วิตามินดี ดีอย่างไร ? ขาดวิตามินดี ร่างกายเสี่ยงต่อโรคอะไรบ้าง ?

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ถ้าร่างกายเราขาดวิตามินดี จะส่งผลต่อร่างกายอย่างไร และ วิตามินดี มีความสำคัญอย่างไรกับเราบ้าง โดยเฉพาะ แม่ท้องจำเป็นต้องกินวิตามินดี หรือไม่? แล้ววิตามินดีทำหน้าที่อะไร แล้วเราจะได้รับวิตามินดีจากอาหารประเภทไหนบ้าง มาดูกัน

 

วิตามินดี มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง และมีบทบาทสำคัญในกระบวนการตอบสนองภูมิคุ้มกันของร่างกาย นอกจากนี้วิตามินดี เป็นวิตามินที่สามารถละลายในไขมันได้ดี จึงสามารถดูดซึม และสามารถเก็บสะสมในร่างกายได้ยาวนาน อันที่จริงแล้ว ร่างกายคนเราสามารถสร้างวิตามินดีได้เอง จากการสัมผัสแสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้าที่มาพร้อมกับรังสี UVB และยังสามารถรับวิตามินดีได้จากอาหาร และแบบวิตามินเสริมอีกด้วย เรามาดูกันว่า วิตามินดีที่มักจะถูกละเลยนี้ หากขาดไปแล้ว ร่างกายจะเป็นอย่างไร

 

 

วิตามินดี มีประโยชน์อย่างไร ?

วิตามินดี มีความสำคัญต่อกระดูก และฟัน ป้องกันโรคกระดูกพรุน ช่วยในการดูดซึมแคลเซียม และฟอสฟอรัสจากอาหาร อีกทั้งยังช่วยรักษาระดับแร่ธาตุชนิดต่าง ๆ ให้อยู่ในระดับปกติ และ ยังมีคุณสมบัติที่พิเศษคือ มีโครงสร้างคล้ายฮอร์โมนเพศ จึงทำให้ร่างกายสามารถควบคุมกระบวนการต่าง ๆ ที่สำคัญได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น ช่วยลดฮอร์โมนพาราไทรอยด์ (Parathyroid Hormone) เพิ่มการหลั่งอินซูลิน และยังปรับสมดุลน้ำตาลในเลือดให้คงที่ ไม่ให้เกิดโรคเบาหวานได้ง่าย นอกจากนี้วิตามินดียังมีประโยชน์ในชีวิตประจำวันอย่างเห็นได้ชัด เช่น

  • วิตามินดีช่วยให้สมองหลั่งสารเซโรโทนิน ลดความเครียด และลดภาวะซึมเศร้า
  • ช่วยชะลอวัยของผิวพรรณ เพราะวิตามินดีมีบทบาทสำคัญในการแบ่งเซลล์ และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ
  • วิตามินดีช่วยให้ประสิทธิภาพการออกกำลังกายที่หนักหน่วงและใช้เวลานาน ๆ ดีขึ้น มีความอึดขึ้น เช่น คนแข่งไตรกีฬา
  • มีส่วนช่วยในการนำออกซิเจนจากเลือดไปหล่อเลี้ยงกล้ามเนื้อขณะออกกำลังกาย จึงความเมื่อยล้าและบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ

 

การขาดวิตามินดี มากเกินไปจะส่งผลต่อร่างกายอย่างไร

  • หกล้มง่าย ลื่นล้มบ่อย

เนื่องจากวิตามินดีมีความสำคัญต่อการจำเป็นต่อการยืด และหดของกล้ามเนื้อ ถ้าขาดวิตามินดีจะทำให้กล้ามเนื้อตอบสนองการเดินได้ช้า และลื่นหกล้มง่าย ดังนั้น การมีวิตามินดีในร่างกายจะช่วยให้มัดกล้ามเนื้อมีความแข็งแรง ทรงตัวได้ดี ลดการลื่นล้มอันนำไปสู่ปัญหากระดูกสะโพกแตก หรือกระดูกส่วนอื่น ๆ ได้รับอุบัติเหตุจากการลื่นล้มได้ง่าย

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

  • กระดูกพรุน

เราได้ยินกันมาบ่อยมาก เรื่องกระดูกพรุน ซึ่งโรคนี้ เกิดจากการที่ กระดูกมีความเปราะบาง ทนต่อแรงกระแทกได้น้อย จนถึงขั้นแตกหักได้ง่าย และอาจจะทำให้เสียชีวิตได้ ดังนั้นเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี ร่างกายที่แข็งแรง ควรป้องกันโรคกระดูกพรุนโดยการรับประทานวิตามินดีปริมาณสูง ซึ่งช่วยดูดซึมแคลเซียมที่ลำไส้ ลดการสลายแคลเซียมออกจากกระดูก

 

  • กระดูกอ่อน

คล้ายกับโรคกระดูกอ่อน คือ กระดูกมีความเปราะบาง มักพบในผู้สูงอายุเป็นส่วนใหญ่ ส่วนในวัยเด็ก วัยทำงาน วัยกลางคนมักจะเจอปัญหานี้ในอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง ดังนั้น ควรป้องกันโรคนี้ตั้งแต่เด็ก โดยการรับประทานอาหารที่มีวิตามินดีสูง หรือรับประทานวิตามินดีเสริมแบบเม็ด ตามปริมาณที่เหมาะสมในแต่ละวัน

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา
  • ส่งผลกระทบต่อสุขภาพในด้านอื่น ๆ

การขาดวิตามินดี นอกจากมีผลโดยตรงต่อกระดูก และฟัน ของเราแล้ว ยังส่งผลต่อสุขภาพของเราในด้านอื่น ๆ ได้อีกด้วย เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง (Muscle Weakness) มะเร็งเต้านม (Breast Cancer) มะเร็งต่อมลูกหมาก (Prostate Cancer) ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย (Immune System) รวมถึงกลุ่มโรคที่มีการอักเสบของระบบทางเดินอาหาร (Inflammatory Bowel Disease – IBD) โรคติดเชื้อ ภาวะดื้อต่ออินซูลิน และโรคเบาหวานชนิดที่ 1 (Type 1 Diabeates) เป็นต้น

บทความที่เกี่ยวข้อง : แม่ท้องไม่กินแคลเซียมเสี่ยงกระดูกพรุน

 

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

การขาดวิตามินดี มาจากสาเหตุอะไร

1. ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ

ส่วนใหญ่แล้ว การขาดวิตามินดี เรามักจะนิยมเพิ่มวิตามินชนิดนี้ให้แก่ร่างกายโดยรับประทานเสริมแบบเม็ด เนื่องจากการรับจากอาหารโดยตรงนั้นอาจไม่เพียงพอ โดยเฉพาะคนที่รับประทานมังสวิรัติและไม่รับประทานปลา

 

2. กลัวแสงแดด

อีกทางหนึ่งที่คนเราสามารถรับวิตามินดีได้โดยตรงคือ แสงแดด แต่อย่างที่ทราบกันว่า บ้านเรามีแสงแดดที่ร้อนจัด ซึ่งการไปตากแดดนั้นจะได้รับผลเสียมากกว่าได้รับวิตามินดีที่ดี จึงนิยมใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดอย่างเข้มข้นและใส่เสื้อผ้าที่ปกป้องผิวหนังจากการถูกเผาไหม้

 

3. ระบบดูดซึมในร่างกายบกพร่อง

ภาวะเช่นนี้ขึ้นอยู่กับระบบการทำงานของร่างกาย โดยเฉพาะระบบทางเดินอาหารที่ไม่สามารถดูดซึมวิตามินดีได้ นอกจากนี้ ผู้ป่วยที่เคยผ่าตัดกระเพาะหรือลำไส้เล็กก็จะมีปัญหาเรื่องการดูดซึมวิตามินดีได้ช้าลงอีกด้วย

 

4. การรับประทานยาบางชนิด

ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคลมชัก วัณโรค โรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ยาที่รักษาอาการเหล่านี้ จะส่งผลให้การดูดซึมวิตามินดีน้อยลงหรือไม่สามารถดูดซึมได้เลย

บทความที่เกี่ยวข้อง : อาหารลดการเกิดโรคข้ออักเสบ อาหารและเครื่องดื่มที่ควรหลีกเลี่ยง 8 ชนิด

 

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

เราสามารถรับวิตามินดี ได้จากทางไหนบ้าง

โดยปกติวิตามินดีมีอยู่ 2 ประเภท คือ วิตามินดีสอง (Ergocalciferol) และวิตามินดีสาม (Cholecalciferol) หากเราได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่า ร่างกายขาดวิตามินดี หรือมีภาวะบกพร่องทางกระดูก สิ่งที่ควรกระทำเพื่อให้ได้วิตามินดีเข้าสู่ร่างกายสม่ำเสมอ ดังนี้

 

1. รับแสงแดดจากธรรมชาติ

การรับแสงแดดที่ว่านี้ ไม่ใช่การไปยืนตากแดดกลางแจ้งจนผิวหนังไหม้ แต่เป็นการทำกิจกรรมง่าย ๆ ยามเช้า เช่น ออกไปเดินหรือวิ่งตอนเช้าสัก 30 นาทีท่ามกลางแสงแดดอ่อน ๆ เวลาประมาณ 6.00-8.00 น. หรือช่วงเย็นประมาณ 16.00-18.00 น. ซึ่งร่างกายจะเปลี่ยนคอเลสเตอรอลให้เป็นวิตามินดี เสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง (ให้ยึดความแรงของแดดเป็นสำคัญ เพราะบางวัน 8 โมงเช้า แดดก็แรงจนเกินไปค่ะ)

 

2. รับประทานอาหารที่มีวิตามินดีสูง

อาหารที่มีวิตามินดีสูงสามารถหาได้ในชีวิตประจำวันเช่น ปลาไขมันดี เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาซาร์ดีน ปลาแมกเคอเรล ไข่แดง จากไข่ไก่หรือไข่เป็ด นมสด และ น้ำมันตับปลา ซีเรียล ลองดูปริมาณวิตามินดีกันแบบคร่าว ๆ ดูค่ะ

  • ปลาแซลมอน 100 กรัม ประมาณ 600-1000 IU
  • ปลาซาร์ดีน 100 กรัม ประมาณ 250 IU
  • ปลาทูน่ากระป๋อง 100 กรัม ประมาณ 150 IU
  • กุ้ง 100 กรัม มีประมาณ 150 IU
  • น้ำมันตับปลา 1 ช้อนโต๊ะ ประมาณ 400-1,360 IU
  • ตับวัว 100 กรัม มี ประมาณ 50 IU
  • โยเกิร์ต 100 กรัม ประมาณ 90 IU
  • ไข่ต้ม 1 ฟอง ประมาณ 40 IU

บทความที่เกี่ยวข้อง : วิตามินเตรียมตั้งครรภ์ : 10 ผลิตภัณฑ์เสริมสร้างร่างกายให้พร้อมมีบุตร

 

 

แม่ท้องกินวิตามินดีเสริม ได้หรือไม่?

ทุกคนทราบกันดีว่า วิตามินดีมีส่วนช่วยในการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัสในร่างกาย ทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง แต่แท้จริงแล้ววิตามินดีมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีร่างกายอีกด้วย ดังนั้น การใช้วิตามินดีในผู้ป่วยที่ขาดสารอาหาร หรือบุคคลต้องการรับประทานเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรง และภูมิคุ้มกันโรคต่าง ๆ ย่อมทำได้ ตามปริมาณที่กำหนด

ส่วนคุณแม่ตั้งครรภ์ และคุณแม่ที่กำลังให้นมบุตรนั้น ก็สามารถรับประทานวิตามินดี เสริมได้ เท่าผู้ใหญ่ปกติเช่นกัน  แต่ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์หรือให้แพทย์เป็นผู้จ่ายยา เนื่องจากต้องใช้ยาอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวอย่าง ความดันโลหิตสูง หรือมีความเสี่ยงด้านอื่น ๆ

 

อย่างไรก็ตาม การทานวิตามินทุกชนิด แร่ธาตุ สารอาหารต่าง ๆ ควรรับประทานให้เหมาะสมกับปริมาณที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน ซึ่งเราควรเข้ารับการตรวจวัดระดับวิตามินดีในเลือดก่อนทานวิตามินเสริม เพราะการได้รับวิตามินดีในปริมาณมาก เกินความต้องการอย่างต่อเนื่อง เป็นระยะเวลานาน แทนที่จะเกิดประโยชน์ ก็อาจทำให้เกิดโทษ และเป็นอันตรายต่อสุขภาพของเราได้เช่นกัน

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

วิตามินบี 5 ดีต่อครรภ์อย่างไร ใครว่าวิตามินบี 5 ไม่สำคัญกับคนท้อง

วิตามินเค ดีต่อคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์อย่างไร ? สำคัญต่อทารกอย่างไรบ้าง?

โพแทสเซียม ดีต่อคนท้องอย่างไร? โภชนาการอาหารที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรรู้

แชร์ประสบการณ์หรือเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับการขาดวิตามินดี ได้ที่นี่!

การขาดวิตามินดี ในคนท้องจะเกิดผลเสียอย่างไรบ้างคะ

ที่มา : bumrungrad.com , bangkokhospital.com ,ram-hosp.co.th

บทความโดย

Arunsri Karnmana