลิกรัม และฟอสฟอรัส 9 มิลลิกรัม

ผักตระกูลกะหล่ำ อย่างกะหล่ำปลีเต็มไปด้วยสารประกอบทางเคมีในผัก หรือผลไม้ที่มีส่วนช่วยทำลายอนุมูลอิสระก่อนที่จะสร้างความเสียหายต่อเซลล์ร่างกาย เนื่องจากสารเคมีจากพืชหลายชนิด เป็นที่รู้จักกันว่าช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่อาจนำไปสู่โรคมะเร็งได้ เช่นเดียวกับการส่งเสริมสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด

กะหล่ำปลี อุดมไปด้วยวิตามินเค วิตามินซี และไฟเบอร์สูง นอกจากนี้กะหล่ำปลียังเป็นแหล่งวิตามิน B6 และกรดโฟลิกที่ดีอีกด้วย มีโพแทสเซียมต่ำ เป็นอาหารบำรุงไตแบบหาซื้อได้ง่าย ราคาไม่แพง

กะหล่ำปลีดิบเป็นอาหารเสริมที่ดีในการฟอกไต เช่น เมนูโคลสลอว์ หรือสามารถนึ่ง ผ่านความร้อนด้วยไมโครเวฟ ต้ม ใส่เนย ใส่ครีมชีส พริกไทย และเสิร์ฟเป็นเครื่องเคียงที่แสนอร่อย ช่วยเรียกน้ำย่อยได้ดีเยี่ยม เพิ่มความอยากอาหาร เพราะเป็นอาหารที่มีรสชาติดีเยี่ยม และเปี่ยมด้วยคุณค่าทางสารอาหาร

 

 

กะหล่ำดอก

กะหล่ำดอกต้ม ในปริมาณ ½ ถ้วย ประกอบด้วย โซเดียม 9 มิลลิกรัม , โพแทสเซียม 88 มิลลิกรัม และ ฟอสฟอรัส 20 มิลลิกรัม นับเป็นผักที่มีโซเดียมต่ำอีกหนึ่งชนิด โดยกะหล่ำดอก เป็นผักตระกูลกะหล่ำอีกชนิดหนึ่ง ที่มีวิตามินซีสูงและเป็นแหล่งโฟเลต ไฟเบอร์ที่ดี นอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยอินโดล กลูโคซิโนเลต และไทโอไซยาเนต ซึ่งเป็นสารประกอบที่ช่วยให้ตับต่อต้านสารพิษที่อาจทำลายเยื่อหุ้มเซลล์และ DNA ได้

กะหล่ำดอกสามารถเสิร์ฟทานแบบดิบ ๆ พร้อมจิ้ม ใส่ในสลัดได้ หรือเป็นเมนูนึ่ง ต้มแล้วปรุงรสด้วยเครื่องเทศ เช่น ขมิ้น ผงกะหรี่ พริกไทย และเครื่องปรุงรสสมุนไพร แม้แต่เมนูกะหล่ำดอกบดซึ่งมีประโยชน์ต่อไตได้ดีกว่า แทนการบริโภคมันฝรั่งบด

 

 

พริกหยวกแดง

พริกหยวกแดง อุดมไปด้วยโซเดียม , ฟอสฟอรัสและมีโพแทสเซียมต่ำ มีรสชาติอร่อย เหมาะสำหรับเป็นอาหารบำรุงไต เพราะผักแสนอร่อยเหล่านี้ยังเป็นแหล่งวิตามินซี วิตามินเอที่ดีเยี่ยม เช่นเดียวกับวิตามินบี 6 กรดโฟลิกและไฟเบอร์ เรียกได้ว่ามีคุณค่าสารอาหารที่มีประโยชน์หลากหลาย นอกจากพริกหยวกแดงนั้นดีสำหรับคุณเพราะมีไลโคปีนซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันมะเร็งบางชนิดได้อีกด้วย

โดยพริกหยวกแดงสามารถกินดิบ เป็นของว่าง อาหารเรียกน้ำย่อยได้ สามารถผสมลงในจานสลัดทูน่า หรือสามารถนำไปย่าง และใช้เป็นท็อปปิ้งบนแซนด์วิช หั่นเป็นไข่เจียว เพิ่มลงในเคบับ ยัดไส้พริกด้วยไก่งวงหรือเนื้อวัวบด และเมนูอื่น ๆ อีกมากมาย

 

 

ไข่ขาว

ไข่ขาว 2 ฟอง ประกอบด้วยโปรตีน 7 กรัม , โซเดียม 110 มิลลิกรัม , โพแทสเซียม 108 มิลลิกรัม และฟอสฟอรัส 10 มิลลิกรัม ซึ่งเป็นโปรตีนบริสุทธิ์ มีคุณภาพสูงพร้อมกรดอะมิโนที่จำเป็นทั้งหมด เหมาะสำหรับเป็นอาหารบำรุงไต เพราะไข่ขาวให้โปรตีน ที่มีฟอสฟอรัสน้อยกว่าแหล่งโปรตีนอื่น ๆ เช่น ไข่แดงหรือเนื้อสัตว์

 

ดังนั้นการเลือกรับประทานอาหารจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อการดูแลสุขภาพ แต่โชคดีที่เรามีตัวเลือกสารอาหารที่อร่อยและดีต่อสุขภาพหลายอย่างมีฟอสฟอรัส โพแทสเซียม และโซเดียมต่ำ ให้เลือกรับประทานตามกันเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นนะคะ

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

7 สุดยอด ผลไม้หน้าเด็ก กินแล้วหน้าอ่อนวัย จนใคร ๆ ก็เดาอายุไม่ถูก !!

10 สุดยอด อาหารบำรุงสายตา มองไม่ชัด ตาล้า ทานสิ่งนี้

12 อาหารบำรุงผิว เสริมสารอาหารให้ผิวขาว สวย ใส ด้วยวัตถุดิบจากธรรมชาติ

ที่มา : davita , healthline

บทความโดย

Suchanya Dheerasunt