วิตามินเค เป็นวิตามินชนิดหนึ่งที่มีความสำคัญต่อคุณแม่ตั้งครรภ์และทารก ที่มีส่วนช่วยให้ร่างกายแข็งแรงป้องกันโรคต่าง ๆ มากมาย วันนี้เราได้รวบรวมประโยชน์ของวิตามินเคมาให้เรียบร้อยแล้ว ไปดูพร้อมกันเลยว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง
วิตามินเค หรือ Vitamin K คือ ?
วิตามินที่สามารถละลายในไขมันได้อีกตัวหนึ่งที่สำคัญต่อคุณแม่ตั้งครรภ์และทารกนั่นคือ วิตามินเค ซึ่งมีบทบาทในการช่วยเรื่องการแข็งตัวของเลือด เมแทบอลิซึมของกระดูก และควบคุมระดับแคลเซียมในเลือด โดยร่างกายของมนุษย์เรานั้นต้องการวิตามินเคเพื่อผลิตโปรทรอมบิน (Prothrombin) ซึ่งเป็นโปรตีนที่ส่งผลทำให้เลือดแข็งตัวนั่นเอง ทั้งนี้วิตามินเคสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ได้ดังต่อไปนี้
- วิตามินเค 1 หรือ Phylloquinone เป็นวิตามินเคที่ได้มาจากพืช ซึ่งเป็นแหล่งอาหารที่พบวิตามินเคมากที่สุด
- วิตามินเค 2 หรือ Menaquinone พบในอาหารที่ทำจากสัตว์ และการหมักดอง
บทความที่เกี่ยวข้อง : วิตามินอี ดีต่อคุณแม่ตั้งครรภ์อย่างไร? อันตรายต่อทารกในครรภ์หรือไม่?
ปริมาณของวิตามินเคที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน
ความต้องการของร่างกายมนุษย์ในการต้องการวิตามินเคนั้นแตกต่างกันออกไป ซึ่งขึ้นอยู่กับเพศ และอายุ โดยมีปริมาณที่ต้องการในแต่ละวันของแต่ละช่วงวัย และเพศ ดังต่อไปนี้
- ทารกแรกเกิดถึง 6 เดือน ต้องการวิตามินเค 2 ไมโครกรัม
- ทารกอายุ 7-12 เดือน ต้องการวิตามินเค 5 ไมโครกรัม
- เด็กอายุ 1-3 ปี ต้องการวิตามินเค 30 ไมโครกรัม
- เด็กอายุ 4-8 ปี ต้องการวิตามินเค 55 ไมโครกรัม
- เด็กวัย 9-13 ปี ต้องการวิตามินเค 60 ไมโครกรัม
- วัยรุ่นอายุ 14-18 ต้องการวิตามินเค 75 ไมโครกรัม
- เพศชายที่มีอายุ 19 ปีขึ้นไป ต้องการวิตามินเค 120 ไมโครกรัม
- เพศหญิงที่มีอายุ 19 ปีขึ้นไป ต้องการวิตามินเค 90 ไมโครกรัม
- หญิงตั้งครรภ์ หรือคุณแม่ให้นมบุตร ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ต้องการวิตามินเค 75 ไมโครกรัม
- หญิงตั้งครรภ์ หรือคุณแม่ให้นมบุตร ที่มีอายุตั้งแต่ 19 ปีขึ้นไป ต้องการวิตามินเค 90 ไมโครกรัม
ประโยชน์ของวิตามินเค มีอะไรบ้าง?
นอกจากวิตามินเคจะมีส่วนช่วยในเรื่องของการแข็งตัวของเลือดแล้วยังมีประโยชน์อย่างอื่นอีกมากมาย โดยประโยชน์เหล่านั้นได้มาจากการทานอาหารที่มีส่วนประกอบของวิตามินเค โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
หากคุณมีภาวะขาดวิตามินเค หรือมีการบริโภควิตามินเคในปริมาณที่ร่างกายต้องอย่างไม่เพียงพอก็อาจส่งผลทำให้เสี่ยงเป็นโรคกระดูกพรุนได้ จากการศึกษาวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่า วิตามินเคช่วยบำรุงกระดูกให้แข็งแรง ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของมวลกระดูก และลดความเสี่ยงที่จะเกิดกระดูกหักได้
ผลการวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่า ผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 70 ปีขึ้นไปที่มีระดับวิตามินเคในเลือดสูงนั้นมีประสิทธิภาพในการจดจำที่สูงกว่าผู้สูงอายุทั่วไป ดังนั้นจึงทำให้เห็นว่าวิตามินเคนั้นมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับการช่วยในการจดของผู้สูงอายุ
วิตามินเคมีส่วนช่วยในการลดความดันโลหิตได้ โดยการป้องกันไม่ให้เกิดการสะสมและอุดตันของเส้นเลือดแดง ซึ่งทำให้หัวใจสามารถสูบฉีดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้การอุดตันของเส้นเลือดนั้นอาจพบมากขึ้น เมื่อมีอายุมากขึ้น ดังนั้นการบริโภควิตามินเคอย่างเหมาะสมเพียงพอนั้นจะช่วยลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองได้อีกด้วย
-
ความเสี่ยงของการได้รับวิตามินเค
การรับประทานวิตามินเคผ่านอาหารต่าง ๆ ไม่มีข้อจำกัดสำหรับการรับประทาน เพราะว่าการวิตามินเคนั้นส่งผลกระทบด้านลบต่อร่างกายมนุษย์เราได้น้อยมาก อย่างไรก็ตามหากเป็นการทานอาหารเสริมวิตามินเคอาจส่งผลอันตรายมากกว่า โดยวิตามินเคนั้นสามารถไปยับยั้งการออกฤทธิ์ของตัวยาทั่วไปได้หลายชนิด รวมถึงยาที่เกี่ยวกับการสลายตัวของเลือด ยากันชัก ยาปฏิชีวนะ และยาลดคอเลสเตอรอล ดังนั้นหากคุณต้องการที่จะทานอาหารเสริมวิตามินเคควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนทุกครั้ง
ทำไมวิตามินเคถึงสำคัญกับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์?
นอกจากการช่วยให้เลือดแข็งตัวแล้ว วิตามินเคยังจำเป็นสำหรับการพัฒนากระดูกที่แข็งแรงและการสร้างโปรตีนในตับได้ด้วย ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในช่วงระหว่างการตั้งครรภ์ และหลังการคลอดบุตร โดยจะทำให้คุณแม่นั้นฟื้นตัวได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้การที่คุณแม่ตั้งครรภ์มีระดับวิตามินเคในเลือดที่เพียงพอส่งผลต่อทารกหลังคลอดโดยตรง เพราะว่าหากทารกนั้นขาดวิตามินเค เสี่ยงต่อการตกเลือดหลังคลอดได้
คุณแม่สามารถรับวิตามินเคได้จากที่ไหน?
คนท้องและทารกในครรภ์สามารถรับวิตามินเคได้ง่าย ๆ ด้วยการรับประทานอาหารที่มีความสมดุลและดีต่อสุขภาพ โดยปริมาณของวิตามินเคที่อยู่ในอาหารนั้นไม่ได้รับผลกระทบจากการปรุงอาหารมากนัก คุณแม่จึงสามารถคิดเมนูได้ตามที่ต้องการ นอกจากนี้ด้วยความที่วิตามินเคเป็นวิตามินที่ละลายในไขมันได้ เมื่อทานเข้าไปแล้วจึงถูกสะสมไว้ในตับเราได้ และร่างกายสามารถเอาออกมาใช้ได้เมื่อถึงเวลาที่เราต้องการ โดยอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินเค มีดังต่อไปนี้
1. ถั่วเหลืองหมัก หรือนัตโตะ
นัตโตะ หรือถั่วเหลืองหมัก เป็นที่นิยมรับประทานมากในประเทศญี่ปุ่น เป็นหนึ่งในอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินเค โดยนัตโตะ 85 กรัม มีประมาณวิตามินเคมากกว่า 708 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณที่ต้องการต่อวัน ซึ่งในนัตโตะนั้นจะพบวิตามินเค 2 หรือเมนาควิโนนมากที่สุด
2. ผักคะน้า
จัดอยู่ในผักใบเขียวชนิดหนึ่งที่อุดมไปด้วยวิตามินเค โดยผักคะน้าต้มครึ่งถ้วยก็มีประมาณวิตามินเคมากถึง 442 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวันแล้ว แต่อย่างไรก็ตามก่อนที่จะนำผักคะน้ามาทำอาหารควรล้างให้สะอาดก่อนทุกครั้ง
3. ผักโขม
เป็นอีกหนึ่งผักใบเขียวที่หาง่าย และนำมาประกอบอาหารได้ง่าย ๆ ถึงแม้ว่าผักโขมจะไม่มีปริมาณของวิตามินเคเทียบเท่ากับถั่วเหลืองหมัก และผักคะน้า แต่การทานผักโขมในมื้ออาหารอย่างน้อย 1 มื้อนั้นก็เป็นปริมาณที่เพียงต่อความต้องการหนึ่งวันแล้ว
4. น้ำมันถั่วเหลือง
เป็นแหล่งของวิตามินเคที่คุณเองก็น่าจะตกใจ แต่ในความเป็นจริงแล้วคุณสามารถได้รับปริมาณได้มากถึง 1 ใน 5 ของปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวันเพียงแค่รับประทานน้ำมันถั่วเหลืองเพียงแค่ 1 ช้อนโต๊ะเท่านั้น
5. เครื่องในสัตว์
นอกจากนัตโตะแล้ว วิตามินเค 2 ที่สามารถได้รับจากการรับประทานนั้นยังสามารถพบได้ในผลิตภัณฑ์ที่ได้จากสัตว์อีกด้วย โดยเครื่องในสัตว์นั้นก็เป็นอีกหนึ่งแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินเคเช่นกัน
บทความที่เกี่ยวข้อง : สารอาหารที่จำเป็นสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ คุณแม่ตั้งครรภ์ควรทานสิ่งนี้
ทำไมวิตามินเคถึงสำคัญต่อทารกในครรภ์อย่างไร?
วิตามินเคมีคุณสมบัติช่วยให้เลือดจับตัวเป็นลิ่ม ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะช่วยป้องกันการตกเลือดอย่างรุนแรง หากทารกไม่ได้รับวิตามินเคที่เพียงพอจากมารดาระหว่างตั้งครรภ์ หรือขณะให้นมบุตร พวกเขาอาจเสี่ยงเป็นโรคภาวะพร่องวิตามินเค (Vitamin K Deficiency : VKDB) อาจทำให้เลือดออกในสมอง และอาจส่งผลทำให้สมองถูกทำลาย หรือถึงแก่ชีวิตได้
ทารกสามารถรับวิตามินได้จากที่ไหนหลังจากคลอด?
วิธีที่ง่าย และปลอดภัยมากที่สุดสำหรับการให้วิตามินเคแก่ทารกหลังคลอดคือ การฉีดวิตามิน โดยการฉีดเพียงครั้งเดียวหลังคลอดจะช่วยปกป้องทารกได้นานหลายเดือน นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งวิธีคือการให้เด็กรับประทานวิตามินทางปาก แต่ผลจะไม่มีประสิทธิภาพเท่ากับการฉีด ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์ โดยส่วนใหญ่แล้วทารกที่ต้องให้วิตามินเพิ่มเติมหลังคลอดนั้นคือทารกที่มีขนาดเล็ก น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ หรือทารกที่ทำการคลอดก่อนกำหนด
เป็นอย่างไรกันบ้างกับวิตามินเค คุณประโยชน์ และสรรพคุณที่มีความสำคัญต่อร่างกายของเราเพียบเลย แต่ถึงอย่างไรก็ตามคุณแม่ตั้งครรภ์นอกจากจะใส่ในเรื่องของการทานวิตามินเคแล้ว ก็ต้องใส่ใจในเรื่องของวิตามิน หรือสารอาหารอย่างอื่นด้วยนะ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับตนเอง และลูกน้อย
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
วิตามินบี 12 มีประโยชน์อย่างไร จำเป็นสำหรับคนท้องหรือไม่?
วิตามินซี ควรกินอย่างไร ให้ลูกรักได้ประโยชน์เต็มร้อย
วิตามินบำรุงก่อนคลอด วิตามินเสริมคนท้องมีอะไรบ้าง วิตามินเสริมจำเป็นไหม
ที่มา : medicalnewstoday, webmd, pregnancybirthbaby, aptaclub, nutricia
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!