ลูกอาเจียนหลังกินนม มักสร้างความกังวลใจให้กับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ เพราะไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องปกติ หรือเป็นสัญญาณของความผิดปกติบางอย่าง ลูก “อาเจียน” ต่างจาก “แหวะนม” อย่างไร บทความนี้มีแนวทางการรับมือเมื่อลูกน้อยอาเจียนหลังกินนม รวมถึงวิธีสังเกตสัญญาณที่ควรเฝ้าระวัง มาฝากคุณพ่อคุณแม่ค่ะ
ลูกอาเจียน vs. ลูกแหวะนม แตกต่างกันอย่างไร?
การสังเกตลักษณะและปริมาณนมที่ออกมา รวมถึงอาการร่วมอื่นๆ ของลูก จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่แยกแยะอาการเบื้องต้นระหว่าง ลูกอาเจียน และ ลูกแหวะนม ได้ดังนี้
- ลูกแหวะนม (Regurgitation) จะมีนมไหลย้อนออกมาทางปากเล็กน้อย เหมือนน้ำล้นจากแก้วเบาๆ มักเกิดขึ้นหลังกินนมไม่นาน ลูกแหวะนมจะไม่แสดงอาการเจ็บป่วย ไม่มีอาการผิดปกติอื่นๆ ร่วมด้วย ปริมาณนมที่ออกมามักไม่มาก อาจเกิดขึ้นได้บ่อยในทารก เนื่องจาก กล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารส่วนล่างยังทำงานไม่สมบูรณ์
- ลูกอาเจียน (Vomiting) นมจะพุ่งออกมาอย่างแรง ปริมาณนมที่ออกมาค่อนข้างมาก ลูกอาจมีอาการไม่สบายตัว ร้องกวน หรือแสดงอาการผิดปกติอื่นๆ ร่วมด้วย โดยปริมาณนมที่ออกมามากกว่าแหวะนมอย่างเห็นได้ชัด มักเกิดขึ้นเป็นครั้งคราวขึ้นอยู่กับสาเหตุ

ลูกอาเจียนหลังกินนม เกิดจากอะไร?
ลูกอาเจียนหลังกินนม คุณพ่อคุณแม่ย่อมเกิดความสงสัยว่า สาเหตุเกิดจากอะไร? ซึ่งสาเหตุนั้นมีได้หลากหลาย ดังนี้
สาเหตุทั่วไปที่ไม่น่ากังวล
- กินนมมากเกินไป กระเพาะอาหารของทารกยังมีขนาดเล็ก หากได้รับนมในปริมาณที่มากเกินกว่าความจุ อาจทำให้เกิดการสำรอกหรืออาเจียนออกมาเพื่อระบายออก
- กลืนลมเข้าไปมากขณะดูดนม ในระหว่างที่ลูกดูดนม ไม่ว่าจะเป็นจากเต้านมหรือขวดนม ลูกอาจกลืนลมเข้าไปพร้อมกับน้ำนม หากมีลมในกระเพาะอาหารมากเกินไป ร่างกายก็จะพยายามขับลมออกมา ซึ่งอาจมีนมออกมาด้วย
- การเคลื่อนไหวหรือเปลี่ยนท่าทางหลังกินนมทันที การจับลูกเรอ การเปลี่ยนเสื้อผ้า หรือการเล่นกับลูกทันทีหลังกินนม อาจเพิ่มแรงกดที่กระเพาะอาหาร ทำให้เกิดการอาเจียนได้
สาเหตุที่ควรสังเกตและอาจต้องปรึกษาแพทย์
- การแพ้นมวัวหรือส่วนประกอบในนม ระบบภูมิคุ้มกันของทารกบางคนอาจตอบสนองต่อโปรตีนในนมวัวหรือส่วนประกอบอื่นๆ ในนม ทำให้เกิดอาการแพ้ ซึ่งอาจแสดงออกมาในรูปแบบของผื่น อาเจียน ท้องเสีย หรืออาการอื่นๆ
- การติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร เช่น ไวรัส แบคทีเรีย การติดเชื้อในกระเพาะอาหารและลำไส้เป็นสาเหตุที่พบบ่อยของอาการอาเจียนในเด็ก ซึ่งมักมาพร้อมกับอาการอื่น เช่น ท้องเสีย มีไข้ และอาจมีอาการปวดท้องร่วมด้วย
- ภาวะกรดไหลย้อนในทารก แม้ว่าการไหลย้อนของกรดในปริมาณเล็กน้อยจะเป็นเรื่องปกติในทารก แต่หากมีอาการอาเจียนบ่อยครั้ง ร่วมกับอาการร้องกวนหลังกินนม แหวะนมปริมาณมาก หรือมีอาการแสดงถึงความไม่สบายตัว อาจเป็นสัญญาณของภาวะกรดไหลย้อนที่ต้องได้รับการดูแล
- การอุดตันในระบบทางเดินอาหาร (พบได้น้อย) ในบางกรณีที่พบได้น้อยมาก การอาเจียนอย่างรุนแรงและต่อเนื่องอาจเป็นสัญญาณของการอุดตันในส่วนใดส่วนหนึ่งของระบบทางเดินอาหาร ซึ่งเป็นภาวะที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน
- โรคทางเมตาบอลิกบางชนิด (พบได้น้อยมาก) โรคทางเมตาบอลิกบางชนิดอาจส่งผลต่อการย่อยอาหารและทำให้เกิดอาการอาเจียนได้ ซึ่งมักมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วยและต้องได้รับการวินิจฉัยและการรักษาเฉพาะทาง
- ความผิดปกติของโครงสร้างทางเดินอาหาร (พบได้น้อยมาก) ความผิดปกติในการพัฒนาของระบบทางเดินอาหารตั้งแต่แรกเกิด เช่น ภาวะหลอดอาหารตีบตัน ก็อาจเป็นสาเหตุของการอาเจียนในทารกได้
รับมืออย่างไรเมื่อลูกอาเจียนหลังกินนม?
เมื่อลูกน้อยอาเจียนหลังมื้อนม คุณพ่อคุณแม่สามารถดูแลเบื้องต้นได้ดังนี้
- อุ้มลูกพาดบ่าแล้วลูบหรือตบหลังเบา ๆ เพื่อให้ลูกเรอและขับลมที่อาจค้างอยู่ในกระเพาะอาหารออกมา
- หากลูกอาเจียนซ้ำ ควรจัดท่านอนตะแคง เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำนมหรือสิ่งที่อาเจียนออกมาไหลย้อนกลับเข้าไปในทางเดินหายใจ
- สังเกตลักษณะ สี กลิ่น และปริมาณของสิ่งที่ลูกอาเจียนออกมา รวมถึงบันทึกความถี่ของการอาเจียน
- คอยสังเกตอาการอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นพร้อมกับการอาเจียน เช่น มีไข้ ซึมลง ท้องเสีย หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

|
สิ่งที่ควรและไม่ควรทำ เมื่อลูกอาเจียน
|
ควรทำ |
- หากลูกมีสัญญาณของภาวะขาดน้ำ เช่น ปัสสาวะน้อยลง ปากแห้ง หรือร้องไห้ไม่มีน้ำตา ให้ลูกจิบน้ำสะอาดหรือสารละลายเกลือแร่ (ORS) ในปริมาณน้อย ๆ แต่บ่อยครั้ง
- หากอาการอาเจียนไม่ดีขึ้น อาเจียนบ่อยขึ้น หรือมีอาการอื่น ๆ ที่น่าสงสัย ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและการวินิจฉัยที่ถูกต้อง
|
ไม่ควรทำ |
- ห้ามให้ยาแก้อาเจียนแก่ลูกเองโดยเด็ดขาด หากไม่ได้รับการสั่งจ่ายจากแพทย์
- หากลูกยังมีอาการอาเจียนอยู่ ไม่ควรบังคับให้ลูกกินนมมากเกินไป เพราะอาจกระตุ้นให้อาเจียนซ้ำได้ ควรให้ลูกจิบทีละน้อยเมื่ออาการดีขึ้น
|
ลูกอาเจียนหลังกินนม เมื่อไหร่ที่ต้องกังวลและไปพบแพทย์?
แม้ว่าการอาเจียนหลังกินนมในทารกส่วนใหญ่อาจไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวล แต่คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตอาการของลูกน้อยอย่างใกล้ชิด เพราะมีบางสัญญาณที่บ่งบอกถึงภาวะที่ต้องได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างเร่งด่วน มาดูกันว่าเมื่อไหร่ที่ต้องพาลูกไปพบแพทย์ทันที
8 สัญญาณอันตรายที่ต้องรีบพาไปพบแพทย์ทันที
- อาเจียนรุนแรงและต่อเนื่อง หากลูกอาเจียนพุ่งออกมาด้วยแรงและเกิดขึ้นหลายครั้งติดต่อกัน
- อาเจียนผิดปกติ สังเกตสีของอาเจียน หากมีสีเขียวปน (ซึ่งอาจหมายถึงมีน้ำดีปนออกมา) หรือมีเลือดปน ควรรีบปรึกษาแพทย์
- ดูซึมและไม่ตอบสนอง หากลูกดูอ่อนเพลีย ซึมลง ไม่ค่อยตอบสนองต่อสิ่งรอบข้าง หรือปลุกตื่นยาก
- มีไข้สูง หากลูกมีอุณหภูมิร่างกายสูงกว่าปกติร่วมกับอาการอาเจียน
- อาการปวดท้องรุนแรงหรือท้องบวม หากลูกแสดงอาการเจ็บปวดที่ท้องอย่างชัดเจน ร้องไห้โยเย หรือมีอาการท้องบวมผิดปกติ
- สัญญาณของภาวะขาดน้ำ สังเกตอาการ เช่น ปัสสาวะน้อยลงมาก (น้อยกว่า 6 ครั้งใน 24 ชั่วโมง หรือผ้าอ้อมแห้งสนิทเป็นเวลานาน), ปากและลิ้นแห้ง, ร้องไห้ไม่มีน้ำตา, หรือกระหม่อมบุ๋ม
- น้ำหนักตัวไม่เพิ่มขึ้นหรือลดลง หากลูกมีน้ำหนักตัวไม่เป็นไปตามเกณฑ์ หรือมีน้ำหนักลดลงอย่างเห็นได้ชัด
- หายใจผิดปกติ หากลูกหายใจเร็ว หอบเหนื่อย หรือมีเสียงหวีดขณะหายใจ
การทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่าง “อาเจียน” และ “แหวะนม” เป็นสิ่งสำคัญสำหรับคุณพ่อคุณแม่ในการดูแลลูกน้อย รวมถึงการสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดและการตัดสินใจพาลูกไปพบแพทย์เมื่อมีสัญญาณที่น่าสงสัย จะช่วยให้ลูกน้อยได้รับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสมอย่างทันท่วงทีค่ะ
ที่มา : โรงพยาบาลวิชัยยุทธ
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ทารกแรกเกิดกินน้อย จะขาดสารอาหารไหม? ลูกควรกินมากเท่าไรถึงพอดี
ทารกง่วงแต่ไม่ยอมนอน ทำไงดี? แนะวิธีแก้ ก่อนกระทบพัฒนาการลูกน้อย!
อันตรายถึงชีวิต!! ถ้าลูกสำลักนมแม่
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!