คนท้องควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ในช่วงที่ตั้งครรภ์ ไม่ว่าจะเป็นผัก ผลไม้ หรืออาหารที่มีธาตุเหล็ก วิตามิน แคลเซียม หรือแมกนีเซียม คุณแม่หลาย ๆ ท่าน กำลังมองหาน้ำมันปลามารับประทาน เพื่อช่วยเสริมสร้างสารอาหารให้กับครรภ์ ว่าแต่ น้ำมันปลา ดีต่อแม่ที่ตั้งครรภ์จริง ๆ หรือไม่ เรามาหาคำตอบกัน
น้ำมันปลากับน้ำมันตับปลา เหมือนกันหรือเปล่า
น้ำมันปลา (Fish Oil) เป็นน้ำมันที่ได้จากการสกัดเนื้อ หัว หาง และหนังของปลาแซลมอน ปลาแมคคอเรล และปลาทูน่า ซึ่งเป็นแหล่งของกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวอย่างโอเมก้า 3 (Omega 3 ) โดยจะประกอบไปด้วย อีพีเอ (EPA) และ ดีเอชเอ (DHA) ซึ่งกรดไขมันเหล่านี้ จะช่วยให้ระบบหลอดเลือด หัวใจ สมอง และสายตาทำงานได้ดียิ่งขึ้น
ส่วนน้ำมันตับปลา (Cod Liver Oil) ที่เราเคยได้ยินกันบ่อย ๆ ทางทีวีนั้น เป็นน้ำมันที่ได้จากตับของปลาทะเล ให้วิตามินเอ ที่ช่วยบำรุงผิวพรรณ และมีวิตามินดี ที่ช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่กระดูก แต่หากรับประทานมากเกินไป อาจทำให้ร่างกายเกิดพิษได้
คนท้องกินน้ำมันปลาได้ไหม น้ำมันตับปลาช่วยอะไร
คนท้องสามารถกินน้ำมันปลาได้ เพราะน้ำมันปลามีสารอาหารอย่างโอเมก้า 3 ที่ช่วยบำรุงร่างกายคุณแม่ตอนตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตาม หากคุณแม่มีโรคประจำตัว หรือต้องการรับประทานน้ำมันปลาเป็นครั้งแรก ก็ให้ปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง
น้ำมันปลา มีประโยชน์ต่อคนท้องอย่างไร น้ำมันตับปลาช่วยอะไร
น้ำมันปลานั้น ประกอบไปด้วยโอเมก้า 3 ซึ่งมีส่วนช่วยลดการอักเสบของกระดูกในช่วงตั้งครรภ์ นอกจากนี้ ดีเอชเอ ในน้ำมันปลา ยังช่วยสร้างกระดูก เซลล์ต่าง ๆ รวมถึงเนื้อเยื่อในร่างกายคุณแม่ และยังช่วยป้องกันการเกิดลิ่มเลือดในระหว่างการตั้งครรภ์ ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันแก่ร่างกาย และช่วยควบคุมปริมาณไตรกลีเซอร์ไรด์ ซึ่งเป็นไขมันที่อันตรายต่อร่างกายได้อีกด้วย
ทั้งนี้ น้ำมันปลา ยังมีส่วนช่วยป้องกันไม่ให้เกล็ดเลือดเกาะตัวตามอวัยวะต่าง ๆ ช่วยควบคุมการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติ ช่วยควบคุมระบบไหลเวียนโลหิต ช่วยลดความดัน ช่วยลดปัญหาข้อเข่าเสื่อม ข้อเข่าอักเสบ อาการปวดข้อ รวมทั้งช่วยยับยั้งภาวะสมองเสื่อมหรือโรคอัลไซเมอร์ ช่วยลดภาวะซึมเศร้า ลดอาการปวดหัว บรรเทาอาการหอบหืด และรักษาโรคทางผิวหนังอย่างโรคเรื้อนกวาง สะเก็ดเงิน หรือผื่นแดงตามร่างกายได้

ข้อควรระวังขณะรับประทานน้ำมันปลา
ถึงน้ำมันปลาจะมีประโยชน์ต่อร่างกายของคุณแม่ แต่ก็ควรทานอย่างระมัดระวัง โดยปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้
- ไม่ควรรับประทานน้ำมันปลา ในช่วงที่มีอายุครรภ์มากกว่า 6 เดือน เพราะอาจทำให้ร่างกายเกิดภาวะเลือดแข็งตัวช้า ซึ่งเป็นอันตรายต่อการคลอดบุตร
- ไม่ควรรับประทานน้ำมันปลาในช่วง 3 เดือนแรกที่ตั้งครรภ์ เพราะน้ำมันปลาอาจเป็นอันตรายต่อตัวอ่อนในท้องได้
- การทานน้ำมันปลา อาจมีผลข้างเคียงอย่างอาการคลื่นไส้ หากคุณแม่คนไหนที่กำลังคลื่นไส้เพราะแพ้ท้อง ก็อาจคลื่นไส้รุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม
- การรับประทานน้ำมันปลา อาจทำให้เสี่ยงต่อการเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูง
- หากรับประทานน้ำมันปลาชนิดแคปซูลเยอะเกินไป อาจทำให้ยาสะสมอยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายในปริมาณมาก จนทำให้ลูกที่เกิดมาพิการ
น้ำมันปลา ควรกินตอนไหน
หากต้องการทานน้ำมันปลา ไม่ควรทานเกินวันละ 3,000 กรัม และควรรับประทานหลังอาหาร หรือจะรับประทานพร้อมกับอาหารก็ได้ เพราะถือว่าเป็นช่วงที่ร่างกาย จะดูดซับสารอาหารได้ดีกว่าช่วงอื่น ๆ ทั้งนี้ หากต้องการทานพร้อมกับวิตามินตัวอื่น ๆ ก็สามารถทานได้ ไม่มีผลข้างเคียง หรือผลกระทบใด ๆ ต่อร่างกาย แต่หากมีโรคประจำตัว หรือทานยาชนิดใดชนิดหนึ่งอยู่ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการรับประทานน้ำมันปลา เพราะน้ำมันปลาอาจไปทำปฏิกิริยากับยาตัวอื่น ๆ ที่กำลังรับประทานอยู่
บทความที่เกี่ยวข้อง : 8 อาหารเสริมแคลเซียมสำหรับคนท้องที่ไม่ชอบดื่มนม
ผลข้างเคียงของน้ำมันปลา
น้ำมันปลามีชื่อเสียงในเคื่องด้านคุณสมบัติส่งเสริมสุขภาพมากมาย ละยังอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่ดีต่อสุขภาพหัว น้ำมันปลานั้นยังช่วยลดระดับไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือด บรรเทาอาการอักเสบ บรรเทาอาการต่าง ๆ ได้ อย่างไรก็ตาม การรับประทานน้ำมันปลาไม่ได้ดีเสมอไป และการรับประทานน้ำมันปลาในปริมาณที่สูงเกินไปอาจส่งผลเสียมากกว่าผลดีต่อสุขภาพของคุณ ต่อไปนี้คือผลข้างเคียงหรือโทษของน้ำมันปลา ที่อาจจะเกิดขึ้นได้เมื่อคุณกินน้ำมันปลาหรือกรดไขมันโอเมก้า 3 มากเกินไป
- น้ำตาลในเลือดสูง
- เลือดออก
- ความดันโลหิตต่ำ
- โรคท้องร่วง
- กรดไหลย้อน
- โรคหลลอดเบือดในสมอง
- นอนไม่หลับ
การรับประทานน้ำมันปลามากจนเกินกว่าที่กำหนด อาจจะเกิดผลเสียต่อสุขภาพมากกว่าผลดีที่จะได้รับ อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะรับประทานควรปรึกษาทางแพทย์เพื่อความปลอดภัย และลดความเสี่ยงของตัวคุณเอง

คำแนะนำจากเภสัชกร เกี่ยวกับการทานน้ำมันปลา
เภสัชกรหญิงวิชชุลดา ผรณเกียรติ์ เล่าให้ฟังว่า คนท้องไม่ควรรับประทานน้ำมันตับปลา เนื่องจากมีปริมาณของวิตามินเอสูง ซึ่งอาจจะส่งผลให้เกิดความผิดปกติต่อทารกในครรภ์ได้ แต่หากอยากรับประทานน้ำมันปลา ก็ควรหลีกเลี่ยงน้ำมันปลาในรูปแบบแคปซูลหรือยาเม็ด และหันมาทานน้ำมันปลาที่หาได้จากอาหารแทน เช่น ปลาซาร์ดีน ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลากะพงแดง กุ้งปูทะเล ถั่วเหลือง ข้าวโอ๊ต ถั่วอัลมอลต์ และเมล็ดฟักทอง เป็นต้น เพราะอาหารเหล่านี้ มีปริมาณน้ำมันปลาที่เหมาะสมและพอดีสำหรับคนท้อง
และเมื่อเข้าสู่การตั้งครรภ์ในเดือนที่ 6 เป็นต้นไป คุณแม่ควรงดทานน้ำมันปลา เพราะน้ำมันปลาอาจทำให้เกล็ดเลือดในร่างกายคุณแม่จับตัวกันเป็นก้อน ทําให้เลือดแข็งตัวช้าเมื่อต้องผ่าตัด หรือมีแผล นอกจากนี้ ยังอาจทำให้ปากมดลูกเปิดได้ด้วยในบางกรณีด้วย
เมื่อต้องการรับประทานอาหารชนิดใด ๆ เป็นพิเศษ ทางที่ดี คุณแม่ควรเข้าปรึกษาคุณหมอ เพื่อให้ได้รับคำแนะนำที่เหมาะสมและถูกต้อง แม้จะมีอาหารบางชนิดที่เราเชื่อว่าให้ประโยชน์ต่อลูกในท้องและตัวเรา แต่ของบางอย่าง กินเข้าไปอาจทำให้ร่างกายทรุดโทรม หรือป่วยได้ นอกจากนี้ ในแต่ละวัน คุณแม่ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียดเกินไป และหมั่นออกกำลังกายด้วยการขยับร่างกายเบา ๆ หรือการเดินด้วยนะคะ เพื่อให้ลูกในท้อง ได้ลืมตามาดูโลกอย่างแข็งแรงและมีความสุขค่ะ
บทความอื่น ๆที่เกี่ยวข้อง :
อาหารคนท้องไตรมาส 2 สารอาหารแบบไหนบำรุงร่างกายให้แข็งแรง
5 สารอาหารที่คนท้องควรได้รับก่อนคลอด สำคัญอย่างไร มีสารอาหารอะไรบ้าง
กินคอลลาเจนตอนท้องได้ไหม คุณแม่กินสารอาหารบำรุงผิวอะไรได้บ้าง?
ร่วมแชร์ความเห็นหรือประสบการณ์ เกี่ยวกับน้ำมันปลา ได้ที่นี่!
น้ำมันปลา คนท้องกินได้ไหมคะ กินแล้วจะมีอันตรายอะไรกับลูกไหมคะ
น้ำมันปลาประโยชน์ คืออะไรเหรอคะ เห็นเพื่อนที่ทำงาน ซื้อให้ลูกทานกัน
ประโยชน์ของน้ำมันปลา มีอะไรบ้าง ช่วยเรื่องอะไรบ้าง มียี่ห้อไหนแนะนำบ้างคะ
น้ำมันปลากินตอนไหน ดีที่สุดคะ ช่วงก่อนนอนสามารถทานได้มั้ยคะ
fishoilกินตอนไหน ช่วยเรื่องอะไรบ้าง มีใครแนะนำได้บ้างคะ
ประโยชน์น้ำมันปลา มีอะไรบ้าง หากจะให้เด็กทานจะเป็นไรไหม
โทษของน้ำมันปลา มีอะไรบ้าง ผลข้างเคียงคืออะไร
อ้างอิงข้อมูลจาก : 1 , 2 , 3 , 4
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!