TAP top app download banner
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
คู่มือสินค้า
เข้าสู่ระบบ
  • อยากท้อง
  • ระยะการตั้งครรภ์
    • โภชนาการ เเม่ท้อง เเม่ให้นม
    • ไตรมาส 1
    • ไตรมาส 2
    • ไตรมาส 3
    • ตั้งชื่อลูก
  • แม่ผ่าคลอด
    • พัฒนาการเด็กผ่าคลอด
    • เตรียมตัวผ่าคลอด
    • สุขภาพเด็กผ่าคลอด
    • คู่มือคุณแม่ผ่าคลอด
    • การดูแลหลังผ่าคลอด
    • โภชนาการเด็กผ่าคลอด
  • หลังคลอด
    • คลอดธรรมชาติ
    • ผ่าคลอด
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • ลูก
    • ทารกแรกเกิด
    • ทารก
    • เด็กวัยหัดเดิน
    • เด็กก่อนวัยเรียน
    • เด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น และวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • ที่เที่ยว
    • เที่ยวไทย
    • เที่ยวต่างประเทศ
    • ที่พัก และ โรงแรม
  • ที่กิน
    • ร้านอร่อย
    • ร้านอร่อยสำหรับเด็ก
    • คาเฟ่
    • เมนูอาหาร
  • ไลฟ์สไตล์
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • TAPpedia
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
  • VIP

ไม่ใช่แค่ยุงกัด...แต่คือวิกฤต เมื่อ “ไข้เลือดออก” สร้างผลกระทบที่ลึกซึ้งมากกว่าที่คิดในครอบครัว

บทความ 8 นาที
ไม่ใช่แค่ยุงกัด...แต่คือวิกฤต เมื่อ “ไข้เลือดออก” สร้างผลกระทบที่ลึกซึ้งมากกว่าที่คิดในครอบครัว

ไข้เลือดออกไม่ได้เป็นเพียงแค่ความเจ็บป่วยที่เกิดจากยุงกัด แต่คือภัยคุกคามที่สามารถสั่นคลอนความมั่นคงของครอบครัวได้อย่างลึกซึ้ง ผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงสุขภาพกายของผู้ป่วย แต่ยังส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจ ภาระทางการเงิน และโครงสร้างของชีวิตประจำวันในครอบครัวอย่างคาดไม่ถึง

ในฐานะพ่อแม่ เราทำทุกอย่างเพื่อปกป้องลูก ไม่ว่าจะจำกัดเวลาเล่นหน้าจอ หรือพยายามให้ลูกกินผัก แต่ยังมีภัยเงียบหนึ่งที่สามารถทำลายทุกอย่างในเวลาเพียงไม่กี่วัน นั่นก็ ไข้เลือดออก (Dengue Fever)

หลายคนอาจมองว่าไข้เลือดออกเป็นแค่ไข้สูงไม่กี่วัน หรืออาจต้องหยุดเรียนพักรักษาตัว แต่ในความจริงแล้ว ผลกระทบของโรคนี้ลึกซึ้งกว่านั้นมาก เพราะมันสามารถทำให้ครอบครัวต้องเผชิญกับภาระทางอารมณ์ การเงิน และสุขภาพจิตได้อย่างไม่ทันตั้งตัว

อย่างในการ์ตูนจากเพจ The Woke Salaryman ที่สะท้อนว่า วิถีชีวิตแบบต่างคนต่างอยู่ในปัจจุบัน ทำให้เรารับมือกับปัญหาที่ต้องอาศัยความร่วมมือกันได้ยากขึ้น  รวมถึงเรื่องการป้องกันไข้เลือดออกด้วย 

ไข้เลือดออก ภัยสุขภาพที่คนไทยไม่ควรมองข้าม

ไข้เลือดออก ไม่ใช่แค่โรคประจำถิ่น แต่เป็นหนึ่งใน 10 อันดับแรกของภัยสุขภาพระดับโลก ที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ให้ความสำคัญ โรคนี้แพร่ระบาดโดย ยุงลาย และเป็นปัญหาใหญ่ในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งมีประชากรกว่า 1.3 พันล้านคนอยู่ในพื้นที่เสี่ยง

*สถานการณ์ไข้เลือดออกในประเทศไทยก็เป็นเรื่องที่น่ากังวลไม่แพ้กัน กองโรคติดต่อนำโดยแมลง กรมควบคุมโรค รายงานว่าตั้งแต่วันที่ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.- 28 พ.ค. 68 มีผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกสะสม 12,144 ราย จังหวัดที่มีอัตราป่วยสูง ได้แก่ ภูเก็ต ลำพูน บึงกาฬ สุราษฎร์ธานี และแม่ฮ่องสอน โรคไข้ปวดข้อยุงลาย มีผู้ป่วยสะสม 188 ราย จังหวัดที่มีอัตราป่วยสูง ได้แก่ ลำพูน บึงกาฬ และเชียงใหม่ โรคติดเชื้อไวรัสซิกา มีผู้ป่วยสะสม 43 ราย โรคสครับไทฟัส มีผู้ป่วยสะสม 2,549 ราย จังหวัดที่มีผู้ป่วยสูง ได้แก่ แม่ฮ่องสอน ตาก เชียงรายอุบลราษธานี และเชียงใหม่ โรคไข้มาลาเรีย มีผู้ป่วยสะสม 4,789 ราย จังหวัดที่มีผู้ป่วยสูง ได้แก่ ตาก กาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ระนอง และราชบุรี ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจนี้เกิดจากหลายปัจจัย เช่น ภาวะโลกร้อน การขยายตัวของเมือง และ ความหนาแน่นของประชากร ซึ่งล้วนส่งผลให้ยุงลายแพร่พันธุ์และแพร่เชื้อได้ง่ายขึ้น

กลุ่มที่พบอัตราป่วยสูงสุดยังคงเป็น เด็กวัยเรียน (5 – 14 ปี) รองลงมาคือกลุ่มอายุ 15 – 24 ปี และที่น่าสังเกตคือ พบผู้ป่วยสูงใน ภาคใต้ โดยจังหวัดที่มีอัตราป่วยสูงสุดในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ได้แก่ ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี สงขลา พัทลุง และนราธิวาส ตามลำดับ สำหรับจำนวนผู้เสียชีวิต พบว่ามี 10 ราย คิดเป็นอัตราป่วยตายร้อยละ 0.18 ซึ่งส่วนใหญ่เป็น ผู้สูงอายุ

ผลกระทบของไข้เลือดออกที่คุณอาจมองข้าม

ผลกระทบของไข้เลือดออกที่คุณอาจมองข้าม

ผลกระทบของไข้เลือดออกไม่ได้จบแค่ในโรงพยาบาล แต่กระทบทั้งระบบชีวิตของครอบครัว อย่างที่เราอาจคาดไม่ถึง

  • พ่อแม่ต้องหยุดงาน และบางครั้งอาจไม่ได้รับค่าจ้าง ทำให้รายได้ของครอบครัวหายไป
  • ลูกขาดเรียน โดยเฉพาะในช่วงเวลาสำคัญอย่างการสอบหรือช่วงเรียนที่สำคัญ ส่งผลกระทบต่อการศึกษา
  • ค่าใช้จ่ายด้านรักษาพยาบาลสูง แม้จะมีประกันสุขภาพ ก็อาจมีค่าใช้จ่ายส่วนเกินที่ต้องรับผิดชอบ
  • โรงพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ต้องรับภาระเพิ่ม เมื่อมีผู้ป่วยจำนวนมาก ทำให้ระบบสาธารณสุขตึงตัว

ต้นทุนที่มองไม่เห็นจากไข้เลือดออก

ต้นทุนที่มองไม่เห็นจากไข้เลือดออก  บางครั้งอาจรุนแรงกว่าค่ารักษา

นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายทางการแพทย์โดยตรงแล้ว ไข้เลือดออกยังสร้าง ต้นทุนที่มองไม่เห็น ซึ่งในบางครั้งอาจรุนแรงและส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของครอบครัวมากกว่าค่ารักษาพยาบาลเสียอีก ต้นทุนเหล่านี้ได้แก่

  • ความเครียดและผลกระทบทางจิตใจ: การที่คนในครอบครัวต้องป่วยหนัก โดยเฉพาะเด็ก ทำให้พ่อแม่เกิดความกังวล ความกลัว และความเครียดสะสม
  • โอกาสที่เสียไป: ทั้งในด้านการเรียน การทำงาน และการพัฒนาทักษะต่างๆ ที่ต้องหยุดชะงักลง
  • ภาระการดูแล: สมาชิกในครอบครัวคนอื่นๆ โดยเฉพาะพ่อแม่ ต้องสละเวลา แรงงาน และพลังงานในการดูแลผู้ป่วย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่องานประจำวันและการพักผ่อน
  • ผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตระยะยาว: ในบางกรณี ผู้ป่วยอาจมีอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง หรือภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตในระยะยาว
องค์การอนามัยโลก (WHO)

เนื่องในวันไข้เลือดออกอาเซียน The International Federation of Red Cross and Red Crescent Societies (IFRC) Asia Pacific และ ทาเคดา ร่วมลงนามในความร่วมมือ Uniter Against Dengue เพื่อร่วมกันสร้างความเข้มแข็งทางด้านป้องกันไข้เลือดออกในภูมิภาค

WHO นำทัพ ผนึกกำลังพิชิตไข้เลือดออก เพื่ออนาคตที่ปลอดโรค 

ด้วยตระหนักถึงผลกระทบอันใหญ่หลวงของไข้เลือดออก องค์การอนามัยโลก (WHO) จึงได้วางเป้าหมายที่แข็งแกร่งว่า “ไม่มีผู้เสียชีวิตจากไข้เลือดออกภายในปี 2030” เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ WHO ได้เสนอแนวทางแบบบูรณาการที่ครอบคลุมหลายมิติ ได้แก่

  • กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุง: เน้นการทำลายแหล่งน้ำขังที่เป็นที่วางไข่ของยุงลาย เช่น การปิดฝาภาชนะเก็บน้ำ การเปลี่ยนน้ำในแจกันบ่อยๆ และการจัดการขยะ
  • ตรวจพบไวและรักษาเร็ว: ส่งเสริมให้ประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์ตระหนักรู้ถึงอาการของโรค เพื่อให้สามารถวินิจฉัยและให้การรักษาได้อย่างทันท่วงที ลดความรุนแรงและอัตราการเสียชีวิต
  • รณรงค์ให้ความรู้แก่ประชาชน: สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคไข้เลือดออก วิธีป้องกันตนเองและครอบครัว รวมถึงการปฏิบัติตัวเมื่อมีอาการ
  • ส่งเสริมความร่วมมือของชุมชน: สนับสนุนให้ชุมชนมีบทบาทสำคัญในการป้องกันและควบคุมโรค เช่น การจัดกิจกรรมทำความสะอาดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงร่วมกัน
  • ฉีดวัคซีนในพื้นที่เสี่ยง: การใช้วัคซีนป้องกันไข้เลือดออกเป็นเครื่องมือเสริมในการควบคุมโรค โดยพิจารณาตามความเหมาะสมและความเสี่ยงของแต่ละพื้นที่

แนวทางเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าการป้องกันไข้เลือดออกเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ตั้งแต่ระดับบุคคล ชุมชน ไปจนถึงระดับประเทศและนานาชาติ เพื่อปกป้องครอบครัวและสังคมของเราให้ปลอดภัยจากภัยเงียบนี้

United Against Dengue

ความร่วมมือ United Against Dengue มีความมุ่งมั่นภายใต้ 3 หลักสำคัญคือ การให้ความรู้แก่ชุมชน การส่งเสริมการป้องกัน และการสนับสนุนการดูแลและการช่วยเหลือผู้ป่วยไข้เลือดออกในชุมชน

ความร่วมมือระดับภูมิภาค “United Against Dengue”

ในภูมิภาคเอเชีย ความพยายามในการต่อสู้กับไข้เลือดออกได้รับการสนับสนุนจากความร่วมมือที่สำคัญอย่าง “United Against Dengue” ซึ่งขับเคลื่อนโดย สหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ (IFRC) ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และ Takeda ได้เปิดตัวโครงการ United Against Dengue (UAD) ซึ่งสอดคล้องกับความพยายามแบบบูรณาการของ WHO โดยโครงการนี้มุ่งเน้นการรับมือกับไข้เลือดออกผ่าน 3 เสาหลักสำคัญ ได้แก่

  1. ให้ความรู้เรื่องโรค: สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับไข้เลือดออก วิธีการแพร่เชื้อ อาการ และแนวทางป้องกันให้กับประชาชน
  2. สร้างความร่วมมือในชุมชน: ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนในการควบคุมและป้องกันโรค เพื่อให้เกิดการดูแลและเฝ้าระวังอย่างยั่งยืน
  3. วางรากฐานความยั่งยืนในการรับมือโรค: พัฒนาระบบและกลไกที่ยั่งยืน เพื่อให้ภูมิภาคมีความพร้อมในการรับมือกับไข้เลือดออกในระยะยาว
โครงการ United Against Dengue (UAD)

เรื่องเล่าสนุกสนานกับการ์ตูนชุด The Woke Salaryman comic เพื่อให้ความรู้เรื่องการป้องกันไข้เลือดออกเป็นหนึ่งเครื่องมือในการสื่อสารจากโครงการนี้

ขณะนี้โครงการได้เริ่มดำเนินการแล้วใน มาเลเซียและอินโดนีเซีย และมีแผนที่จะขยายสู่ภูมิภาคอื่นๆ รวมถึง ประเทศไทย ในอนาคต ความร่วมมือนี้เป็นอีกหนึ่งความหวังสำคัญที่จะช่วยลดภาระและผลกระทบจากไข้เลือดออกต่อครอบครัวและสังคมในวงกว้าง

วิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป ทำให้เราห่างกันมากขึ้น

ในปัจจุบัน วิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปส่งผลให้ความสัมพันธ์ในชุมชนห่างเหินกันมากขึ้น ซึ่งกลายเป็นอุปสรรคสำคัญในการป้องกันโรคไข้เลือดออก ดังที่โครงการ United Against Dengue (UAD) ได้หยิบยกมานำเสนอร่วมกับ The Woke Salaryman ผ่านการ์ตูนที่เข้าใจง่าย โดยชี้ให้เห็นว่า

“ในอดีต ชีวิตในชุมชนแบบ ‘บ้านใกล้เรือนเคียง’ ผู้คนต่างพึ่งพาอาศัยกัน หากมีปัญหาก็ช่วยกันแก้ แต่ในยุคเมืองสมัยใหม่ เราแทบไม่รู้จักคนข้างบ้านด้วยซ้ำ”

การขาดการปฏิสัมพันธ์ทางสังคมนี้ ทำให้ความร่วมมือเพื่อป้องกันโรคระบาดอย่างไข้เลือดออกกลายเป็นเรื่องยากลำบาก ทั้งที่ความจริงแล้ว ไข้เลือดออกไม่ได้เลือกว่าจะเกิดกับใคร เพียงแค่การทิ้งขยะไม่เป็นที่ หรือปล่อยให้น้ำขังในภาชนะเพียงเล็กน้อย ก็สามารถทำให้ยุงลายแพร่พันธุ์ และส่งผลให้คนทั้งตึกหรือทั้งชุมชนต้องเผชิญกับความเสี่ยงของโรคได้ทันที

ปลูกฝังแนวคิดการป้องกันไข้เลือดออกตั้งแต่ในวัยเด็ก

   การเล่าเรื่องผ่านการ์ตูนจากเพจ The Woke Salaryman

สื่อสารให้เข้าถึง ด้วยพลังของ “การเล่าเรื่อง”

เพื่อให้สารเข้าถึงผู้คนในวงกว้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ โครงการ “United Against Dengue” ได้ใช้พลังของ “การเล่าเรื่อง” ผ่านการ์ตูน ซึ่งจะถูกแปลเป็นภาษาต่างๆ และเผยแพร่ทั่วภูมิภาค รวมถึงนำไปใช้เป็นสื่อการเรียนรู้ในโรงเรียน เพื่อ ปลูกฝังแนวคิดการป้องกันไข้เลือดออกตั้งแต่ในวัยเด็ก

เนื้อหาของการ์ตูนนำเสนอประเด็นสำคัญได้อย่างเข้าใจง่าย โดยเน้นย้ำว่า

  • ไข้เลือดออกกระทบทั้งกายและใจ: ไม่ใช่แค่ความเจ็บป่วยทางกาย แต่ยังส่งผลต่อสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ของทั้งครอบครัว
  • การกระทำเล็กๆ อย่างการเทน้ำขัง ก็มีพลังป้องกันได้: ชี้ให้เห็นว่าการป้องกันเริ่มต้นได้ง่ายๆ จากสิ่งที่เราทำในชีวิตประจำวัน
  • ความสัมพันธ์ของเพื่อนบ้าน คือรากฐานสำคัญของการอยู่ร่วมกันอย่างปลอดภัย: ตอกย้ำถึงความสำคัญของการร่วมมือร่วมใจในชุมชน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ปราศจากภัยไข้เลือดออก

แล้วครอบครัวเราจะเริ่มต้นป้องกันได้อย่างไร?

คุณพ่อคุณแม่สอนลูกให้พูด “ขอบคุณ” ข้ามถนนอย่างปลอดภัย หรือแม้แต่กินผักใบเขียวแล้วใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้น…ลองเพิ่ม “การป้องกันไข้เลือดออก” เข้าไปเป็นอีกหนึ่งบทเรียนสำคัญในชีวิตประจำวันของลูกๆ ดูสิคะ

ง่ายๆ เริ่มต้นวันนี้ ด้วย 5 ข้อสำคัญ ที่ทุกคนในครอบครัวทำได้นั่นคือ 

  1. เทน้ำขังบ่อยๆ: แม้จะเป็นเพียงน้ำขังในจานรองกระถางต้นไม้ หรือภาชนะเล็กๆ น้อยๆ เพราะยุงสามารถวางไข่ได้ในน้ำเพียงนิดเดียว
  2. เช็กพื้นที่เสี่ยงผ่านระบบเตือนภัย: เพื่อรับรู้สถานการณ์ในพื้นที่ของคุณ (ในประเทศไทยสามารถติดตามข่าวสารจากกรมควบคุมโรคได้)
  3. ใช้สเปรย์กันยุง หรือมุ้งลวด: โดยเฉพาะช่วงเช้าและเย็น ซึ่งเป็นเวลาที่ยุงลายออกหากิน
  4. อ่านและแชร์การ์ตูนของโครงการ UAD: กับลูกและเพื่อนบ้าน เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องและปลูกฝังจิตสำนึกในการป้องกัน
  5. ร่วมกิจกรรมทำความสะอาดชุมชน: หรือเสนอแนวทางป้องกันไข้เลือดออกกับผู้นำชุมชนของคุณ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยร่วมกัน

ไข้เลือดออกเป็นมากกว่าแค่เรื่องของยุงกัด…แต่คือวิกฤตที่สร้างผลกระทบที่ลึกซึ้งและซับซ้อนต่อทั้งครอบครัวและสังคม ไม่ว่าจะเป็นภาระทางการเงิน สุขภาพจิต หรือแม้แต่การหยุดชะงักของชีวิตประจำวัน ทั้งนี้ ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกและสถานการณ์ในภูมิภาค รวมถึงประเทศไทย ต่างชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการรับมือกับภัยเงียบนี้

อย่างไรก็ตาม เรามีแนวทางในการต่อสู้กับไข้เลือดออกที่ชัดเจน ซึ่งเริ่มต้นได้ง่ายๆ จากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในครัวเรือนและการมีส่วนร่วมในชุมชน ไม่ว่าจะเป็นการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุง การรับรู้ข้อมูลข่าวสาร หรือแม้แต่การร่วมมือกับเพื่อนบ้าน

เพราะเมื่อพูดถึงไข้เลือดออก…ไม่มีใครปลอดภัยได้ หากเราไม่ช่วยกัน การป้องกันโรคนี้จึงเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทุกคนในสังคม เพื่อปกป้องคนที่เรารักและสร้างชุมชนที่เข้มแข็งจากภัยร้ายของไข้เลือดออก

 

ป้องกันไข้เลือดออก

 

United Against Dengue คือความร่วมมือระหว่างสหพันธ์สภากาชาดและเสี้ยววงเดือนแดงสากล (IFRC) และ Takeda
เรียนรู้เพิ่มเติมได้เร็วๆ นี้ผ่านเว็บไซต์ของ IFRC

*รู้ทันแมลง กองควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ประเทศไทย 

 

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

Follow us on:
facebook-logo instagram-logo tiktok-logo
img
บทความโดย

theAsianparent Editorial Team

  • หน้าแรก
  • /
  • สุขภาพ
  • /
  • ไม่ใช่แค่ยุงกัด...แต่คือวิกฤต เมื่อ “ไข้เลือดออก” สร้างผลกระทบที่ลึกซึ้งมากกว่าที่คิดในครอบครัว
แชร์ :
  • ลูกนอนไม่พอ พ่อแม่นอนไม่เต็มอิ่ม เสี่ยงสุขภาพจิตพังทั้งครอบครัว!

    ลูกนอนไม่พอ พ่อแม่นอนไม่เต็มอิ่ม เสี่ยงสุขภาพจิตพังทั้งครอบครัว!

  • เตือนภัย "เยลลี่กัญชา" รูปหมี เด็ก 2 ขวบกินเข้าไปไม่รู้ตัว เกือบไม่รอด

    เตือนภัย "เยลลี่กัญชา" รูปหมี เด็ก 2 ขวบกินเข้าไปไม่รู้ตัว เกือบไม่รอด

  • เสริมภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อยตั้งแต่วันแรก จุดเริ่มต้นที่คุณแม่สร้างได้
    บทความจากพันธมิตร

    เสริมภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อยตั้งแต่วันแรก จุดเริ่มต้นที่คุณแม่สร้างได้

  • ลูกนอนไม่พอ พ่อแม่นอนไม่เต็มอิ่ม เสี่ยงสุขภาพจิตพังทั้งครอบครัว!

    ลูกนอนไม่พอ พ่อแม่นอนไม่เต็มอิ่ม เสี่ยงสุขภาพจิตพังทั้งครอบครัว!

  • เตือนภัย "เยลลี่กัญชา" รูปหมี เด็ก 2 ขวบกินเข้าไปไม่รู้ตัว เกือบไม่รอด

    เตือนภัย "เยลลี่กัญชา" รูปหมี เด็ก 2 ขวบกินเข้าไปไม่รู้ตัว เกือบไม่รอด

  • เสริมภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อยตั้งแต่วันแรก จุดเริ่มต้นที่คุณแม่สร้างได้
    บทความจากพันธมิตร

    เสริมภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อยตั้งแต่วันแรก จุดเริ่มต้นที่คุณแม่สร้างได้

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
  • พัฒนาการลูก
  • ชีวิตครอบครัว
  • ระยะการตั้งครรภ์
  • โภชนาการ
  • ไลฟ์สไตล์
  • TAP สังคมออนไลน์
  • ติดต่อโฆษณา
  • ติดต่อเรา
  • Influencer Marketing (KOL)
  • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Vietnam flag Vietnam
© Copyright theAsianparent 2025. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว