คุณพ่อคุณแม่รู้ไหมว่า นอกจากฝนที่ทำให้เราชุ่มฉ่ำแล้ว ยังมีวายร้ายตัวจิ๋วที่ชื่อว่า ไวรัสอาร์เอสวี แฝงตัวมาด้วย! เจ้าเชื้อโรคตัวนี้ชอบระบาดเป็นพิเศษในช่วงหน้าฝน มักพบการระบาดสูงช่วงเดือนมิถุนายนถึงตุลาคมของทุกปี และดูเผินๆอาการก็คล้ายไข้หวัดทั่วไป แต่ความร้ายกาจคือ สามารถทำให้ลูกน้อยป่วยหนักถึงขั้นปอดอักเสบและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้เลยทีเดียว โดยเฉพาะกลุ่มเด็กแรกเกิดจนถึง 2 ปี ตามสถิติ เด็กทุกคนจะต้องเคยติดเชื้ออาร์เอสวี อย่างน้อย 1 ครั้งในชีวิตก่อนอายุ 5 ขวบ
แต่ไม่ต้องกังวลไปค่ะ! เพราะในยุคนี้เรามีตัวช่วยที่ทรงพลังอย่าง “ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป” ที่เปรียบเสมือนเกราะป้องกันพร้อมใช้งานได้ทันที ไม่ต้องรอให้ร่างกายสร้างภูมิเองเหมือนวัคซีนทั่วไป จึงเป็นทางเลือกใหม่ที่ช่วยให้ลูกน้อยปลอดภัยจากเจ้าวายร้ายตัวนี้ได้
วันนี้ theAsianparent จะพาคุณพ่อคุณแม่ไปทำความรู้จักกับวิธีสร้างเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งให้ลูกรัก จาก ศ.พญ.ธันยวีร์ ภูธนกิจ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านวิจัยโรคติดเชื้อเด็กและวัคซีน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป เพื่อหยุดความกังวลและทำให้ลูกน้อยเติบโตอย่างแข็งแรง ห่างไกลจากไวรัสร้ายอาร์เอสวีค่ะ
ทำความรู้จัก “ไวรัสอาร์เอสวี” ตัวร้าย ที่มาพร้อมกับหน้าฝน
หน้าฝนเวียนมาอีกครั้ง พร้อมกับสายลมเย็นชุ่มฉ่ำ และหนึ่งในแขกไม่ได้รับเชิญที่มักมาเยือนพร้อมกับฤดูกาลนี้ก็คือ “ไวรัสอาร์เอสวี” ตัวร้ายที่คุณพ่อคุณแม่หลายคนอาจยังไม่คุ้นเคยนัก แต่เป็นภัยใกล้ตัวของลูกน้อย โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็ก
ไม่ต้องกังวลไปค่ะ เพราะการมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง คือเกราะป้องกันที่ดีที่สุดให้กับลูกรัก มาทำความรู้จักกับไวรัสตัวนี้ให้มากขึ้นกันนะคะ
“อาร์เอสวี” คืออะไร?
อาร์เอสวี หรือ Respiratory Syncytial Virus คือไวรัสตัวร้ายที่มาพร้อมกับหน้าฝน เป็นสาเหตุสำคัญของการติดเชื้อทางเดินหายใจในเด็ก โดยเฉพาะเด็กเล็กที่อายุต่ำกว่า 2 ปี และมักจะมีการระบาดสูงในช่วงเดือนมิถุนายนถึงตุลาคมของทุกปีค่ะ ไวรัสชนิดนี้มีสองสายพันธุ์หลักคือ RSV-A และ RSV-B ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ควรทำความรู้จักเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกันค่ะ
อาการป่วยจากอาร์เอสวีเป็นอย่างไร?
เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่สังเกตอาการป่วยของลูกน้อยได้อย่างแม่นยำ และไม่สับสนระหว่างอาการป่วยจาก “ไวรัสอาร์เอสวี” กับไข้หวัดธรรมดา ลองมาดูข้อสังเกตง่ายๆ ดังนี้ค่ะ
ในระยะแรก อาการของอาร์เอสวี จะคล้ายกับไข้หวัดทั่วไป คือมีไข้ ไอ จาม น้ำมูกไหล แต่สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษคือ หากลูกน้อยมีอาการเหล่านี้ร่วมด้วย อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าอาการเริ่มรุนแรงขึ้นแล้วค่ะ
- ไข้สูง และ ไอแรง
- หอบเหนื่อย หรือ หายใจเร็ว
- มีเสียงผิดปกติขณะหายใจ เช่น เสียงหวีดหวือ หรือเสียงครืดคราดในลำคอ
อาการเหล่านี้เป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าเชื้อไวรัสอาจลุกลามลงสู่ทางเดินหายใจส่วนล่าง ทำให้เกิดการอักเสบที่หลอดลมฝอยและปอดได้ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็กที่อายุต่ำกว่า 2 ปี เด็กที่มีภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรง หรือเด็กที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับหัวใจและปอด หากปล่อยไว้อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่อันตราย เช่น หลอดลมฝอยอักเสบ หูอักเสบ หรือปอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย ทำให้การรักษาซับซ้อนและใช้เวลานานขึ้นได้ค่ะ
ต่างจากไข้หวัดธรรมดาอย่างไร?
ในผู้ใหญ่หรือเด็กโตที่แข็งแรง อาการของอาร์เอสวีอาจไม่แตกต่างจากไข้หวัดทั่วไป แต่สิ่งที่ทำให้น่ากังวลคือความสามารถในการลุกลามอย่างรวดเร็วในกลุ่มเด็กเล็ก โดยเฉพาะกลุ่มอายุแรกเกิดจนถึง 2 ปี ที่อาจเริ่มจากอาการไข้หวัดธรรมดา และลุกลามไปสู่การอักเสบของหลอดลมและปอดได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นจุดที่แตกต่างและอันตรายมากกว่าไข้หวัดธรรมดาค่ะ
เด็กยิ่งเล็ก ยิ่งเสี่ยงอาการรุนแรง
โรคติดเชื้อทางเดินหายใจจากไวรัสอาร์เอสวี เป็นโรคที่เด็กทุกคนจะต้องเผชิญอย่างน้อยหนึ่งครั้งก่อนอายุ 5 ขวบ 90% ของเด็กจะติดเชื้อ RSV ภายใน 2 ขวบปีแรก โดยมีถึง 50% ของเด็กที่ติดเชื้อภายในขวบปีแรก
และที่น่ากังวลคือ ยิ่งเด็กเล็ก ยิ่งมีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะเด็กที่อายุน้อยกว่า 1 ปี ไม่ว่าจะเป็นเด็กที่คลอดครบกำหนด คลอดก่อนกำหนด หรือมีโรคประจำตัว ก็ล้วนมีโอกาสติดเชื้อและอาจมีอาการรุนแรงจนถึงขั้นต้องเข้ารักษาในหออภิบาลผู้ป่วยเด็กวิกฤต และอาจเสียชีวิตได้
1 ใน 3 ของเด็กเล็กที่ติดเชื้ออาร์เอสวี มีอาการรุนแรงลามไปถึงทางเดินหายใจส่วนล่าง เช่น หลอดลมฝอยอักเสบ หรือปอดอักเสบ นอกจากนี้แม้หายป่วยแล้ว ผลกระทบของโรคอาจทำให้เกิดภาวะหลอดลมไวในช่วง 5 ปีแรก และบางรายอาจพัฒนาเป็นโรคหอบหืดได้ในอนาคต
คุณพ่อคุณแม่จึงควรสังเกตอาการของลูกน้อยอย่างใกล้ชิด หากพบอาการผิดปกติ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อให้ลูกได้รับการรักษาที่ถูกต้องและปลอดภัยจากภัยร้ายนี้ค่ะ

เกราะป้องกันที่พ่อแม่สร้างได้ด้วยตัวเอง ช่วยลูกน้อยห่างไกลจากไวรัสอาร์เอสวี
เพื่อให้ลูกน้อยห่างไกลจากไวรัส RSV คุณพ่อคุณแม่สามารถสร้างเกราะป้องกันได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง เพียงดูแลและใส่ใจใน 3 เรื่องสำคัญดังนี้ค่ะ
1. การสร้างภูมิคุ้มกันจากภายใน
“นมแม่” คือเกราะป้องกันชั้นยอดที่ธรรมชาติมอบให้ลูกน้อย เพราะในนมแม่เต็มไปด้วยสารอาหารและภูมิคุ้มกันที่ช่วยปกป้องลูกจากเชื้อโรคร้ายต่าง ๆ แม้จะให้ลูกดื่มนมแม่เพียงบางส่วน ก็สามารถลดความเสี่ยงในการติดเชื้อในกระแสเลือดและโรคทางเดินหายใจจากอาร์เอสวีได้อย่างมีนัยสำคัญ หากลูกติดเชื้อ อาการก็จะไม่รุนแรง นอกจากนี้ นมแม่ยังช่วยลดโอกาสเกิดโรคท้องเสีย และการอักเสบในหูได้อีกด้วยค่ะ
2. สร้างสุขอนามัยที่ดีเป็นประจำ
การล้างมือเป็นหัวใจสำคัญของการป้องกันโรค เพราะมือของเราคือแหล่งสะสมเชื้อโรคที่ดีที่สุด คุณพ่อคุณแม่และทุกคนในครอบครัวจึงควรหมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ ทั้งมือของตัวเองและมือของลูกน้อย การล้างมืออย่างถูกวิธีสามารถลดเชื้อโรคได้ถึง 70% เลยทีเดียว อย่าลืมทำความสะอาดของเล่นและอุปกรณ์ต่าง ๆ ของลูกเป็นประจำด้วยนะคะ
3. สร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย
นอกจากสุขอนามัยส่วนตัวแล้ว การดูแลความสะอาดของสภาพแวดล้อมรอบตัวก็สำคัญไม่แพ้กัน ควรทำความสะอาดบ้านและของเล่นของลูกอยู่เสมอ และที่สำคัญคือ หลีกเลี่ยงการพาลูกน้อยไปในที่ชุมชน หรือสถานที่ที่ผู้คนแออัด ไม่ว่าลูกจะสบายดีหรือกำลังป่วยก็ตาม เพราะสถานที่เหล่านี้มีความเสี่ยงสูงที่จะมีการแพร่กระจายของเชื้อโรคค่ะ

ทางเลือกใหม่! “ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป” อีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญ
นอกจากการดูแลและป้องกันเบื้องต้นแล้ว วันนี้ยังมีอีกหนึ่งทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจสำหรับคุณพ่อคุณแม่ นั่นก็คือ “ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปอาร์เอสวี”
ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปอาร์เอสวี คืออะไร?
หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับคำว่า “วัคซีน” แต่ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปนี้ ไม่ใช่การฉีดวัคซีน แต่เป็นการฉีด “แอนติบอดี” หรือภูมิต้านทานเข้าสู่ร่างกายของลูกน้อยโดยตรง ทำให้ร่างกายมีเกราะป้องกันจากเชื้อไวรัสอาร์เอสวี ได้ทันที และสามารถป้องกันได้ยาวนานถึง 6 เดือนเลยทีเดียว
ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ได้ออกแนวทางเพื่อแนะนำให้ใช้ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป Nirsevimab กับทารกทุกคนตั้งแต่วัยแรกเกิดจนถึง 8 เดือน และยังสามารถพิจารณาใช้ในเด็กอายุ 8-12 เดือนได้ด้วยค่ะ
ประโยชน์ของภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป
จากผลการวิจัยยืนยันว่าภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปสามารถช่วยลดความเสี่ยงและความรุนแรงของการติดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้
- ลดความเสี่ยง ที่ลูกน้อยจะต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลจากการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจส่วนล่างได้ถึง 79.5%
- ลดความเสี่ยง ในการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลจากเชื้อ RSV โดยรวมได้ถึง 82.7%
- ลดระยะเวลา การรักษา และ ลดโอกาส ที่จะต้องเข้ารับการรักษาในหออภิบาลผู้ป่วยวิกฤตได้ถึง 75.3%
เนื่องจากสถานการณ์ของเชื้ออาร์เอสวี กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นและคาดว่าจะระบาดสูงสุดในช่วงเดือนสิงหาคมถึงตุลาคมนี้ คุณพ่อคุณแม่ที่มีทารกแรกเกิดหรือลูกน้อยในวัยที่เข้าข่าย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอรับคำแนะนำเกี่ยวกับทางเลือกในการป้องกันด้วยภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปนี้ เพื่อสร้างความอุ่นใจและปกป้องลูกน้อยจากภัยร้ายที่มองไม่เห็นค่ะ
เพื่อความเข้าใจที่ครอบคลุมและสร้างเกราะป้องกันให้ลูกน้อยได้อย่างมั่นใจ สามารถรับชมข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับไวรัส RSV ได้ที่นี่ค่ะ
เครดิต
- โรคติดเชื้อไวรัสอาร์เอสวี (Respiratory Syncytial Virus), กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธาณสุข
- โรคติดเชื้ออาร์เอสวี RSV, สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย
- ไขข้อควรรู้ ในเด็กเล็ก ภัยจากไวรัสที่มีกระบาดในช่วงฤดูฝน, กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค
- มหัศจรรย์น้ำนมแม่ช่วยเด็กป่วย ตอน 2, มูลนิธินมแม่แห่งประเทศไทย
- แนวทางการให้ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป Nirsevimab เพื่อป้องกันโรครุนแรงจากการติดเชื้อไวรัสอาร์เอสวี, ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย
- MedUMORE ฝ่ายบริการวิชาการ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย RSV รับมือให้ทัน ป้องกันได้ก่อนป่วย
- Munro, Alasdair P SFrance, et al., The Lancet Child & Adolescent Health, Volume 9, Issue 6, 404 – 412, June 2025
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!