คุณภาพการนอนหลับเท่ากับคุณภาพชีวิตที่ดี ยิ่งในวัยทารกด้วยแล้วการนอนถือเป็นอาหารสมองของลูกน้อยค่ะ เพราะไม่เพียงร่างกายได้พักผ่อนเท่านั้น หากยังช่วยให้ลูกสดชื่นแจ่มใส อารมณ์ดี พร้อมเรียนรู้และจดจำสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำ แต่คุณแม่หลายคนอาจเคยได้ยินคำกล่าวหรือความเชื่อที่ว่า “ทารกควรตื่นมาเล่นบ้าง ไม่อย่างนั้นอาจจะปัญญาอ่อน” แน่นอน… ว่าน่าจะเป็นสิ่งที่สร้างความกังวลให้คุณพ่อคุณแม่ ดังนั้น เราจะมาค้นหาความจริงกันว่า ทารกนอนนาน ควรปลุกไหม ทารกนอนนานเกินไป เสี่ยงปัญญาอ่อนจริงหรือเปล่า

การนอนของลูกสำคัญอย่างไร
วัยทารก สมองกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว การนอนหลับเป็นช่วงเวลาที่สมองได้พักผ่อนและสร้างเซลล์ประสาทใหม่ ๆ มีการหลั่งของโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ที่ส่งผลต่อการความสูง ระบบประสาทและสมองได้พัก การนอนหลับมีส่วนช่วยในการประมวลผลข้อมูลที่ได้รับในระหว่างวัน และช่วยให้ทารกจดจำสิ่งต่าง ๆ ได้ดีขึ้นเมื่อได้นอนเต็มอิ่ม ตื่นขึ้นมาก็พร้อมจะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา
การนอนหลับยังช่วยร่างกายในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และสร้างฮอร์โมนที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโต การนอนของทารกจึงมีความสำคัญมาก โดยทารกจะมีภาวะหลับตื่นสลับกันไปตลอดทั้งวัน แต่เมื่ออายุได้ประมาณ 4 เดือนจะเริ่มหลับกลางคืนได้ยาวประมาณ 6 ชั่วโมง และจะสามารถหลับได้นานถึง 10 ชั่วโมงเมื่ออายุ 6 เดือน

ทารกแต่ละวัยควรนอนนานเท่าไร
ทารกแต่ละช่วงอายุนั้นต้องการพักผ่อนมากน้อยต่างกัน แต่ระยะเวลาในการนอนโดยเฉลี่ยของทารกควรเป็นดังนี้
- ทารกแรกเกิด – 2 เดือน มักมีช่วงหลับมากกว่าตื่น ซึ่งร่างกายลูกน้อยวัยนี้ต้องการพักผ่อนประมาณ 11-18 ชั่วโมงต่อวัน คือ จะนอนกลางวันประมาณ 8-9 ชั่วโมง และนอนกลางคืนประมาณ 8 ชั่วโมง โดยอาจนอนหลับครั้งละไม่เกิน 1-2 ชั่วโมง หรือนานกว่านั้นถ้ากินอิ่ม บางคนตื่นกลางดึกเพราะหิว หรือหลับได้ยาวนานติดต่อกันเพราะกินอิ่มมาก ๆ และหลังจากวัย 2 เดือนขึ้นไปลูกจะต้องการนอนน้อยลง คือ 11-15 ชั่วโมงต่อวัน
- วัยอายุ 3-6 เดือน ลูกน้อยวัยนี้มักหิวตอนกลางคืนน้อยลง ทำให้หลับได้นานขึ้น ซึ่งอาจนานถึง 8 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น และเวลานอนกลางวันก็อาจลดลงตามไปด้วย
- ทารกวัย 6-12 เดือน ทารกวัยนี้บางคนอาจไม่รู้สึกหิวตอนกลางคืนเลย มักนอนหลับได้ตลอดทั้งคืนจนถึงเช้า โดยสามารถนอนหลับในตอนกลางคืนได้นานถึง 12 ชั่วโมง
- วัย 12 เดือน – 2 ปี เป็นช่วงวัยที่เริ่มนอนหลับได้อย่างต่อเนื่องและยาวนานขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่ลูกน้อยวัยนี้จะนอนหลับประมาณ 12-15 ชั่วโมง
ทารกนอนนาน ควรปลุกไหม?
ปกติทารกแรกเกิด – 3 เดือน จะร้องไห้และตื่นบ่อย เพราะหิวบ่อย โดยเฉพาะทารกที่กินนมแม่เนื่องจากระบบการทำงานของกระเพาะอาหารดี ย่อยง่าย จึงหิวบ่อยและตื่นบ่อย เพื่อกินนม ทั้งในตอนกลางวันและกลางคืน
ทารกนอนนาน ควรปลุกไหม ส่วนใหญ่คุณแม่มักอิ่มอกอิ่มใจที่เห็นลูกนอนหลับได้นาน โดยเฉพาะคุณแม่มือใหม่มักคิดว่าเป็นเรื่องดีที่ลูกจะได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เด็กนอนมากจนเกินไป หรือนอนน้อยเกินไป ถือว่าผิดปกติ ยิ่งการนอนนานและกินนมน้อยด้วยอาจถือได้ว่าผิดปกติค่ะ
ทารกแรกเกิดนอนนานต้องปลุกไหม?
ต้องปลุกค่ะ เพราะทารกแรกเกิด (0–1 เดือน) ต้องการพลังงานสูง และเสี่ยงภาวะน้ำตาลต่ำได้ง่าย โดยเฉพาะในทารกน้ำหนักน้อยหรือคลอดก่อนกำหนด
โรงพยาบาลรามาธิบดี แนะนำว่า ทารกแรกเกิดควรกินนมทุก 2–3 ชั่วโมง ทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำและน้ำหนักตัวไม่ขึ้น
ทารก 1 เดือน นอนนาน ควรปลุกไหม?
ทารกแรกเกิดถึงอายุประมาณ 1 เดือน มักจะนอนวันละ 14–17 ชั่วโมง ตามข้อมูลของ American Academy of Pediatrics (AAP) แต่ช่วงระยะเวลาต่อเนื่องที่นอนอาจไม่เกิน 2–4 ชั่วโมง เพราะท้องยังเล็ก ต้องตื่นมากินนมบ่อย ๆ
ดังนั้น หากลูกอายุ 1 เดือนแล้วยังนอนยาวเกิน 4 ชั่วโมงตอนกลางวัน หรือ 5 ชั่วโมงตอนกลางคืน ควรปลุกเพื่อให้กินนม โดยเฉพาะถ้าเป็นทารกที่น้ำหนักขึ้นช้า ตัวเหลือง หรือคลอดก่อนกำหนด เพราะเสี่ยงขาดพลังงาน
ทารก 2 เดือน นอนนาน ควรปลุกไหม?
เมื่ออายุ 2 เดือน ระบบย่อยอาหารและกระเพาะใหญ่ขึ้นแล้ว บางคนสามารถนอนต่อเนื่อง 5–6 ชั่วโมงตอนกลางคืนได้ แต่กลางวันยังควรตื่นมากินนมทุก 3–4 ชั่วโมง
ถ้าลูกน้ำหนักตัวดี (เฉลี่ยเพิ่มสัปดาห์ละ 150–200 กรัม ตามเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลก ) คุณแม่ไม่จำเป็นต้องปลุกบ่อยเหมือนเดือนแรก แต่ถ้านอนยาวเกิน 6 ชั่วโมงโดยไม่ได้กินนมเลย ควรปลุกเพื่อความมั่นใจว่าไม่ขาดพลังงาน
ทารก 3 เดือน นอนนาน ควรปลุกไหม?
งานวิจัยจาก Sleep Medicine Reviews ปี 2021 พบว่าเด็กวัย 3 เดือนบางคนเริ่มสร้างนาฬิกาชีวภาพ ได้แล้ว ทำให้มีการนอนกลางคืนยาวนานขึ้น
ถ้าลูกมีน้ำหนักขึ้นปกติ ดูสดใส ตื่นมาเล่นและกินได้ดี ไม่จำเป็นต้องปลุก แต่ถ้าสังเกตว่านอนยาวเกิน 6–7 ชั่วโมงจนไม่ยอมกินนมเลย ควรปลุกเพื่อให้ร่างกายได้รับพลังงานและน้ำเพียงพอ
ทารก 4 เดือน นอนนาน ควรปลุกไหม?
วัย 4 เดือนถือเป็นช่วงที่เริ่มฝึก “sleep training” ได้ในบางครอบครัว เพราะทารกหลายคนสามารถนอนยาว 6–8 ชั่วโมงต่อคืนได้แล้ว
หากลูกแข็งแรง น้ำหนักตามเกณฑ์ ไม่ต้องปลุกกลางคืนบ่อย ๆ ก็ได้ แต่คุณแม่ควรสังเกตอาการ เช่น ตื่นมากินนมแล้วกินได้น้อย เหนื่อยง่าย หรือดูซึม ถ้ามีควรพาไปพบแพทย์
ทารกแรกเกิดนอนนาน ควรปลุกให้ตื่นอย่างไร?
หากทารกนอนนาน ปลุกไม่ตื่น ให้คุณแม่ลองทำดังนี้
- ลูบแขนขาเบา ๆ
- จับอุ้มพาดบ่า
- เปิดไฟหรือเปลี่ยนสภาพแวดล้อมให้สว่าง
- เปลี่ยนผ้าอ้อม
- ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดตัวเบา ๆ
การปลุกควรทำอย่างอ่อนโยน ไม่ควรเขย่าตัวทารก เพราะเสี่ยง “Shaken Baby Syndrome” ได้
หากลูกยังคง “ไม่ตื่น กินไม่ได้ ดูซึม ตัวเหลืองมาก หรือหายใจผิดปกติ” ให้รีบพาไปโรงพยาบาล เพราะอาจเป็นสัญญาณภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ หรือติดเชื้อในทารกแรกเกิดได้

สัญญาณที่บอกว่า ทารกนอนนานเกินไป
อย่างที่บอกค่ะว่ากรณีที่ลูกน้อยนานเกินเวลาที่ควรจะตื่นมากินนม ควรแม่ต้องปลุก เพื่อให้ลูกได้นอนและกินอย่างเพียงพอตามพัฒนาการ อย่างไรก็ตาม หากทารกนอนนานและมีอาการต่อไปนี้
- นอนแบบไม่ยอมตื่น แม้คุณแม่จะพยายามปลุกแล้วก็ตาม
- ลูกน้อยดูมีอาการซึม ไม่ค่อยร่าเริง ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง
- ทารกมีน้ำหนักน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
อันเป็นอาการที่เป็นสัญญาณบอกว่า ทารกนอนนานเกินไป คุณแม่ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจสอบสาเหตุและรับคำแนะนำที่เหมาะสมนะคะ

ทารกนอนนานเกินไป เสี่ยงปัญญาอ่อนจริงหรือเปล่า
หากทารกนอนยาวต่อเนื่องเกิน 5 ชั่วโมง อาจเป็นสัญญาณที่บอกว่าลูกน้อยกำลังป่วยอยู่ แต่ ทารกนอนนานเกินไป อาจไม่ถึงขั้นที่จะมีความเสี่ยงปัญญาอ่อน และไม่ได้หมายความว่าทารกจะมีพัฒนาการทางด้านสติปัญญาที่ล่าช้าเสมอไป ซึ่งการที่ทารกนอนหลับนานอาจเกิดจากหลายสาเหตุ อาทิ ลูกน้อยได้รับอาหารครบถ้วนและอิ่มท้อง สภาพแวดล้อมภายในบ้านที่เอื้อต่อการนอนหลับ ห้องนอนที่เงียบสงบ อุณหภูมิเหมาะสม และแสงสว่างน้อย
อย่างไรก็ตาม การนอนของลูกน้อยสามารถเป็นสัญญาณเตือนถึงปัญหาสุขภาพ หรือบ่งบอกถึงความผิดปกติอื่น ๆ ได้เช่นกัน โดยเมื่อทารกอายุได้ประมาณ 6 เดือน การนอนหลับจะเริ่มยาวนานขึ้น ขณะที่บางคนอาจมีปัญหาในการนอนซึ่งอาจสังเกตได้จากอาการหรือพฤติกรรม เช่น นอนหลับยาก นอนกรน หายใจไม่สม่ำเสมอขณะหลับ อาจเกิดจากความเหนื่อยล้า อากาศที่ร้อนหรือเย็นเกินไป
นอกจากนี้ ทารกบางคนอาจตื่นกลางดึกมากขึ้นเนื่องจากมีภาวะวิตกกังวลหรือกลัวการแยกจาก เช่น การแยกที่นอน การแยกห้องนอน โดยคุณพ่อคุณแม่อาจสังเกตได้จากการที่ลูกตื่นและร้องไห้ในตอนกลางคืนอย่างน้อย 1 ครั้ง ร้องไห้หนัก หรือโวยวายเมื่อพ่อแม่ไม่อยู่ด้วยตอนจะนอน และไม่ยอมนอนหากพ่อแม่ไม่อยู่ใกล้ ๆ หรือนอนด้วยกัน
หากสังเกตเห็นว่าทารกมีปัญหาในการนอนหลับ หรือมีรูปแบบการนอนหลับผิดปกติ ควรปรึกษาคุณหมอ เพราะอาจเป็นสัญญาณว่าทารกเป็นโรคเกี่ยวกับการนอน เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ หรือมีปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อการนอนหลับ เช่น กรดไหลย้อน การติดเชื้อที่หู โรคระบบทางเดินปัสสาวะ โรคระบบทางเดินหายใจ การแพ้นมวัว ซึ่งควรได้รับการรักษาทันที

เพื่อคุณภาพการนอนหลับของลูกน้อย คุณแม่ควรพยายามกำหนดตารางหรือสร้างวินัยการนอนที่สม่ำเสมอให้กับลูก รวมถึงสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการนอนหลับของลูก และหมั่นสังเกตว่าลูกมีพัฒนาการตามวัยหรือไม่ เมื่อมีข้อสงสัยหรือความกังวลใจใด ๆ เกี่ยวกับการนอนของลูก เป็นต้นว่า ทารกนอนนาน ต้องปลุกไหม ทารกนอนนานเกินไป เสี่ยงปัญญาอ่อนจริงหรือเปล่า แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อความสบายใจและเพื่อได้รับคำแนะนำที่ถูกต้องเหมาะสมที่สุดสำหรับลูกน้อยนะคะ
ที่มา : www.rama.mahidol.ac.th , www.drugsquare.co.th , th.rajanukul.go.th , sriphat.med.cmu.ac.th , hellokhunmor.com
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ทารก 6 เดือน หลับเร็วผิดปกติ ก่อนหมอเผยว่าเป็น โรคทารกถูกเขย่า
วิธีแก้ทารกไม่ถ่าย ทำยังไงให้ลูกน้อยถ่ายง่าย ท้องไม่ผูก
ลูกกินนมน้อย ผิดปกติไหม ต้องแก้ไขอย่างไร
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!