อยากให้ลูก “หัวทุย” สวยได้รูป แต่ให้ลูกนอนหงายก็กลัวลูก “หัวแบน” เพราะทางการแพทย์ก็ยืนยันหนักแน่น ว่าท่านอนที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับทารก คือ “ท่านอนหงาย” เพื่อป้องกันภาวะไหลตายในทารก (SIDS) แล้วทีนี้จะทำยังไงดี? ลูกนอนหงาย หัวแบน จริงหรือ? แล้วเราจะ “ปั้น” หัวลูกให้ทุยสวย โดยที่ไม่เสี่ยงอันตรายได้ยังไง?
วันนี้ เราจะมาไขทุกข้อข้องใจเกี่ยวกับความกังวลเรื่อง ลูกนอนหงาย หัวแบน จริงหรือ กันแบบเจาะลึก อ้างอิงจากข้อมูลทางการแพทย์และสถาบันที่น่าเชื่อถือระดับโลก เพื่อให้แม่ ๆ ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง สบายใจ และนำไปใช้ได้จริงค่ะ
ลูกนอนหงาย หัวแบน จริงหรือ?
มาตอบคำถามคาใจแม่ ๆ กันตรงนี้เลยค่ะว่า “ลูกนอนหงาย หัวแบน จริงหรือ?” คำตอบคือ “จริง… แต่ไม่น่ากลัว” ค่ะ!
การที่ลูกนอนหงาย ซึ่งเป็นท่านอนที่ถูกต้องและปลอดภัยที่สุด แล้วมีส่วนใดส่วนหนึ่งของศีรษะแบนลง ไม่ว่าจะแบนด้านหลัง (หัวแบน) หรือแบนเฉียงไปด้านใดด้านหนึ่ง (หัวเบี้ยว) ทางการแพทย์เรียกภาวะนี้ว่า Positional Plagiocephaly หรือ ภาวะศีรษะแบนจากท่านอนกดทับส่วนใดส่วนหนึ่งของกะโหลกศีรษะเป็นเวลานานค่ะ
ลูกนอนหงาย หัวแบน เพราะอะไร?
คำตอบง่าย ๆ เลยคือ เพราะกะโหลกศีรษะของเบบี๋แรกเกิดนั้นนิ่มมากค่ะ กะโหลกของลูกยังไม่ได้เชื่อมติดกันสนิทเหมือนของผู้ใหญ่ (ยังมีรอยต่อที่เรียกว่า Fontanelles หรือกระหม่อมอยู่) ที่เป็นแบบนี้ก็เพื่อให้ศีรษะของลูกสามารถลอดผ่านช่องคลอดออกมาได้ และที่สำคัญคือ เพื่อเผื่อที่ให้สมองของลูกที่กำลังจะเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงขวบปีแรกนั่นเองค่ะ
ทีนี้ พอหัวลูกยังนิ่ม ประกอบกับในช่วง 0-4 เดือนแรก กล้ามเนื้อคอของลูกยังไม่แข็งแรงพอที่จะหันซ้ายหันขวาหรือพลิกตัวหนีเองได้ เมื่อลูกถูกจับให้นอนหงาย (ซึ่งเป็นท่าที่ถูกต้อง) เป็นเวลานาน ๆ ทุกวัน น้ำหนักของศีรษะก็จะกดทับลงบนจุดเดิมซ้ำ ๆ ทำให้กะโหลกส่วนนั้นค่อย ๆ แบนลงได้ค่ะ นี่จึงเป็นคำตอบที่ชัดเจนของคำถามที่ว่า ลูกนอนหงาย หัวแบน จริงหรือ
เรื่องนี้ถือเป็นผลข้างเคียงที่พบบ่อยมาก นับตั้งแต่มีการรณรงค์แคมเปญ “Back to Sleep” (นอนหงายปลอดภัยที่สุด) ในช่วงทศวรรษ 1990 โดยสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NICHD) และสมาคมกุมารแพทย์แห่งสหรัฐอเมริกา (American Academy of Pediatrics – AAP) ซึ่งแคมเปญนี้ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการลดอัตราการเกิดภาวะไหลตายในทารก (SIDS) ลงได้อย่างมหาศาล
ดังนั้น การที่ลูกหัวแบนเล็กน้อยเพราะนอนหงาย จึงเป็นสัญญาณว่าคุณแม่กำลังเลี้ยงลูกตามคำแนะนำที่ปลอดภัยที่สุดอยู่นั่นเองค่ะ
ข่าวดีก็คือ ภาวะ Positional Plagiocephaly ส่วนใหญ่มักไม่รุนแรง และจะค่อย ๆ ดีขึ้นเองตามธรรมชาติ เมื่อลูกเริ่มคอแข็งแรงขึ้น เริ่มหันซ้ายหันขวาได้เอง เริ่มชันคอ และเริ่มพลิกคว่ำหรือกลิ้งได้ (ซึ่งมักจะเริ่มทำได้ช่วง 4-6 เดือน) แรงกดทับที่จุดเดิมก็จะน้อยลง รูปศีรษะก็จะค่อย ๆ กลับมากลมมนขึ้นเองค่ะ

ปัจจัยที่ทำให้หัวลูกดูแบนหรือทุย
แน่นอนว่าท่านอนเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดคำถามว่า “ลูกนอนหงาย หัวแบน จริงหรือ” แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัจจัยเดียวค่ะ ยังมีอีกหลายสาเหตุที่ส่งผลต่อรูปทรงศีรษะของลูกน้อย มาดูกันค่ะว่ามีอะไรบ้าง
1. พันธุกรรม
นี่คือเรื่องจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ค่ะ! รูปทรงกะโหลกศีรษะก็เหมือนกับสีผิวหรือสีตา ที่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ ถ้าคุณพ่อคุณแม่ หรือปู่ย่าตายาย มีรูปศีรษะที่ค่อนข้างแบน ลูกที่เกิดมาก็มีแนวโน้มที่จะมีรูปศีรษะคล้ายคลึงกัน แม้จะพยายามปั้นแค่ไหนก็ตาม ในทางกลับกัน บางบ้านหัวทุยกันทั้งตระกูล ลูกออกมาก็หัวทุยสวยโดยไม่ต้องทำอะไรเลยก็มีค่ะ
2. ท่านอน
อย่างที่บอกไปค่ะ การนอนหงายบนที่นอนที่ค่อนข้างแข็ง (ตามคำแนะนำเพื่อป้องกัน SIDS) และนอนในท่าเดิมนาน ๆ เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของภาวะศีรษะแบนในทารก และเป็นที่มาของความกังวลเรื่อง ลูกนอนหงาย หัวแบน นั่นเองค่ะ
นี่เป็นอีกปัจจัยที่คุณแม่ต้องสังเกตให้ดีค่ะ Cleveland Clinic อธิบายไว้ว่า ทารกบางคนอาจมีภาวะกล้ามเนื้อคอด้านใดด้านหนึ่งหดเกร็งหรือตึงตัว ทำให้ลูกรู้สึกไม่สบายตัวเวลาหันไปอีกด้าน ผลคือ ลูกจะติดหันหน้าไปด้านที่สบายตัวตลอดเวลา ไม่ว่าจะตอนตื่นหรือตอนหลับ เมื่อหัวด้านนั้นถูกกดทับซ้ำ ๆ ก็จะแบนลงอย่างเห็นได้ชัด นี่เป็นสาเหตุร่วมที่ทำให้ปัญหาหัวแบนเด่นชัดขึ้นค่ะ
4. การคลอดก่อนกำหนด
ทารกที่คลอดก่อนกำหนด กะโหลกศีรษะจะยิ่งนิ่มกว่าทารกที่คลอดครบกำหนด และมักจะต้องใช้เวลาอยู่ใน NICU นาน ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะอยู่ในท่านอนหงาย จึงมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะหัวแบนได้ง่ายกว่าค่ะ
5. Container Baby Syndrome
ยุคนี้เรามีตัวช่วยเลี้ยงลูกเยอะใช่ไหมคะ ไม่ว่าจะเป็น คาร์ซีท เปลโยก ชิงช้า หรือรถเข็น ซึ่งของเหล่านี้ถูกออกแบบมาให้ห่อหุ้ม หรือประคองตัวลูกไว้ ข้อมูลจาก Healthline ระบุว่า ถ้าลูกใช้เวลาอยู่ใน “คอนเทนเนอร์” เหล่านี้นานเกินไป เช่น วันละหลาย ๆ ชั่วโมง ศีรษะของลูกก็จะถูกกดทับในท่าเดิม ๆ ตลอดเวลา ซึ่งยิ่งซ้ำเติมปัญหา ลูกนอนหงาย หัวแบนให้ชัดขึ้นไปอีกค่ะ
ลูกหัวแบนมีผลเสียอะไรบ้าง? กระทบสมองไหม?
คำถามที่มักจะมาคู่กับ “ลูกนอนหงาย หัวแบน จริงหรือ?” ก็คือ… “ลูกหัวแบน แล้วสมองจะพัฒนาช้าไหม?” “ลูกจะโง่ไหม?” “จะมีผลอะไรกับสมองหรือเปล่า?”
ขอตอบให้แม่ ๆ สบายใจตรงนี้เลยว่า “ไม่เลยค่ะ!”
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) และ สมาคมกุมารแพทย์แห่งสหรัฐอเมริกา (AAP) ยืนยันชัดเจนว่า ภาวะศีรษะแบนจากท่านอน เป็นปัญหาด้านความสวยงามเท่านั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของสมอง และไม่เกี่ยวข้องกับพัฒนาการทางสติปัญญาของลูกแต่อย่างใดค่ะ
ดังนั้น ลูกหัวแบนเพราะนอนหงาย ไม่ได้แปลว่าสมองลูกมีปัญหาค่ะ
ลองนึกภาพสมองเป็นลูกโป่งที่อยู่ใต้น้ำในอ่างนะคะ การที่ก้นอ่าง (กะโหลก) ด้านนอกแบนไปหน่อย ไม่ได้หมายความว่าลูกโป่ง (สมอง) ที่ลอยอยู่ข้างในจะแฟบตามไปด้วย สมองของลูกยังคงเติบโตและพัฒนาเซลล์ประสาทนับล้าน ๆ ตามปกติ ตราบใดที่รอยต่อของกะโหลกยังไม่ปิดก่อนวัยอันควร
ภาวะหัวแบนแบบไหนอันตราย?
ภาวะหัวแบนที่เป็นอันตราย พบได้น้อยมาก ๆ เรียกว่า Craniosynostosis หรือ ภาวะกะโหลกศีรษะปิดเร็วผิดปกติ ซึ่งเกิดจากรอยต่อของกะโหลกปิดตายก่อนเวลา ทำให้สมองไม่มีที่ขยายตัว อันนี้ จำเป็นต้องผ่าตัด แต่ลักษณะหัวจะผิดรูปอย่างชัดเจน เช่น หัวแหลม หัวยาวรี หรือหน้าผากยื่น ซึ่งคุณหมอจะตรวจพบได้ตั้งแต่แรกเกิดหรือในการนัดตรวจสุขภาพค่ะ แต่ภาวะหัวแบนจากการนอน ที่เรากำลังพูดถึงนี้ คนละเรื่องกันและไม่อันตรายค่ะ

5 วิธีแก้ลูกหัวแบน ปั้นลูกหัวทุยสวย (อย่างปลอดภัย)
เมื่อเรารู้คำตอบแล้วว่า “ลูกนอนหงาย หัวแบน จริงหรือ?” คำตอบคือ จริง แต่ไม่อันตรายค่ะ แต่ถ้าเลือกได้ คุณแม่ก็ยังอยากให้ลูกหัวทุยสวยอยู่ดีใช่ไหมคะ เรามีวิธีปั้นหัวทุยให้ลูกแบบปลอดภัย ไม่ต้องเสี่ยง SIDS มาฝากค่ะ
1. “Back to Sleep” นอนหงายตอนหลับ
ไม่ว่าจะกังวลเรื่อง ลูกนอนหงาย หัวแบน แค่ไหน ก็ไม่ควรจับลูกนอนคว่ำหรือนอนตะแคงเพื่อแก้หัวแบน ในขณะที่ลูกหลับ หรือในช่วงเวลาที่ไม่มีคนเฝ้าดูอย่างใกล้ชิดค่ะ
องค์การอนามัยโลก (WHO) และ AAP แนะนำเป็นเสียงเดียวกันว่า ท่านอนหงายบนที่นอนเรียบ ไม่นุ่มยวบ และไม่มีหมอน ผ้าห่ม หรือตุ๊กตาใด ๆ ในเปล คือวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกัน ภาวะไหลตายในทารก (SIDS – Sudden Infant Death Syndrome) ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่ร้ายแรงกว่าเรื่องหัวแบนมากนัก ความปลอดภัยต้องมาก่อนความสวยงามเสมอนะคะ
2. “Tummy Time” นอนคว่ำตอนตื่น
นี่คือวิธีที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหาหัวแบน และยังช่วยเสริมพัฒนาการด้วยค่ะ Tummy Time คือการจับลูกนอนคว่ำ ในขณะที่ลูกตื่นและมีคนดูแลอย่างใกล้ชิด
- ทำไมต้องทำ? Tummy Time ช่วยให้ศีรษะของลูกได้ “พัก” จากแรงกดทับ แถมยังเป็นสุดยอดการออกกำลังกายที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อคอ ไหล่ และหลัง ให้แข็งแรง เตรียมพร้อมสำหรับการชันคอ พลิกคว่ำ คลาน ต่อไป
- เริ่มเมื่อไหร่? เริ่มได้เลยตั้งแต่วันแรกที่กลับจากโรงพยาบาลค่ะ
- ทำยังไง? Healthhub.sg และ BabyCentre แนะนำให้เริ่มจากสั้น ๆ แค่ 1-2 นาที วันละ 2-3 ครั้ง (เช่น หลังเปลี่ยนผ้าอ้อม หรือหลังอาบน้ำ) แล้วค่อย ๆ เพิ่มเวลาขึ้นเรื่อย ๆ จนมีเป้าหมายทำ Tummy Time ให้ได้ รวม 15-30 นาทีต่อวัน (แบ่งเป็นรอบ ๆ) เมื่อลูกอายุได้ 2-3 เดือน
3. เปลี่ยนทิศ เปลี่ยนท่า กระจายแรงกดทับ
เทคนิคง่าย ๆ ที่ช่วยกระจายแรงกดทับ และจัดการกับความกังวลเรื่อง ลูกนอนหงาย หัวแบน ได้ค่ะ
- สลับทิศนอน: ถ้าปกติแม่วางลูกนอนโดยหันหัวไปทางซ้ายของเปล คืนต่อไปลองสลับให้หัวลูกอยู่ปลายเปล (เท่ากับลูกต้องหันขวาเพื่อมองมาทางประตูหรือทางแม่)
- เปลี่ยนวิว: ถ้าเปลลูกติดผนัง ลองขยับเปลให้ลูกมองเห็นวิวที่น่าสนใจในทิศทางที่แม่อยากให้ลูกหันบ่อยขึ้น
- สลับข้างอุ้มให้นม: ไม่ว่าจะเข้าเต้าหรือขวด พยายามสลับข้างอุ้มซ้าย-ขวา เพื่อให้ลูกได้หันคอทั้งสองด้านเท่า ๆ กันค่ะ
4. เพิ่มเวลา “อุ้ม” ลดเวลา “นอนแช่”
อย่างที่บอกว่า “Container Baby Syndrome” เป็นปัญหา ให้แม่ ๆ พยายามจำกัดเวลาที่ลูกต้องอยู่ในคาร์ซีท เปลโยก หรือชิงช้า ให้น้อยที่สุด (ใช้เท่าที่จำเป็น เช่น ตอนเดินทาง) พยายามอุ้มลูกเล่นแนวตั้ง อุ้มพาดบ่า หรือใช้เป้อุ้มเด็กให้มากขึ้น การอุ้มลูกนอกจากจะช่วยลดแรงกดทับที่หัวแล้ว ยังช่วยสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีระหว่างแม่ลูกด้วยนะคะ
5. “ไม่จำเป็น” ต้องพลิกหัวลูกตอนหลับ
คุณแม่หลายคนอาจจะเคยแอบย่องเข้าไปในห้อง ค่อย ๆ เอามือไปช้อนประคองหัวลูกที่หลับอยู่ให้หันไปอีกทาง… ซึ่งผลลัพธ์ส่วนใหญ่คือ “ลูกตื่น!”
ทางการแพทย์มองว่าวิธีนี้ไม่จำเป็นค่ะ และอาจเป็นการรบกวนวงจรการนอนหลับที่มีค่าของลูก (และของแม่) ด้วย แค่เน้นทำ Tummy Time ตอนตื่น และสลับทิศทางตอนวางลูกนอนก็เพียงพอแล้วค่ะ ให้เวลากลางคืนเป็นเวลาพักผ่อนที่ปลอดภัยและเต็มที่ของลูกนะคะ

คำถามที่แม่มักสงสัย (FAQs)
Q1: เราสามารถแก้หัวแบนได้ถึงกี่เดือน?
A: ช่วงนาทีทองในการปรับรูปศีรษะคือช่วง 0-6 เดือนแรกค่ะ เพราะกะโหลกยังนิ่มและยืดหยุ่นมากที่สุด หลังจาก 6 เดือน กะโหลกจะเริ่มแข็งตัวขึ้น และเมื่ออายุประมาณ 1-2 ปี รอยต่อต่าง ๆ จะเริ่มปิดเกือบสนิท ทำให้การปรับรูปทรงทำได้ยากขึ้นมากค่ะ ดังนั้น ถ้าจะเริ่มทำ Tummy Time หรือปรับท่าทาง ให้รีบทำตั้งแต่เนิ่น ๆ นะคะ
Q2: การนอนคว่ำช่วยแก้ปัญหา ลูกนอนหงาย หัวแบน ได้ไหม? อันตรายหรือเปล่า?
A: ตอบอีกครั้งให้ชัด ๆ ค่ะ เกี่ยวกับความกังวลเรื่อง ลูกนอนหงาย หัวแบน และการนอนคว่ำ:
- การนอนคว่ำตอนตื่น (Tummy Time): ช่วยได้มาก และ ปลอดภัย เพราะแม่เฝ้าดูอยู่
- การนอนคว่ำตอนหลับ (Sleep): อันตรายมาก เพราะเพิ่มความเสี่ยง SIDS หลายเท่าตัว ห้ามทำเด็ดขาด ค่ะ
Q3: ควรเริ่มทำ Tummy Time ตอนอายุเท่าไหร่ และทำวันละกี่นาที?
A: เริ่มได้ตั้งแต่วันแรกที่กลับบ้าน (Day 1) โดยเริ่มสั้น ๆ แค่ 1-2 นาที วันละ 2-3 ครั้ง และค่อย ๆ เพิ่มเวลา เป้าหมายคือ รวมกันให้ได้ 15-30 นาทีต่อวัน (แบ่งทำหลาย ๆ รอบ) เมื่อลูกอายุประมาณ 2-3 เดือนค่ะ
Q4: ภาวะคอเอียง เกี่ยวข้องกับ หัวแบน หรือไม่?
A: เกี่ยวข้องโดยตรงเลยค่ะ อย่างที่อธิบายไปในหัวข้อปัจจัย ภาวะคอเอียง ทำให้กล้ามเนื้อคอตึง ลูกจะหันหน้าไปด้านที่สบายตัวด้านเดียวตลอด ทำให้หัวด้านนั้นแบน พอนาน ๆ เข้า หัวที่แบนอาจทำให้ลูกยิ่งรู้สึกสบายที่จะนอนทับด้านนั้น วนลูปไปค่ะ หากคุณแม่สังเกตว่าลูกหันหน้าไปทางเดียวตลอดเวลา หรือดูเหมือนจะหันไปอีกด้านลำบาก ให้รีบปรึกษากุมารแพทย์นะคะ อาจต้องทำกายภาพบำบัดง่าย ๆ เพื่อยืดกล้ามเนื้อค่ะ
เมื่อไหร่ที่ควรพาลูกไปพบแพทย์?
แม้ว่าคำตอบของ “ลูกนอนหงาย หัวแบน จริงหรือ” ส่วนใหญ่จะไม่น่ากังวล แต่ก็มีสัญญาณบางอย่างที่แม่ ๆ ควรพาลูกไปพบกุมารแพทย์เพื่อตรวจเช็กให้แน่ใจค่ะ
- เมื่อแม่กังวลใจ: นี่คือเหตุผลที่ดีที่สุดค่ะ ถ้าแม่ไม่สบายใจ สงสัย หรือกังวล ให้ไปหาหมอเลยค่ะ
- เมื่อ Tummy Time แล้วไม่ดีขึ้น: ถ้าแม่พยายามปรับท่าทางและทำ Tummy Time อย่างสม่ำเสมอแล้ว แต่รูปศีรษะลูกยังคงแบนมากขึ้น หรือไม่ดีขึ้นเลยหลังอายุ 6 เดือน
- เมื่อสงสัยว่าคอเอียง: สังเกตว่าลูกหันหน้าไปทางเดียวตลอดเวลา พยายามหันให้แล้วลูกร้องไห้หรือไม่ยอมหัน
- เมื่อรูปทรงกะโหลกผิดปกติ: เช่น สังเกตเห็นสันนูนแข็ง ๆ บนกะโหลก, หน้าผากยื่นผิดปกติ, หรือใบหน้าทั้งสองด้านดูไม่สมมาตรกันอย่างชัดเจน (อาจเป็นสัญญาณของ ภาวะกะโหลกศีรษะปิดเร็วผิดปกติ ที่ต้องรีบรักษา)
- เมื่อลูกมีพัฒนาการล่าช้า ร่วมด้วย
ในกรณีที่ศีรษะแบนรุนแรงมาก หรือเกิดจากภาวะคอเอียง คุณหมออาจส่งต่อนักกายภาพบำบัด หรือในบางเคสที่รุนแรงจริง ๆ อาจพิจารณาการรักษาด้วย หมวกกันน็อคปรับรูปศีรษะ (Helmet Therapy) ซึ่งจะต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเท่านั้นค่ะ
สรุปแล้วคำถามที่ว่า “ลูกนอนหงาย หัวแบน จริงหรือ?” คำตอบคือ “จริง” ค่ะ แต่ป็นภาวะที่พบได้ทั่วไป และเป็นเพียงเรื่องของความสวยงามภายนอกเท่านั้น ไม่ได้กระทบต่อสมองหรือพัฒนาการใด ๆ ของลูกเลย เพราะฉะนั้น อย่าให้ความกังวลเรื่องรูปลักษณ์ภายนอก มาบดบังความสุขในการเฝ้าดูลูกเติบโตอย่างแข็งแรงและปลอดภัยเลยนะคะ
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
วิธีฝึกลูกพลิกคว่ำ (Tummy Time) กระตุ้นพัฒนาการที่ดีของทารก
ข้อดีของการ จับลูกนอนคว่ำ ที่ไม่ใช่แค่หัวทุยสวย แต่ยังมีประโยชน์อื่นอีก !
อุทาหรณ์ ลูกนอนคว่ำแล้วหงายเองไม่ได้
แหล่งอ้างอิง
- American Academy of Pediatrics (AAP) – HealthyChildren.org: “Preventing and Treating Flat Head Syndrome in Babies” และ “Back to Sleep, Tummy to Play.”
- Centers for Disease Control and Prevention (CDC): “Sudden Unexpected Infant Death (SUID) and Sudden Infant Death Syndrome (SIDS)” และ “Positional Plagiocephaly.”
- World Health Organization (WHO): “Sudden Infant Death Syndrome (SIDS) Prevention.”
- Cleveland Clinic: “Plagiocephaly (Flat Head Syndrome)” และ “Torticollis in Infants.”
- Healthline: “What Is Container Baby Syndrome?”
- WebMD: “What Is Positional Plagiocephaly?”
- Healthhub.sg (Singapore Ministry of Health): “Tummy Time for Your Baby”
- BabyCentre UK: “Tummy Time: How to Help Your Baby Get Started.”
- เพจเลี้ยงลูกตามใจหมอ: หัวแบนกับการนอนหงาย
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!