X
TAP top app download banner
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
คู่มือสินค้า
เข้าสู่ระบบ
  • อยากท้อง
  • ระยะการตั้งครรภ์
    • โภชนาการ เเม่ท้อง เเม่ให้นม
    • ไตรมาส 1
    • ไตรมาส 2
    • ไตรมาส 3
    • ตั้งชื่อลูก
  • แม่ผ่าคลอด
    • พัฒนาการเด็กผ่าคลอด
    • เตรียมตัวผ่าคลอด
    • สุขภาพเด็กผ่าคลอด
    • คู่มือคุณแม่ผ่าคลอด
    • การดูแลหลังผ่าคลอด
    • โภชนาการเด็กผ่าคลอด
  • หลังคลอด
    • คลอดธรรมชาติ
    • ผ่าคลอด
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • ลูก
    • ทารกแรกเกิด
    • ทารก
    • เด็กวัยหัดเดิน
    • เด็กก่อนวัยเรียน
    • เด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น และวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • ที่เที่ยว
    • เที่ยวไทย
    • เที่ยวต่างประเทศ
    • ที่พัก และ โรงแรม
  • ที่กิน
    • ร้านอร่อย
    • ร้านอร่อยสำหรับเด็ก
    • คาเฟ่
    • เมนูอาหาร
  • ไลฟ์สไตล์
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • TAPpedia
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
  • VIP

ลูกท้องเสียกินอะไรได้บ้าง อาหาร 6 อย่าง บรรเทาอาการทารกท้องเสีย

บทความ 8 นาที
ลูกท้องเสียกินอะไรได้บ้าง อาหาร 6 อย่าง บรรเทาอาการทารกท้องเสีย

ทารกมักท้องเสียง่ายเป็นเรื่องปกติ แต่อาการท้องเสียอาจเป็นเรื่องใหญ่ได้ถ้าร่างกายขาดน้ำก็อาจเป็นอันตรายได้ คุณแม่หลายคนมักแยกอาการท้องเสียกับอุจจาระนิ่มจากการกินนมแม่ไม่ออก ดังนั้น จึงต้องอาศัยการสังเกตและจดจำลักษณะของอุจจาระลูกน้อย วันนี้ theAsianparent จะพาคุณแม่มาดูกันว่า ภาวะท้องเสียในทารกเกิดจากอะไร และหาก ลูกท้องเสียกินอะไรได้บ้าง ไปติดตามกันค่ะ

 

โรคท้องเสียในทารก คืออะไร

โรคท้องเสียในทารก คือ ภาวะที่ลูกถ่ายอุจจาระเหลวมากกว่า 3 ครั้งต่อวัน หรือถ่ายมีมูกเลือดอย่างน้อย 1 ครั้งต่อวัน โดยอาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย พยาธิ และไวรัส จากการรับประทานอาหารต่าง ๆ ที่มีเชื้อโรคปะปนอยู่ด้วย หากลูกถ่ายอุจจาระติดต่อกันหลายครั้ง ก็อาจทำให้เกิดภาวะขาดน้ำและเกลือแร่ และภาวะขาดสารอาหารตามมา ซึ่งเด็กที่มีภาวะขาดน้ำจะมีอาการงอแง กระหายน้ำ เซื่องซึม ร้องไห้ไม่มีน้ำตา กระหม่อมบุ๋ม ผิวแห้ง และมีปัสสาวะน้อยลง

 

จะรู้ได้อย่างไรว่าลูกท้องเสีย

คุณแม่ควรหมั่นสังเกตว่าในช่วงเวลาปกตินั้น อุจจาระของเจ้าตัวน้อยมีสี กลิ่น และมีลักษณะอย่างไร ซึ่งโดยปกติแล้วทารกแรกเกิดมักขับถ่ายหลังดื่มนมแม่และอุจจาระจะมีลักษณะค่อนข้างนิ่ม หากทารกสามารถรับประทานอาหารอื่น ๆ นอกจากนมแม่ได้แล้ว ส่วนบนของอุจจาระอาจมีลักษณะต่างกันไปตามอาหารที่รับประทาน และอุจจาระมักมีลักษณะเป็นก้อนมากขึ้น ซึ่งสัญญาณท้องเสียของทารกลูกอาจมีอาการปวดท้อง มีแก๊สในท้อง หรือมีอาการท้องอืดก่อน

ส่วนอาการท้องเสียของทารกอาจสังเกตได้ยาก แต่หากพบว่าลูกน้อยขับถ่ายมากกว่าปกติและอุจจาระมีลักษณะเหลวผิดปกติ นั่นอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าทารกมีอาการท้องเสียนอกจากนั้น อาจพบว่าอุจจาระมีมูกหรือเลือดปนออกมา หรือมีกลิ่นเหม็นผิดปกติด้วย ซึ่งแม้อาการท้องเสียในทารกจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้และไม่น่ากังวลเท่าใดนัก แต่หากทารกท้องเสียต่อเนื่องเป็นเวลา 1-2 วัน ก็อาจทำให้ร่างกายเด็กสูญเสียของเหลวและเกลือแร่จำนวนมากจนอาจเกิดภาวะขาดน้ำตามมาได้ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของทารก

 

ลูกท้องเสียกินอะไรได้บ้าง

Advertisement

 

สาเหตุที่ทำให้ทารกท้องเสีย

อาการท้องเสียของทารกอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้

  • การติดเชื้อไวรัส เช่น ไวรัสโรตา ไวรัสอะดิโน ไวรัสโนโร ไวรัสไข้หวัดใหญ่ เป็นต้น ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง มีไข้ หนาวสั่น และปวดเมื่อยตามร่างกายได้
  • การติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น ซาลโมเนลลา ชิเกลลา สแตฟิโลค็อกคัส แคมปีโลแบคเตอร์ อีโคไล เป็นต้น ซึ่งเชื้อแบคทีเรียเหล่านี้อาจเป็นเหตุให้ทารกท้องเสียอย่างรุนแรง และอาจทำให้มีอาการปวดท้อง ถ่ายเป็นเลือด อาเจียน และมีไข้ร่วมด้วย
  • การติดเชื้อที่หู อาจเกิดขึ้นได้จากทั้งเชื้อไวรัสหรือเชื้อแบคทีเรีย ส่งผลให้ทารกมีอาการท้องเสียร่วมกับคลื่นไส้ เบื่ออาหาร เป็นหวัด และอาจสังเกตเห็นว่าทารกจับหรือดึงหูของตนเองบ่อยครั้ง
  • การติดเชื้อปรสิต เชื้อไกอาเดียที่อาศัยอยู่ในลำไส้อาจทำให้ทารกท้องเสีย อุจจาระเป็นไข ท้องอืด หรือมีแก๊สในกระเพาะอาหาร
  • การใช้ยาปฏิชีวนะ เกิดขึ้นได้ทั้งในกรณีที่ทารกต้องรับประทานยาเองหรือคุณแม่ต้องรับประทานยาปฏิชีวนะในช่วงให้นมบุตร ซึ่งอาจส่งผลให้ทารกมีอาการท้องเสียในช่วงระหว่างที่รับประทานยาหรือหลังจากใช้ยาจนครบตามที่แพทย์กำหนดแล้ว โดยอาจเป็นผลมาจากการใช้ยาปฏิชีวนะโดยตรง หรือเกิดจากฤทธิ์ของยาที่ส่งผลให้เชื้อแบคทีเรียที่เป็นมิตรต่อลำไส้ถูกกำจัดออกไปด้วย หากคาดว่าทารกท้องเสียเนื่องจากสาเหตุนี้ คุณแม่หรือทารกไม่ควรหยุดใช้ยาเอง แต่ควรไปปรึกษาแพทย์ เพราะอาจทำให้เกิดเชื้อดื้อยาได้
  • การดื่มน้ำผลไม้ปริมาณมาก โดยเฉพาะน้ำผลไม้ที่มีน้ำตาลฟรักโทสสูงหรือประกอบด้วยน้ำตาลซอร์บิทอล รวมทั้งเครื่องดื่มที่มีรสหวานมากเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อกระเพาะอาหารและอาจมีอาการท้องเสียตามมาได้
  • การแพ้โปรตีนจากนมวัว ทารกที่มีอายุไม่ถึง 1 ปี ไม่ควรดื่มนมวัว นมผง หรืออาหารเด็กที่ทำจากนมวัว นอกจากนี้ ในบางครั้งหากคุณแม่ดื่มนมวัวหรือรับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบของนมวัวก็อาจทำให้ทารกที่ดื่มนมแม่เกิดอาการแพ้โปรตีนจากนมวัวได้เช่นกัน โดยอาจส่งผลให้ทารกท้องเสีย ถ่ายเป็นมูกเลือด อาเจียน หรือมีผื่นขึ้นตามร่างกาย
  • การแพ้อาหาร เช่น ไข่ ถั่ว ถั่วเหลือง ธัญพืช ปลา หอย อาหารทะเล เป็นต้น โดยอาจมีอาการแพ้เกิดขึ้นในทันทีหรือหลังจากรับประทานอาหารที่แพ้เข้าไปสักพักแล้ว เป็นเหตุให้มีอาการท้องเสีย อุจจาระเป็นเลือด ปวดท้อง และมีแก๊สในกระเพาะอาหาร ในรายที่มีอาการรุนแรงก็อาจมีผื่นคันขึ้นตามร่างกายหรือหายใจลำบาก นอกจากนี้ ทารกบางรายอาจมีอาการแพ้อาหารแฝง (Food Intolerance) อย่างการแพ้น้ำตาลแล็กโทส ซึ่งพบได้ไม่บ่อยในทารก และมักมีอาการบ่งชี้ เช่น ท้องเสีย ปวดท้อง ท้องอืด หรือมีแก๊สในกระเพาะอาหาร เป็นต้น
  • การได้รับสารพิษ รวมถึงสารเคมี สารจากพืช ยา หรือของเล่นต่าง ๆ ที่ไม่ควรนำเข้าปาก ซึ่งอาจทำให้ทารกท้องเสีย คลื่นไส้ หายใจไม่ออก ชัก หรือหมดสติได้
  • ระบบย่อยอาหารของลูกยังทำงานได้ไม่เต็มที่ จึงไม่สามารถย่อยโปรตีนบางชนิดได้ ส่งผลให้ลูกเกิดอาการไม่สบายท้อง ท้องอืด หรือท้องเสียตามมา

 

ลูกท้องเสียกินอะไรได้บ้าง

 

ลูกท้องเสียรับมืออย่างไร

โดยปกติแล้ว อาการท้องเสียในทารกคุณแม่สามารถรับมือได้ง่าย ๆ ด้วยวิธีการดูแลเบื้องต้น สิ่งสำคัญคือการให้ลูกดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อทดแทนการสูญเสียน้ำจากการขับถ่ายและป้องกันภาวะขาดน้ำ ซึ่งวิธีการดูแลเมื่อลูกท้องเสีย มีดังนี้

  • หมั่นให้ลูกจิบน้ำเกลือแร่บ่อย ๆ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
  • หลีกเลี่ยงการใช้ยาหยุดถ่าย เพราะอาจทำให้เชื้อโรคที่อยู่ในลำไส้กระจายเข้าสู่กระแสเลือดได้
  • สำหรับเด็กที่กินนมแม่ สามารถดื่มได้ตามปกติ เพราะนมแม่สามารถเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ลูกได้
  • สำหรับเด็กที่เริ่มรับประทานอาหารแล้ว ควรให้ลูกกินอาหารอ่อน ๆ และป้อนทีละน้อย เพื่อให้ลำไส้ลูกสามารถย่อยอาหารง่ายขึ้น
  • หากดื่มนมผสมควรชงนมสัดส่วนเท่าเดิม และเพิ่มจำนวนมื้อให้นมมากขึ้น แต่ควรลดปริมาณดื่มแต่ละมื้อให้น้อยลงเพื่อให้ลูกได้รับสารอาหารครบถ้วน
  • เลือกสารอาหารที่ย่อยง่าย ช่วยในการย่อยอาหารและดูดซึมสารอาหาร เช่น ข้าวบด หรือเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน และควรหลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีใยอาหารสูง
  • หากลูกอาการไม่ดีขึ้นหลัง 3 วัน ควรเปลี่ยนเป็นนมที่ไม่มีน้ำตาลแล็กโทส ดื่มต่อเนื่องกันประมาณ 1 สัปดาห์ หลังจากร่างกายดีขึ้นแล้วค่อยกลับมาดื่มนมแบบปกติ

 

ลูกท้องเสียกินอะไรได้บ้าง

ทารกมักท้องเสียง่ายเป็นเรื่องปกติ แต่อาการท้องเสียอาจเป็นเรื่องใหญ่ได้ถ้าร่างกายขาดน้ำ ลองมาดูอาหาร 5 อย่าง ที่ช่วยบรรเทาอาการทารกท้องเสียในทารกกันค่ะ

 

1. น้ำ

หมั่นให้ลูกดื่มน้ำบ่อย ๆ อย่าปล่อยให้ขาดน้ำเด็ดขาด ให้ลูกจิบน้ำเกลือแร่โออาร์เอสบ่อย ๆ เพื่อทดแทนน้ำที่ร่างกายเสียไปค่ะ ไม่ควรให้ลูกกินยาหยุดถ่าย เพราะจะทำให้เชื้อโรคที่อยู่ในลำไส้ไม่ถูกขับออกมา และอาจทำให้เชื้อกระจายเข้าสู่กระแสเลือดได้ค่ะ

  • นมแม่ ให้ลูกดื่มนมแม่ดีที่สุด เพราะไม่เพียงเติมน้ำให้ร่างกาย ยังเติมสารอาหารให้ลูกอีกด้วย
  • น้ำเปล่า อย่าลืมจิบน้ำบ่อย ๆ ตลอดเวลา
  • น้ำเกลือแร่ ORS จะซื้อผงเกลือแร่แบบสำเร็จรูป หรือทำเองที่บ้านก็ได้ตามสูตรนี้ ใส่น้ำตาล 8 ช้อนชา เกลือ 1 ช้อนชา ในน้ำ 1 ลิตร
  • น้ำผลไม้ เช่น น้ำมะพร้าว น้ำมะนาว เพื่อคืนความสดชื่นหลังสูญเสียสารอาหารไป

 

ลูกท้องเสียกินอะไรได้บ้าง

 

2. ข้าว

ข้าวอุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรต จึงช่วยเพิ่มพลังงานให้ลูกน้อยได้ นอกจากนี้ ข้าวยังช่วยดูดซึมน้ำได้ดี ทำให้อึจับตัวเป็นก้อน

 

3. กล้วย

ลูกที่เริ่มกินอาหารเสริมในบางมื้อแล้ว ควรให้กินอาหารอ่อน ๆ ย่อยง่าย โดยแต่ละมื้อควรป้อนทีละน้อย เพื่อให้ลำไส้ลูกค่อย ๆ ย่อยและดูดซึมสารอาหาร นอกจากนี้ควรงดน้ำผลไม้และเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลมากไปก่อนนะคะ กล้วยมีโพแทสเซียม แร่ธาตุสำคัญที่สูญเสียไปขณะท้องเสีย

 

4. ทับทิม

ทับทิมมีสารช่วยบรรเทาอาการอักเสบ จึงช่วยแก้ท้องเสียได้ดี ลองคั้นน้ำทับทิมสดให้ลูกจิบเรื่อย ๆ ระหว่างวันดูนะคะ

 

บทความจากพันธมิตร
อาหารมื้อแรก สำหรับลูกรัก กินอะไรดี? เพื่อสารอาหารที่ครบถ้วน
อาหารมื้อแรก สำหรับลูกรัก กินอะไรดี? เพื่อสารอาหารที่ครบถ้วน
Dadi International Kindergarten เรียนรู้สนุก เล่นอย่างสร้างสรรค์ ด้วย 3 ภาษา พร้อมเสริมสร้างทักษะ EF
Dadi International Kindergarten เรียนรู้สนุก เล่นอย่างสร้างสรรค์ ด้วย 3 ภาษา พร้อมเสริมสร้างทักษะ EF
ดูแลทารกแรกเกิดวิกฤติน้ำหนักเพียง 500 กรัมสำเร็จ ด้วยความเชี่ยวชาญระดับสากล ที่ โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล
ดูแลทารกแรกเกิดวิกฤติน้ำหนักเพียง 500 กรัมสำเร็จ ด้วยความเชี่ยวชาญระดับสากล ที่ โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล
Easy Life III เครื่องปั๊มนม Hands-Free จากแบรนด์ไทยอย่าง Attitude Mom ออกแบบเพื่อชีวิตการปั๊มนมของคุณแม่ที่ง่ายขึ้นกว่าเดิมพร้อมการควบคุมการทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ
Easy Life III เครื่องปั๊มนม Hands-Free จากแบรนด์ไทยอย่าง Attitude Mom ออกแบบเพื่อชีวิตการปั๊มนมของคุณแม่ที่ง่ายขึ้นกว่าเดิมพร้อมการควบคุมการทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ

5. ขนมปัง

เด็ก ๆ ส่วนใหญ่ชอบกินขนมปังและของกรุบกรอบอยู่แล้ว เพราะเคี้ยวมัน แถมแก้อาการมันเขี้ยวได้ดี แน่นอนว่าขนมปังก็มีคาร์โบไฮเดรต ซึ่งช่วยเติมพลังงานให้ร่างกายได้

 

ทั้งนี้ คุณแม่ควรปรึกษาคุณหมอก่อนว่าสามารถป้อนอาหารเหล่านี้ให้ลูกน้อยได้หรือไม่ โดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่า 1 ขวบ ถ้าลูกเกิดท้องเสียรุนแรงและเริ่มแสดงอาการขาดน้ำ คุณแม่ต้องรีบพาไปหาคุณหมอทันที 

 

6. โภชนาการย่อยง่าย

นมแม่คืออาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก มีสารอาหารกว่า 200 ชนิด อีกทั้งยังมีสารอาหารสำคัญอย่าง MFGM และ DHA ซึ่งช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทางสมองของลูกน้อย กรณีที่คุณแม่ไม่สามารถให้นมแม่ได้และมีความจำเป็นต้องให้นมผง คุณแม่ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำในการเลือกโภชนาการที่ย่อยง่ายให้กับลูกน้อย โดยแพทย์อาจจะแนะนำโปรตีนที่ผ่านการย่อยบางส่วนหรือ PHP (Partially Hydrolyzed Protein) ซึ่งเป็นโปรตีนที่มีขนาดโมเลกุลเล็กที่ย่อยง่าย สามารถดูดซึมได้ดี เหมาะสมกับระบบย่อยอาหารของลูกน้อย

 

ลูกท้องเสียกินอะไรได้บ้าง

 

ทั้งนี้ หากอาการท้องเสียของทารกเกิดจากการแพ้นมวัว ซึ่งในกรณีนี้ คุณแม่มักจะพบอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น มีผื่นขึ้น ถ่ายเป็นมูกเลือด มีอาการหอบ เป็นต้น คุณแม่ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง กรณีที่คุณแม่ไม่สามารถให้นมแม่ได้ แพทย์อาจจะแนะนำโปรตีนที่ผ่านการย่อยอย่างละเอียดที่มีคุณสมบัติ Hypoallergenic และเสริมด้วยโพรไบโอติกส์ อย่างเช่น แลคโตบาซิลัส รามโนซัส จีจี (LGG)

 

เมื่อไหร่ที่ควรพาลูกไปพบแพทย์

นอกจากอาหารท้องเสียรุนแรงและอาหารขาดน้ำแล้ว หากลูกมีอาการท้องเสียหลายวัน หรือเริ่มมีอาการต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ ควรรีบพาลูกไปพบแพทย์ทันที

  • อ่อนเพลีย เซื่องซึม
  • เบื่ออาหาร กินข้าวน้อยลง
  • ท้องเสียตั้งแต่ 1 วันขึ้นไป
  • มีมูกเลือดปนออกมากับอุจจาระ
  • มีอาการท้องเสียและมีไข้ร่วมด้วย
  • ทารกที่อายุน้อยกว่า 3 เดือนและมีอาการท้องเสีย
  • มีภาวะขาดน้ำ เช่น ปากแห้ง ผิวแห้ง ร้องไห้ไม่มีน้ำตา กินนมน้อยลง กระหม่อมบุ๋ม หรือปัสสาวะน้อยลง เป็นต้น

 

คราวนี้คุณแม่ก็รู้กันแล้วใช่ไหมคะว่า ลูกท้องเสียกินอะไรได้บ้าง เพราะโรคท้องเสียในทารกนั้น เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัสที่อยู่รอบ ๆ ตัวเรา คุณแม่จึงต้องใส่ใจเรื่องความสะอาดและสุขอนามัยของลูกเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน หากคุณแม่มีข้อสงสัยและต้องการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาวะท้องเสียในทารก สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ ที่นี่

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

7 ประโยชน์ที่ยกให้ “นมแม่” ชนะเลิศ

4 วิตามินพื้นฐานที่สำคัญต่อลูกน้อย เสริมอย่างไรไม่ให้ลูกป่วยบ่อย

10 อาหารบำรุงสมองใน 1,000 วันแรก ให้ลูกกินอะไร แล้วลูกฉลาด พัฒนาการสมองไว

ที่มา :nestle ,nakornthon , bpksamutprakan

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

Follow us on:
facebook-logo instagram-logo tiktok-logo
img
บทความโดย

ขวัญชนก ธนาภิกรกุล

  • หน้าแรก
  • /
  • ทารก
  • /
  • ลูกท้องเสียกินอะไรได้บ้าง อาหาร 6 อย่าง บรรเทาอาการทารกท้องเสีย
แชร์ :
  • ยาเสียสาว ภัยร้ายใกล้ตัว! วิธีสอนลูกสาว ให้ปลอดภัย ไม่ตกเป็นเหยื่อ!

    ยาเสียสาว ภัยร้ายใกล้ตัว! วิธีสอนลูกสาว ให้ปลอดภัย ไม่ตกเป็นเหยื่อ!

  • คำถามทดสอบ EQ ลูกน้อยวัย 3-6 ขวบง่ายๆ ให้รู้จุดแข็ง-จุดพัฒนา

    คำถามทดสอบ EQ ลูกน้อยวัย 3-6 ขวบง่ายๆ ให้รู้จุดแข็ง-จุดพัฒนา

  • แฟลชการ์ด ดาวน์โหลดฟรี! เสริมคลังคำศัพท์ พัฒนาความจำ ให้ลูกน้อยเรียนรู้ได้ไวกว่าเดิม

    แฟลชการ์ด ดาวน์โหลดฟรี! เสริมคลังคำศัพท์ พัฒนาความจำ ให้ลูกน้อยเรียนรู้ได้ไวกว่าเดิม

  • ยาเสียสาว ภัยร้ายใกล้ตัว! วิธีสอนลูกสาว ให้ปลอดภัย ไม่ตกเป็นเหยื่อ!

    ยาเสียสาว ภัยร้ายใกล้ตัว! วิธีสอนลูกสาว ให้ปลอดภัย ไม่ตกเป็นเหยื่อ!

  • คำถามทดสอบ EQ ลูกน้อยวัย 3-6 ขวบง่ายๆ ให้รู้จุดแข็ง-จุดพัฒนา

    คำถามทดสอบ EQ ลูกน้อยวัย 3-6 ขวบง่ายๆ ให้รู้จุดแข็ง-จุดพัฒนา

  • แฟลชการ์ด ดาวน์โหลดฟรี! เสริมคลังคำศัพท์ พัฒนาความจำ ให้ลูกน้อยเรียนรู้ได้ไวกว่าเดิม

    แฟลชการ์ด ดาวน์โหลดฟรี! เสริมคลังคำศัพท์ พัฒนาความจำ ให้ลูกน้อยเรียนรู้ได้ไวกว่าเดิม

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
  • พัฒนาการลูก
  • ชีวิตครอบครัว
  • ระยะการตั้งครรภ์
  • โภชนาการ
  • ไลฟ์สไตล์
  • TAP สังคมออนไลน์
  • ติดต่อโฆษณา
  • ติดต่อเรา
  • Influencer Marketing (KOL)
  • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Vietnam flag Vietnam
© Copyright theAsianparent 2025. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว