ทารกท้องเสีย
อาการท้องเสีย ตามความหมายขององค์การอนามัยโลกนั้น จะดูจากความถี่ของการอุจจาระ และลักษณะของอุจจาระที่เปลี่ยนแปลงไปจากปกติ เช่น อุจจาระเป็นเนื้อเหลวตั้งแต่ 3 ครั้งขึ้นไป หรือเป็นมูกเลือด 1 ครั้ง หรืออุจจาระเป็นน้ำปริมาณมาก 1 ครั้งขึ้นไป ภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมง เป็นต้น แต่อาการท้องเสีย ตามคำจำกัดความดังที่กล่าวมาข้างต้นนั้น ไม่รวมถึงทารกที่กินนมแม่นะครับ เพราะทารกที่กินนมแม่นั้น มักจะถ่ายบ่อย ถ่ายเหลว แต่อุจจาระเป็นเนื้อดี แบบนี้ไม่อันตราย และไม่ได้เรียกว่า ทารกท้องเสีย นะครับ
ท้องเสียในเด็ก เกิดจากสาเหตุใด
ด้วยความที่เด็กในวัยนี้ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และไม่รู้จักวิธีป้องกันตัวเอง อีกทั้งยังมีภูมิต้านทานโรคต่ำ จึงทำให้เด็กมีอาการท้องเสียได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ ทารกท้องเสีย กว่า 70% เกิดจากการที่เด็กได้รับเชื้อโรคเข้าไปในร่างกายผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น
- ได้รับเชื้อโรคเข้าไปทางปาก โดยการกินอาหารหรือดื่มนมผสมที่ปนเปื้อนเชื้อโรค
- อมของเล่นที่มีเชื้อโรค หรือหยิบจับเอาของเล่นเข้าปาก
- มาจากมือของเด็กที่หยิบจับสิ่งของต่าง ๆ หรือเปื้อนเชื้อโรคตอนที่คลานเล่น
นอกจากนี้อาการท้องเสียของเด็กอาจมาจากโรคที่ไม่ติดเชื้อ เช่น
- การแพ้นมวัว
- ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานมากผิดปกติ
- ผลจากเนื้องอกบางชนิด
- ผลจากยาปฏิชีวนะบางตัว

สำหรับแม่มือใหม่ที่อาจไม่แน่ใจว่า การขับถ่ายของลูกในทุก ๆ วัน ปกติหรือไม่ สามารถใช้ตัวช่วยในการ ตรวจเช็คอุจจาระลูกน้อย ผ่านแพลตฟอร์ม EzyScan ที่สามารถประมวลผลสุขภาพเบื้องต้น จากการขับถ่ายของลูกน้อย ใช้งานง่ายดาย และทราบผลรวดเร็ว เพียงคุณแม่อัปโหลดภาพถ่ายอุจจาระของเจ้าตัวเล็ก เพื่อให้ระบบ AI ประมวลผลร่วมกับลักษณะการขับถ่ายของน้อง ก็ทราบเบื้องต้น ได้ทันทีว่าลูกรักมีอาการท้องเสียหรือท้องผูก พร้อมให้คำแนะนำเพื่อนำมาปรับใช้ได้อย่างเหมาะสม ช่วยให้ลูกน้อยมีสุขภาพการขับถ่ายที่ดียิ่งขึ้น
ลูกท้องเสีย ถ่ายบ่อย ถ่ายเหลว
ลูกท้องเสีย ทำอย่างไรดี
สำหรับทารกที่กินนมแม่ หากถ่ายบ่อย ถ่ายเหลว ก็ควรให้กินนมแม่ต่อไปเหมือนเดิม และควรให้ลูกดูดนมบ่อยขึ้นกว่าปกติ ส่วนเด็กที่กินนมผสมก็ยังสามารถให้กินนมผสมได้ตามปกติ ส่วนเด็กโตที่มีอาการท้องเสีย ควรให้กินอาหารอ่อนที่ย่อยง่าย อย่างเช่น ข้าวต้ม หรือโจ๊ก โดยอาจจะต้องให้ลูกกินบ่อยกว่าปกติ
ที่สำคัญคือไม่ควรให้เด็กกินยาหยุดถ่าย เพราะอาจจะทำให้เกิดการสะสมของเชื้อโรค รวมถึงยังอาจทำให้เกิดปัญหาลำไส้ไม่ทำงาน ทำให้ท้องอืด อาเจียน และกินอาหารไม่ได้ และในกรณีของเด็กโต คุณพ่อคุณแม่สามารถเริ่มต้นทดแทนการสูญเสียน้ำและเกลือแร่จากร่างกาย ด้วยการให้ลูกกินสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ในปริมาณที่เหมาะสมร่วมกับให้กินอาหารที่มีคุณค่าทาง โภชนาการ แต่ถ้าอาการไม่ดีขึ้นใน 2 – 3 วัน หรือมีข้อบ่งชี้อื่นๆ ควรรีบพาลูกไปพบคุณหมอเพื่อทำการตรวจรักษาต่อไป
ท้องเสียในเด็ก แบบไหนควรไปพบแพทย์
หากลูกน้อยมีอาการดังต่อไปนี้ คุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกน้อยไปพบแพทย์ทันที
- อุจจาระเป็นมูก หรือมูกเลือด
- อาเจียนบ่อย
- มีไข้สูง หรือมีอาการชัก
- หายใจหอบลึก
- ไม่ยอมกินนมหรือกินอาหาร
- ถ่ายอุจจาระเป็นน้ำบ่อย หรือมากกว่า 10 ครั้งต่อวัน
- ในเด็กโตที่ดื่มสารละลายเกลือแร่แล้ว แต่ยังซึมหรืออ่อนเพลีย
วิธีการที่จะป้องกันโรคท้องเสียที่ดีที่สุดก็คือการให้เด็กกินนมแม่เพียงอย่างเดียวในช่วง 6 เดือนแรก นอกจากนี้ยังต้องใส่ใจเรื่องการรักษาความสะอาด ไม่เพียงแต่ความสะอาดของเด็กนะครับ แต่ยังรวมไปถึงพ่อแม่ และผู้เลี้ยงดูที่ต้องหมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ รวมไปถึงการทำความสะอาดขวดนม และจุกนม ส่วนในเด็กโตที่กินอาหารแข็งได้แล้ว ต้องเป็นอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ๆ มีภาชนะปิด และควรทำความสะอาดภาชนะที่ใส่อาหารให้สะอาดอยู่เสมอ และอย่าลืมล้างมือให้ลูกอยู่เสมอนะครับ
ที่มา thaipediatrics.org
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ลูกเหงื่อออกตอนนอน สัญญาณโรคร้ายที่พ่อแม่ต้องระวัง
ถุงเท้าทารก รองเท้าเด็กอ่อน ยังเดินไม่ได้ จะให้ใส่ทำไม?
11 เคล็ดลับเพิ่มน้ำนม ให้มีน้ำนมแม่เพียงพอและต่อเนื่องในช่วง 6 เดือนแรก
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!