สวัสดีค่ะ วันนี้เราขอพาทุกคนทำความรู้จัก “โรคร่าเริง” (Lychnobite) โรคชื่อแปลก ฟังแล้วน่ารัก ความหมายแลดูเป็นเชิงบวกใช่ไหมคะ แต่แท้จริงแล้วเป็นภัยร้ายต่อสุขภาพ ที่คนรุ่นใหม่วัยเรียน วัยทำงานจำนวนมากกำลังเผชิญอยู่โดยที่ตัวเองไม่รู้ตัว !! ถ้าพร้อมแล้ว เรามาเช็คอาการของโรคร่าเริงกันดีกว่าว่าจะเป็นอย่างไรค่ะ
โรคร่าเริง คืออะไร ?
โรคร่าเริง (Lychnobite) คือโรคที่เกิดจากการใช้ชีวิตแบบขาดบาลานซ์ ส่งผลให้นาฬิกาชีวิตผิดเพี้ยน มักพบบ่อยในวัยนักศึกษาไปจนถึงวัยทำงาน กลางวันไม่ตื่น กลางคืนไม่หลับ โดยสมองมักจะแล่นได้ดีกว่าในเวลากลางคืน ชอบทำงานช่วงกลาวคืน หรือก่อนนอนเป็นประจำจนกลายเป็นนิสัย มักพบในกลุ่มคนที่ทำอาชีพสายครีเอทีฟ โปรแกรมเมอร์ กราฟิกดีไซน์ ตัดต่ออวิดีโอ มนุษย์ฟรีแลนซ์ รวมถึงวัยรุ่นที่เป็นนักเรียนนักศึกษา จะรู้สึกกระปรี้กระเปร่า มีสมาธิดีกว่าปกติ สมองแล่น ปิ๊งไอเดียดี ๆ ได้ช่วงตอนกลาง และรู้สึกทำงานสนุกในช่วงกลางคืน ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นกว่าช่วงกลางวัน มีแนวโน้มของคนรุ่นใหม่ทำงานตอนกลางคือเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่ช่วง Work From Home และเนื่องจากการทำงานในยุคปัจจุบันเป็นรูปแบบงานออนไลน์ ซึ่งไม่มีวันหยุดตลอด 24 ชั่วโมง ต้องมีการอัปเดตข่าวสาร เทรนด์กระแสอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้เสพติดการทำงานตอนกลางคืนแบบไม่รู้ตัว
บทความที่น่าสนใจ : โรคนอนไม่หลับ คืออะไร? ทุกสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับโรคนอนไม่หลับ พร้อมวิธีรักษา
อาการของโรคร่าเริง เป็นอย่างไร ?
|
กลางวัน |
กลางคืน |
หัวตื้อ มึน ไม่สดชื่น ไม่มีสมาธิทำงาน |
หัวแล่น ปิ๊งไอเดีย คิดงานคล่อง
|
ติดกาแฟ คาเฟอีน เครื่องดื่มยาชูกำลัง |
|
ตื่นสาย ง่วงนอนตอนกลางวัน |
นอนดึก นอนเช้า อดนอนตอนกลางคืนได้
|
อ่อนเพลีย หงุดหงิดง่าย |
|
ส่งผลเสียอย่างไรบ้าง ?
- มีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน ไบโพลาร์ ออทิซึม และโรคจิตเภทอื่น ๆ
- ทำให้เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า รวมไปถึงผมหงอกก่อนวัยอันควร เพราะ Growth Hormones เป็นฮอร์โมนแห่งการชะลอวัย ที่จะหลั่งเฉพาะเวลากลางคืนเท่านั้น ช่วงเวลาที่จะหลั่งฮอร์โมนเป็นช่วง 22.00 น.- 02.00 น. และจะทำงานได้มีประสิทธิภาพในช่วงเวลาที่เราหลับลึก ซึ่งต่อให้เราเสียเงินซื้อสกินแคร์ราคาหลายหมื่น ก็อาจช่วยได้เพียงเพียงพอ
- มีอารมณ์หงุดหงิด ฉุนเฉียวง่าย และอาจมีความผิดปกติทางอารมณ์สะสมจนกลายเป็นโรคซึมเศร้าได้อีกด้วย
- สำหรับสาว ๆ อาจมีประจำเดือนมาไม่ปกติ เพราะความสมดุลฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงไป
- มีโอกาสเสียชีวิตมากกว่าผู้คนปกติที่ใช้ชีวิตตอนกลางวัน นอนหลับตอนกลางคืนมากถึง 10%
- สภาพผิวเสียสมดุล เพราะการนอนดึกทำให้หน้าโทรม หน้าเป็นสิวเพิ่มขึ้น หรือหน้าแห้ง
- ระบบภูมิคุ้มกันต่ำลง เป็นสาเหตุเจ็บป่วยง่ายขึ้น และอาจมีอาการ โรคภูมิแพ้ กำเริบได้
- รบกวนระบบการเผาผลาญ ระบบย่อย เสียสมดุลจนทำให้ร่างกายสะสมไขมันเพิ่มขึ้น เป็นเหตุผลทำให้น้ำหนักตัวขึ้นง่าย อ้วนง่ายขึ้น
- ทำให้สมาธิสั้น เพราะสมองได้รับการพักผ่อนไม่เพียงพอ ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน สามารถความเครียดและแรงกดดันได้น้อยลง
บทความที่น่าสนใจ : วิธีการงีบหลับที่ดีที่สุด ในตอนกลางวันและไม่กระทบปัญหานอนไม่หลับช่วงกลางคืน
วิธีการปรับพฤติกรรม เลี่ยงโรคร่าเริง
- ปรับเวลานอน ควรนอนให้เร็วขึ้น หรือควรนอนไม่เกิน 4 ทุ่ม เมื่อได้เข้านอนและตื่นนอนเวลาเดิม ๆ ไปสักพัก ร่างกายจะสามารถปรับตัว ตื่นเองได้ และง่วงนอนเมื่อถึงเวลานอน ซึ่งดีต่อสุขภาพมากกว่า
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 30 นาที โดยแนะนำให้ออกกำลังกายในช่วงเช้า จะช่วยให้นอนหลับสบายในตอนกลางคืน
- ปรับพฤติกรรมการบริโภคอาหาร โดยควบคุมพฤติกรรมการกินอาหาร เน้นบริโภคโปรตีนให้มากขึ้น จะช่วยให้ร่างกายมีแรง และตื่นตัวได้มากกว่า และลดอาหารจำพวกแป้ง คาร์โบไฮเดรต
- ดื่มน้ำเปล่าช่วยให้ร่างกายสดชื่นและกระปรี้กระเปร่า เพราะการดื่มน้ำเปล่าจะช่วยลดความหนืดในเลือด ให้สูบฉีดเลือดได้ดี โดยหากใครรู้สึกง่วงช่วงกลางวันแนะนำให้ดื่มน้ำเปล่า ดีกว่าการดื่มน้ำหวานค่อ
- ตั้งนาฬึกาปลุกเวลาเดิมทุกวัน
- หลีกเลี่ยงการจ้องหน้าจอโทรศัพท์ ดูโทรทัศน์ หรือทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลา 2 ชั่วโมงก่อนเข้านอน จะช่วยให้นอนหลับได้ง่ายขึ้น
- ปิดการแจ้งเตือนในโทรศัพท์ หรือปิดเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดเวลานอน เพื่อการนอนจะได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และหากต้องการตั้งนาฬิกาปลุกแนะนำให้ใช้ที่เป็นนาฬิกาปลุกจริง ๆ ไม่ใช่ตั้งในโทรศัพท์ค่ะ
- นั่งสมาธิก่อนเข้านอน ช่วยให้จิตใจและร่างกายสงบ การปล่อยวางความเครียดที่มีตลอดทั้งวันจะช่วยให้นอนหลับได้ง่ายขึ้น
บทความที่น่าสนใจ :
ร้องไห้ง่าย เป็นโรคอะไร สาเหตุต้นตอของน้ำตาที่ไม่ควรมองข้าม
ใครนอนไม่หลับ ขอยืมเสื้อแฟนด่วน งานวิจัยเผย นอนดมเสื้อแฟน หลับสนิทขึ้น
7วิธีแก้ นอนไม่พอ นอนไม่หลับ ไม่ต้องนับแกะอีกต่อไปให้เช้าวันใหม่สดใสกว่าเดิม
ที่มา : muangthai , huffpost
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!