การทานอาหารเพื่อสุขภาพเป็นวิธีที่ดีที่สุดเพื่อให้ได้รับวิตามินและแร่ธาตุที่เหมาะสมกับร่างกาย แต่สำหรับคนท้องโดยเฉพาะช่วงแพ้ท้องใหม่ ๆ คุณแม่หลายคนไม่สามารถทานอาหารได้ การทาน วิตามิน คนท้อง จะช่วยให้คุณแม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อร่างกาย เมื่อคุณแม่ได้รับวิตามินไม่เต็มที่อาจทำให้ลูกน้อยขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของร่างกายตามไปด้วย ทั้งยังช่วยลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนของแม่ท้องได้
คนท้องต้องการวิตามินอะไรบ้าง
หญิงตั้งครรภ์แต่ละคนมีความต้องการทางโภชนาการที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยทั้งพันธุกรรม โรค แต่มีท้องจำเป็นต้องได้รับปริมาณวิตามินและแร่ธาตุที่ต้องการต่อวัน (มก.) เพื่อสุขภาพที่ดีของลูกน้อยในท้อง มีดังนี้
- กรดโฟลิก เรียกอีกอย่างว่า โฟเลตหรือวิตามิน B9: 600 มก. ซึ่งโฟเลตเป็นสารอาหารที่สำคัญที่สุดที่คุณควรเริ่มรับประทานเมื่อคุณรู้ว่าคุณกำลังตั้งครรภ์ และควรสองสามเดือนก่อนตั้งครรภ์
- วิตามินเอ : 750 ถึง 770 มก. วิตามินเอมีบทบาทที่สำคัญของดวงตา หู แขนขา และหัวใจของทารกในครรภ์
- วิตามินซี (80 ถึง 85 มก.) และอี (15 มก.) : ทั้งสองมีบทบาทสำคัญในการผลิตคอลลาเจนของทารกในครรภ์และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของคุณแม่ อีกทั้งวิตามินซียังช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ดียิ่งขึ้น แต่คุณแม่อย่าทานวิตามินซีมากเกินไปเพราะอาจเป็นอันตรายต่อลูกน้อยของคุณได้
- วิตามินดี : 15 มก. (600 IU) วิตามินดีช่วยให้มีสุขภาพกระดูกของทารกในครรภ์และคนท้อง ซึ่งวิตามินดีจะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับคนท้องและทำให้คุณแม่อารมณ์ดีขึ้นด้วยนะ
- แคลเซียม : 1,000 ถึง 1,300 มก. มีส่วนช่วยในการสร้างกระดูกและฟันของทารกในครรภ์ ทั้งยังช่วยให้คุณแม่ไม่เป็นโรคกระดูกพรุนจากการตั้งครรภ์อีกด้วย
- ไอโอดีน : 220 มีหน้าที่ควบคุมการเจริญเติบโต และพัฒนาการของร่างกายและระบบประสาท มีผลต่อพัฒนาการทางสมอง และระบบประสาทของทารก ซึ่งไอโอดีนคุณแม่หลายคนมักจะได้รับไอโอดีนจากอาหารที่มีการปรุงรสด้วยเกลือเสริมไอโอดีน
- ธาตุเหล็ก : 27 มก. ธาตุเหล็กช่วยให้ออกซิเจนไหลเวียนไปกับเซลล์เม็ดเลือดแดงได้ดี ทั้งยังช่วยให้เลือดลำเลียงออกซิเจนไปไปยังทารกในครรภ์ได้ดีอีกด้วย หากคุณแม่ไม่ได้รับธาตุเหล็กอย่างเพียงอาจทำให้เสี่ยงต่อการเกิดภาวะโลหิตจาง
- สังกะสี : 11 ถึง 12 มก. ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของคนท้อง
- DHA : กรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการช่วยพัฒนาระบบประสาทของลูกน้อยในครรภ์ให้เติบโตแข็งแรง และยังช่วยให้ทารกฉลาดขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม การทานวิตามินบางชนิดมากเกินไปอาจทำให้เกิดอันตรายต่อทารกในครรภ์ได้ โดยเฉพาะวิตามินเอ วิตามินซี หรือวิตามินอี โดยที่วิตามินดีอย่าทานเกิน 100 มก. (4,000 IU) ต่อวัน
ทำไห คนท้องต้องการวิตามินเพิ่มก่อนคลอด
วิตามินก่อนคลอดเป็นอาหารเสริมสูตรพิเศษที่ออกแบบมาสำหรับการตั้งครรภ์ และส่วนใหญ่มีสารอาหารหลักที่สมดุลเหมือนกัน เพื่อสนับสนุนสุขภาพของแม่และทารก ดร.แรนกินส์ สูตินรีเวชวิทยา และผู้อำนวยการเว็บไซต์ของ OB Hospitalist Group ในเมืองนอร์ฟอล์ก รัฐเวอร์จิเนีย กล่าวว่า “สิ่งเหล่านี้ช่วยในการพัฒนาของทารก หรือช่วยให้แม่รักษาระดับวิตามินและแร่ธาตุบางชนิดได้
คนท้องควรทานวิตามินเสริมก่อนคลอดเมื่อไหร่
ดร.แรนกินส์ แนะนำให้เริ่มวิตามินก่อนคลอด 3 เดือนก่อนที่คุณจะตั้งครรภ์ โดยเฉพาะกรดโฟลิกที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดความพิการทางสมอง ระบบประสาทส่วนกลาง และกะโหลกศีรษะไม่ปิด ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของวิตามินก่อนคลอดที่ดี ซึ่งส่วนใหญ่แล้วคุณแม่จะได้รับวิตามินสำหรับคนท้องอย่างโฟลิกจากคุณหมอเมื่อคุณแม่ไปฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลอยู่แล้ว และคุณหมอจะจ่ายยาให้อย่างต่อเนื่องค่ะ สำหรับคุณแม่ที่ไม่ได้ฝากครรภ์อาจต้องหาอาหารหรือวิตามินเสริมที่มีโฟลิกค่ะ
วิธีเลือกซื้อวิตามินคนท้องที่ดีที่สุด
- วิตามินอยู่ได้นานแค่ไหน: คุณแม่ต้องดูว่าวิตามินเสริมนั้นมีวันหมดอายุเมื่อไหร่ และควรดูว่าหมดอายุก่อนที่คุณแม่จะทานหมดหรือไหม โดยเฉพาะกับวิตามินขวดใหญ่เพราะคุณแม่ต้องใช้เวลานานกว่าจะกินวิตามินหมดขวด
- เลือกรูปแบบของยา: ปัจจุบันมีการทำยาออกมาหลายรูปแบบเพื่อให้ทุกคนสามารถทานยาได้สะดวก และช่วยในเรื่องของการออกฤทธิ์ยาด้วย เช่น ยาเม็ดแบบปกติ ยาเม็ดแคปซูล ซอฟเจล ยาน้ำ เป็นต้น ซึ่งถ้าคุณแม่ไม่ชอบทานยาเม็ดอาจเลือกวิตามินเสริมที่เป็นแบบแคปซูลนิ่มหรือซอฟเจลเพื่อให้ทานง่าย หรือจะเป็นแบบกัมมี่เคี้ยวเพลิน ๆ ก็ได้ค่ะ
1. ONE A DAY, Prenatal with DHA & Folic Acid
วิตามินรวมคนท้อง
วิตามินเสริมของ One A Day มีสารอาหารที่หลากหลายมาในรูปแบบซอฟเจลที่รับประทานง่าย คิดค้นขึ้นเป็นพิเศษเพื่อให้ผู้หญิงได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วนทั้งก่อนตั้งครรภ์ ระหว่างตั้งครรภ์ และหลังการตั้งครรภ์ ประกอบด้วยสารอาหารหลัก ได้แก่ กรดโฟลิก โอเมก้า 3 ดีเอชเอ แคลเซียม วิตามินดี และธาตุเหล็ก ปราศจากกลูเตนและไม่มีสารให้ความหวานหรือน้ำเชื่อมข้าวโพดฟรุกโตสสูง เป็นวิตามินอันดับ 1 ที่แพทย์ OB/GYN แนะนำ
จำนวน: 60 เม็ด
รูปแบบวิตามิน: ซอฟเจล
วิธีทาน: 1 เม็ดต่อวัน
2. Nature Made, Prenatal Multi + DHA
วิตามินรวมก่อนคลอด
วิตามินคนท้อง เป็นสูตรที่ประกอบด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญ มี DHA ที่ช่วยสุขภาพของแม่ในระหว่างตั้งครรภ์และพัฒนาการทางสมอง ระบบประสาท กระดูก และดวงตาของทารก ด้วยการดูดซึมธาตุเหล็กและกรดโฟลิกที่ได้รับการพิสูจน์แล้วทางคลินิก นอกจากนี้ยังมีสารอาหารที่จำเป็น 18 ชนิด รวมทั้งวิตามิน B 8 ชนิด และวิตามิน A, C, D, E และ K ที่ร่างกายของคุณแม่และลูกน้อยต้องการเพื่อการเจริญเติบโตที่ดีในอนาคต
จำนวน: 165 เม็ด
รูปแบบวิตามิน: ซอฟเจล
วิธีทาน: 1 เม็ดต่อวัน พร้อมมื้ออาหารมื้อใดก็ได้
3. Vitafusion, Prenatal For Mom & Baby
วิตามิน คนท้อง รูปแบบเคี้ยว
วิตามินรวมที่ได้คิดค้นขึ้นเพื่อรองรับความต้องการด้านสุขภาพของผู้หญิงก่อนระหว่างและหลังการตั้งครรภ์ที่อุดมไปด้วยวิตามินแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายในรสชาติของผลไม้ เหมาะกับคนที่ไม่ชอบทานยาเม็ดเป็นอย่างมาก เป็นสูตรวิตามินรวมที่มีแหล่งโฟเลตชั้นเยี่ยมและ DHA 50 มก. นอกจากนี้ยังมีวิตามินดี 800 IU วิตามิน A และ D แต่ไม่มีธาตุเหล็ก ไม่มีสารให้ความหวานเทียม ไม่มีกลูเตน ไม่มีน้ำเชื่อมข้าวโพดฟรุกโตสสูง ไม่มีผลิตภัณฑ์นม และไม่มีสารสังเคราะห์
จำนวน: 90 เม็ด
รูปแบบวิตามิน: กัมมี่ แบบเคี้ยว
วิธีทาน: 2 เม็ดต่อวัน แนะนำให้เคี้ยวให้ละเอียดก่อนกลืน
4. Vitamin Code, Raw Prenatal
สูตรที่มีสารอาหารหลากหลายครบถ้วน
เหมาะสำหรับผู้หญิงในช่วงก่อนตั้งครรภ์ ระหว่างตั้งครรภ์ และผู้ให้นมบุตร เพื่อช่วยบำรุงร่างกายของคุณแม่และลูกในท้อง ซึ่งวิตามินขวดนี้มีส่วนผสมของผัก ผลไม้ออร์แกนิก โฟเลต 800 ไมโครกรัม มีธาตุเหล็ก ที่ช่วยในการบำรุงเลือดและระบบต่าง ๆ ของร่างกายได้ดี มี Vitamin D3 ปริมาณ 1,400 IU เพื่อใช้ในการดูดซึมแคลเซียม รวมถึงโปรไบโอติกที่ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันของแม่และเด็ก ทั้งยังมีวิตามิน B6 และขิงซึ่งสามารถช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องได้
จำนวน: 180 เม็ด
รูปแบบวิตามิน: แคปซูล
วิธีทาน: วันละ 3 แคปซูล โดยทานครั้งละ1 แคปซูล
5. Nordic Naturals, Prenatal DHA
น้ำมันปลาสำหรับคนท้อง
น้ำมันปลาที่สกัดจากปลาทะเลน้ำลึก โดยเฉพาะในเขตหนาวในรูปแบบซอฟเจล เพื่อบำรุงคุณแม่ตั้งครรภ์หรือเตรียมตั้งครรภ์และเตรียมผนังมดลูกใส่ตัวอ่อน มาในรสสตรอว์เบอร์รีที่หอมอร่อยแถมยังช่วยให้ทานง่ายด้วย ประกอบด้วยกรดไขมันหลายชนิดที่สำคัญ ได้แก่ กรดไขมันโอเมก้า-3 และ กรดไขมันโอเมก้า-6 กรดไขมันที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นมาเองได้ ปราศจากสารตกค้างที่จะเป็นอันตรายต่อคุณแม่และบุตรในครรภ์ มีรสชาติค่อนข้างคาวเล็กน้อย ซึ่งอาจจะไม่เหมาะกับคุณแม่ที่อยู่ในช่วยแพ้ท้อง และได้รับการรับรองจาก “สมาคมการตั้งครรภ์แห่งสหรัฐอเมริกา" (American Pregnancy Association) อีกด้วย
จำนวน: 90 เม็ด
รูปแบบวิตามิน: ซอฟเจล
วิธีทาน: วันละ 2 ซอฟเจล พร้อมมื้ออาหาร
6. NATURELO, Prenatal Multivitamin
วิตามินเสริมคนท้อง เหมาะกับวีแกน มังสวิรัติ
วิตามินเสริมสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ อุดมไปด้วยวิตามินแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับคุณแม่และลูกน้อย ซึ่งมีสารอาหารที่จำเป็นก่อนคลอด 25 ชนิด เช่น กรดโฟลิก แคลเซียม เหล็ก สังกะสี และวิตามิน A, C และ D นอกจากนี้ยังใช้ธาตุเหล็กคีเลตซึ่งเป็นแร่ธาตุที่ย่อยและดูดซึมได้ง่าย เพื่อรองรับการตั้งครรภ์ที่แข็งแรงและพัฒนาการของทารกในครรภ์ที่ดี ปลอดจีเอ็มโอ ไม่มีสารกันบูด สี หรือสารปรุงแต่งรส และไม่มีกลูเตน ผลิตภัณฑ์จากนม หรือถั่วเหลือง
จำนวน: 180 เม็ด
รูปแบบวิตามิน: แคปซูล
วิธีทาน: วันละ 3 แคปซูลพร้อมอาหาร
7. FullWell, Prenatal Dietary Supplement
วิตามินสำหรับคุณแม่ก่อนคลอด
ประกอบด้วยวิตามินรวมกว่า 26 ชนิด เช่น โฟเลต วิตามิน B-12 วิตามินดี 4,000 IU แร่ธาตุคีเลต แมกนีเซียม โคลีน และแคลเซียม เพื่อช่วยในเรื่องของการตั้งครรภ์ และการฟื้นตัวหลังคลอด ปราศจากสารก่อภูมิแพ้ต่อไปนี้: ผลิตภัณฑ์จากนม กลูเตน ข้าวสาลี ถั่วลิสง ถั่วเปลือกแข็ง ไข่ ถั่วเหลือง หอย ปลา และข้าวโพด
จำนวน: 240 เม็ด
รูปแบบวิตามิน: แคปซูล
วิธีทาน: วันละ 8 แคปซูล โดยแบ่งเป็นครั้งละ 4 แคปซูล ทาน 2 ครั้งต่อวัน
ตารางการเปรียบเทียบราคาล่าสุด
|
ยี่ห้อ |
ราคา (บาท) |
ONE A DAY, Prenatal with DHA & Folic Acid |
1,349 |
Nature Made, Prenatal Multi + DHA |
1,039 |
Vitafusion, Prenatal For Mom & Baby |
399 – 899 |
Vitamin Code, Raw Prenatal |
2,150 |
Nordic Naturals, Prenatal DHA |
1,290 |
NATURELO, Prenatal Multivitamin |
2,290 |
FullWell, Prenatal Dietary Supplement |
2,985 |
ที่มา Whattoexpect
บทความอื่น ๆ
แนะนำ 5 วิตามินซี วิตามินซียี่ห้อไหนดี กินแล้วผิวใส ช่วยป้องกันไข้หวัด
5 วิตามินบำรุงหลังคลอด สุดยอดอาหารเสริมของคุณแม่มือใหม่ ปี 2023
วิตามินบีรวมยี่ห้อไหนดีที่สุด และความสำคัญของวิตามินบีที่ควรรู้