พฤติกรรมก้าวร้าวของลูกสร้างความปวดหัวให้กับพ่อแม่หลายคน แต่บ่อยครั้งที่เรามองข้ามต้นตอสำคัญ นั่นคือพ่อแม่ที่มีลูกก้าวร้าว เกิดจากพฤติกรรมการเลี้ยงดูของตัวเราเอง โดยไม่รู้ตัว เราอาจกำลังส่งเสริมพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ให้กับลูกผ่านการสื่อสาร การแสดงออก หรือการจัดการปัญหาในครอบครัว มาเปิดใจสำรวจตัวเองอย่างตรงไปตรงมา ว่าเราแสดง พฤติกรรมพ่อแม่ที่ทำให้ลูกก้าวร้าว เหล่านี้หรือเปล่า เพื่อทำความเข้าใจและแก้ไขปัญหาพฤติกรรมก้าวร้าวของลูกที่ต้นเหตุค่ะ
พฤติกรรมก้าวร้าวในเด็ก
พฤติกรรมก้าวร้าวในเด็กเป็นปัญหาที่พบได้ทั่วไปในปัจจุบัน พฤติกรรมก้าวร้าวสามารถแสดงออกได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการใช้กำลัง ทำลายข้าวของ ทำร้ายผู้อื่น หรือการใช้คำพูดที่รุนแรง เช่น การด่าทอ เสียดสี หรือประชดประชัน ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบต่อความรู้สึกและความสัมพันธ์กับผู้อื่น
สิ่งที่น่าห่วง คือ พฤติกรรมก้าวร้าวของเด็กมักจะไม่หายไปเมื่อโตขึ้น เด็กที่ก้าวร้าวในวันนี้ ก็มีแนวโน้มที่จะก้าวร้าวต่อไปในวันหน้า และอาจจะรุนแรงมากขึ้นด้วย พฤติกรรมก้าวร้าวในเด็กจึงเป็นสัญญาณสำคัญที่บอกได้ว่าในอนาคตอาจจะมีปัญหาตามมา ดังนั้น ถ้าพ่อแม่สังเกตเห็นว่าลูกมีพฤติกรรมก้าวร้าว ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้และหาทางช่วยเหลือลูกโดยเร็ว
5 พฤติกรรมพ่อแม่ที่ทำให้ลูกก้าวร้าว
เป็นที่ทราบกันดีในปัจจุบันว่า ลักษณะของครอบครัวมีส่วนสำคัญในการทำให้เด็กมีพฤติกรรมก้าวร้าว โดยมีผลงานวิจัยที่เป็นที่ยอมรับอย่างแพร่หลายของ ดร. แพทเทอร์สัน จากโอเรกอน สหรัฐอเมริกา ที่ได้ศึกษาและอธิบายถึงลักษณะของครอบครัวที่มีลูกก้าวร้าวไว้ดังนี้
-
พ่อแม่ที่ไม่มีกฎเกณฑ์
บ้านที่ไม่มีกฎเกณฑ์คือบ้านที่ ‘ถูกปล่อยปละละเลย’ ลูกจะกินข้าว ดูทีวี หรือเข้านอนเวลาไหนก็ได้ ไม่มีใครสนใจ หรือคาดหวังว่าลูกควรทำอะไร หรือไม่ควรทำอะไร
ผลกระทบ: เด็กจะขาดความเข้าใจในขอบเขตของพฤติกรรมที่เหมาะสม ทำให้ไม่รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ยอมรับได้และอะไรคือสิ่งที่ยอมรับไม่ได้
วิธีแก้ไข:
- สร้างกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน: ควรกำหนดกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนและสอดคล้องกันภายในบ้าน เกี่ยวกับกิจวัตรประจำวัน การใช้เวลาว่าง และพฤติกรรมที่คาดหวัง
- มีส่วนร่วมในการกำหนดกฎ: คุณพ่อคุณแม่ให้ลูกมีส่วนร่วมในการกำหนดกฎเกณฑ์ เพื่อให้รู้สึกเป็นเจ้าของและเต็มใจที่จะปฏิบัติตาม
- สื่อสารอย่างสม่ำเสมอ: คุยกับลูกถึงกฎเกณฑ์ที่ตั้ง และอธิบายเหตุผลว่าทำไมต้องมีกฎเช่นนี้
- ยึดมั่นในกฎเกณฑ์: พ่อแม่ต้องยึดมั่นในกฎเกณฑ์และปฏิบัติตามอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูก

-
พ่อแม่ไม่ดูแลลูก
พ่อแม่บางคนไม่ได้ใช้เวลาหรือให้ความสนใจกับลูก ไม่รู้ว่าลูกไปทำอะไรที่ไหน หรือมีความรู้สึกนึกคิดอย่างไร ทำให้ไม่รู้ว่าลูกทำอะไรไม่ถูกต้อง และไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้เมื่อเกิดปัญหา
ผลกระทบ: เด็กจะรู้สึกว่าตนเองถูกละเลยและไม่ได้รับความสนใจ ทำให้มีแนวโน้มที่จะแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเพื่อเรียกร้องความสนใจ หรืออาจเข้าไปเกี่ยวข้องกับปัญหาต่างๆ โดยที่พ่อแม่ไม่รู้
วิธีแก้ไข:
- ให้เวลากับลูก: จัดสรรเวลาเพื่อใช้เวลากับลูกอย่างมีคุณภาพ พูดคุย รับฟัง และทำกิจกรรมร่วมกัน
- ติดตามพฤติกรรม: ติดตามพฤติกรรมของลูกอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อลูกออกไปนอกบ้าน หรือมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
- สร้างความสัมพันธ์ที่ดี: สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูก โดยเน้นการสื่อสารที่เปิดเผยและไว้วางใจกัน
- สังเกตและรับฟัง: สังเกตพฤติกรรมและรับฟังความคิดเห็นของลูก เพื่อทำความเข้าใจความรู้สึกและความต้องการของลูก
-
พ่อแม่ที่ไม่ฝึกวินัยลูก
พ่อแม่ที่มีลูกก้าวร้าวส่วนหนึ่งเกิดจากการที่ลูกไม่เคยฝึกวินัย เวลาลูกทำดีไม่ชม ทำผิดก็ไม่ว่า พ่อแม่มักใช้วิธีบ่นว่าในการฝึกวินัย ซึ่งมักเป็นไปตามอารมณ์ของพ่อแม่มากกว่าความผิดของเด็ก เช่น บางวันถ้าพ่อแม่อารมณ์ดี ก็พูดดีไม่ว่าอะไร แต่ถ้าพ่อแม่อารมณ์เสียมาก่อนก็จะดุว่า อารมณ์ที่ไม่คงเส้นคงวานี้ทำให้เด็กสับสนมากว่าอะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้
ผลกระทบ: เด็กจะขาดความเข้าใจในผลที่ตามมาของการกระทำของตนเอง และจะสับสนกับมาตรฐานของพฤติกรรมที่คาดหวัง ทำให้ไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมของตนเองได้อย่างเหมาะสม
วิธีแก้ไข:
- ฝึกวินัยเชิงบวก: ใช้วิธีการฝึกวินัยเชิงบวก โดยเน้นการให้กำลังใจเมื่อลูกทำดี และให้คำแนะนำเมื่อลูกทำผิด
- สม่ำเสมอในการฝึกวินัย: ฝึกวินัยอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง ไม่ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของพ่อแม่
- อธิบายเหตุผล: อธิบายเหตุผลเบื้องหลังการฝึกวินัย เพื่อให้ลูกเข้าใจและยอมรับ
- หลีกเลี่ยงการลงโทษโดยใช้อารมณ์: หลีกเลี่ยงการลงโทษโดยใช้อารมณ์ เช่น การตะคอกลูก หรือการใช้คำพูดที่รุนแรง ซึ่งจะส่งผลเสียต่อความรู้สึกของลูก
วิธีการฝึกวินัยที่ดีคือ เริ่มต้นด้วยการบอกลูกว่าเราอยากให้ลูกทำตัวอย่างไร เมื่อลูกทำได้ดีก็ชมเชยให้กำลังใจ ซึ่งไม่จำเป็นต้องให้รางวัลเป็นของเสมอไป แต่ถ้าลูกทำผิดก็ต้องมีผลที่ตามมาจากการกระทำนั้น
สิ่งที่ไม่ควรทำคือ การดุด่าว่ากล่าวให้ลูกเสียใจ เช่น ‘ทำไมถึงเป็นเด็กไม่ดีแบบนี้’ แต่ควรพูดถึงพฤติกรรมที่ลูกทำผิด เช่น ‘การที่ลูกพูดคำหยาบเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แม่จำเป็นต้องงดค่าขนมลูกในวันพรุ่งนี้’
จากการศึกษาพบว่า การแสดงสีหน้าท่าทางว่าไม่พอใจเล็กน้อย และพูดเสียงดังขึ้นนิดหน่อย อาจช่วยให้ลูกรับรู้ถึงความไม่พอใจของเราได้ดีกว่า แต่ต้องระวังอย่าใช้อารมณ์หรือตะโกนเสียงดัง และเมื่อลูกปรับปรุงตัวหลังจากที่เราแสดงสีหน้าไม่พอใจแล้ว เราก็ต้องหยุดแสดงสีหน้าไม่พอใจหรือหยุดดุลูกทันที

-
พ่อแม่ที่แก้ปัญหาไม่เป็น
เมื่อครอบครัวเผชิญปัญหา ก็ไม่ได้จัดการอย่างเหมาะสม หรือใช้วิธีแก้ไขที่ไม่ถูกต้อง เช่น เมื่อลูกไปทำร้ายเพื่อน แล้วครูแจ้งให้ทราบ พ่อแม่กลับลงโทษลูกด้วยการตี พร้อมกับบอกว่า ‘อย่าไปทำร้ายคนอื่น’ ซึ่งนี่เป็นตัวอย่างของการจัดการปัญหาที่ผิดวิธี
ผลกระทบ: เด็กจะไม่ได้รับการสอนวิธีการแก้ไขปัญหาที่เหมาะสม และอาจเรียนรู้ว่าความรุนแรงเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ยอมรับได้
วิธีแก้ไข:
- สร้างบรรยากาศที่เปิดเผย: สร้างบรรยากาศในครอบครัวที่ส่งเสริมให้มีการพูดคุยและระบายความรู้สึกอย่างเปิดเผยเมื่อมีปัญหา
- สอนทักษะการแก้ไขปัญหา: สอนลูกถึงขั้นตอนและวิธีการแก้ไขปัญหาอย่างสร้างสรรค์และสงบ
- ใช้ความเข้าใจและความรัก: เมื่อเกิดปัญหา ให้ใช้ความเข้าใจ ความอดทน และความรักในการพูดคุยกับลูก เพื่อทำความเข้าใจสาเหตุของปัญหา
- เน้นการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ: แทนที่จะใช้ความรุนแรง ให้ใช้การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพในการสอนลูกถึงพฤติกรรมที่เหมาะสม
ตัวอย่างการแก้ไขปัญหาที่ถูกต้อง:
- “แม่เสียใจมากที่ลูกตีคนอื่น เป็นสิ่งที่แม่ยอมรับไม่ได้ ลองบอกแม่ซิว่าเกิดอะไรขึ้น ลูกถึงทำเช่นนี้”
- “เรามาช่วยกันคิดหาวิธีจัดการกับปัญหานี้โดยที่ไม่ต้องใช้ความรุนแรงกันนะ”
-
พ่อแม่ที่ทำให้ลูกเจ็บ
การศึกษา พฤติกรรมพ่อแม่ที่ทำให้ลูกก้าวร้าว พบว่าพ่อแม่ที่ทำให้ลูกเจ็บทั้งกายและจิตใจ ลูกโตขึ้นจะเป็นเด็กก้าวร้าว มีปัญหา และเมื่อโตเป็นพ่อแม่ก็จะใช้ความรุนแรงกับลูกของตนต่อไป
เด็กก้าวร้าว ถ้ามองให้ลึกๆ แล้ว มักเป็นเด็กที่ไม่มีความสุข มีความเจ็บปวดอยู่ในส่วนลึกของจิตใจ คนที่มีความสุขจะไม่ทำให้คนอื่นมีความทุกข์ มีแต่เฉพาะคนที่มีความทุกข์เท่านั้นที่ทำให้ผู้อื่นมีความทุกข์ วิธีการทำให้เด็กเจ็บ ได้แก่ การดุด่า การประณาม เช่น ด่าว่า พูดจาเสียดสีถากถาง ดูถูก ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ฝังแน่นในหัวใจเด็กและปรากฏออกมาในพฤติกรรมก้าวร้าวของเด็ก
ผลกระทบ: การทำร้ายร่างกายและจิตใจเด็กจะสร้างบาดแผลทางอารมณ์ที่ฝังลึก ทำให้เด็กเติบโตขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด ความโกรธ และความก้าวร้าว ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมและความสัมพันธ์ของเด็กในระยะยาว
วิธีแก้ไข:
- หลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง: หลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการทำร้ายร่างกายหรือการทำร้ายจิตใจ
- ใช้คำพูดที่สร้างสรรค์: ใช้คำพูดที่สร้างสรรค์และให้กำลังใจ แทนการดุด่า ประณาม หรือดูถูก
- สร้างความรู้สึกปลอดภัย: สร้างบรรยากาศในครอบครัวที่อบอุ่น ปลอดภัย และส่งเสริมให้ลูกรู้สึกมั่นคงทางอารมณ์
- ให้ความรักและการยอมรับ: ให้ความรักและการยอมรับลูกอย่างไม่มีเงื่อนไข เพื่อให้ลูกรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่าและเป็นที่รัก
- ตระหนักถึงผลกระทบ: ตระหนักว่าแม้แต่การกระทำหรือคำพูดที่ดูเหมือนเล็กน้อย ก็อาจส่งผลกระทบต่อลูกได้อย่างมาก
- ตัวอย่างการสื่อสารที่สร้างสรรค์:
- “แม่เข้าใจว่าลูกกำลังรู้สึกโกรธ แต่การใช้ความรุนแรงไม่ใช่ทางออกนะ”
- “แม่เชื่อมั่นในตัวลูกว่าลูกสามารถทำได้ดีกว่านี้”
- “แม่รักลูกนะ และแม่จะอยู่ตรงนี้เพื่อช่วยเหลือลูกเสมอ”
พ่อแม่อาจประเมินต่ำเกินไปถึงผลกระทบของการกระทำที่รุนแรงต่อลูก แม้จะเป็นเพียงเล็กน้อยก็ตาม งานวิจัยแสดงให้เห็นว่า การมีปฏิสัมพันธ์ที่รุนแรงเพียง 10 ครั้ง จาก 100 ครั้งระหว่างพ่อแม่กับลูก ก็สามารถนำไปสู่พฤติกรรมก้าวร้าวและอันธพาลในเด็กได้ นั่นหมายความว่า ในทุกๆ 100 ครั้งที่เราสื่อสารกับลูก หากมีเพียง 10 ครั้งที่เราใช้ความรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นการพูดจาหรือการกระทำ ก็อาจส่งผลเสียต่อพัฒนาการของลูกได้อย่างมาก
ดังนั้น พ่อแม่ควรตระหนักว่าการกระทำและคำพูดของตนเองมีอิทธิพลอย่างมากต่อพัฒนาการทางอารมณ์และพฤติกรรมของลูก หากพ่อแม่สำรวจตัวเองแล้วพบว่า มีพฤติกรรมดังกล่าว ควรรีบแก้ไขนะคะ อย่าปล่อยให้สายเกินไป
ที่มา : คัมภีร์เลี้ยงลูก
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ลูกชอบกัด เพราะอะไร ทำยังไงให้ลูกเลิกกัด? พร้อมวิธีแก้ปัญหา
พฤติกรรม ลูกตีพ่อแม่ แก้ยังไง? วิธีจัดการอย่างสร้างสรรค์ และได้ผล
วิธีสอนลูก เรื่องการคบเพื่อน ป้องกันลูกเดินทางผิด เพราะกลัวเพื่อนไม่คบ
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!