เพราะความสุขของลูก สำคัญพอๆ กับความสำเร็จ ในยุคที่การสอบเข้าป.1 กลายเป็นเรื่องใหญ่สำหรับหลายครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการ สอบเข้าสาธิต ป.1 ซึ่งถือว่าเป็นสนามสอบที่มีการแข่งขันสูงสุดสนามหนึ่งในประเทศไทย ข้อสอบเข้า ป1.สาธิต ล้วนเป็นข้อสอบที่ออกแบบมาเพื่อวัดศักยภาพรอบด้านของเด็ก ทั้ง ด้านวิชาการ IQ, การควบคุมอารมณ์และฝึกสมาธิ EQ, ความสามารถในการคิด วิเคราะห์ ฟังจับใจความ และการใช้เหตุผลเชิงตรรกะ
หลายครอบครัวเริ่มมองหา “คอร์สติว สอบเข้าสาธิต ป.1 ” ตั้งแต่ลูกยังอยู่เตรียมอนุบาล แต่สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรถามตัวเองก่อนคือ…

“จะเตรียมลูกอย่างไรให้พร้อม สอบเข้าสาธิต ป.1 โดยไม่ทำให้ลูกเครียด กดดัน หรือหมดไฟตั้งแต่ยังเล็ก?”
คำตอบคือ ต้องเตรียมทั้ง “วิชาการ” และ “จิตใจ” ของเด็กให้สมดุลกัน ความ balance คือสิ่งสำคัญที่สุด
วันนี้ theAsianparent Thailand ได้มาพูดคุยกับ คุณหมอยูมิ พญ.ธวลิดา เวชชวณิชย์ Brand Ambassador คนใหม่ ของ theAsianparent ของเรา ซึ่งสามารถพบเจอคุณหมอได้ในช่อง theAsianparent thailand, doctorhappykid, doctorkidexplorers, doctorkidschool ค่ะ คุณหมอเป็นอาจารย์แพทย์ และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการสมองเด็ก และ เป็นเจ้าของโรงเรียนบ้านคุณหมอ doctorkidschool โรงเรียนติวกวดวิชา อันดับหนึ่ง สำหรับผู้ปกครอง ที่อยากให้ลูกติวสอบเข้าสาธิต ป.1 ต้องมา (ปัจจุบันมีโรงเรียนอนุบาลจันทร์-ศุกร์ + โรงเรียนติวเข้าสาธิต) ทั้งนี้โรงเรียนติวบ้านคุณหมอ doctorkidschool และหนังสือติวเข้มสอบเข้าสาธิต ป.1 ของคุณหมอ ติด best seller ในทุกร้านหนังสือของ Se-ed, b2s และคอร์สเรียนต้องจองกันข้ามปีทุกคอร์ส คุณหมอ มีเคล็ดลับอย่างไร ในการฝึกเด็กๆ น้องๆ หนูๆ ตัวเล็กๆ ให้รู้จักเข้าใจเรื่องวิชาการยากๆ สามารถคิดวิเคราะห์ได้เป็น และสนุกไปกับการเรียน และที่สำคัญ เด็กนักเรียน อยากมา โรงเรียนเอง ไม่ต้องบังคับค่ะ
อย่างแรกเลย ที่คุณหมอยูมิ ย้ำและให้ความสำคัญค่ะ คือ การเข้าใจธรรมชาติของเด็กวัยอนุบาล ก่อนลงสนามสอบจริง
เด็กไม่ใช่ผู้ใหญ่ตัวเล็ก พวกเขาต้องการ “การเรียนรู้ที่เหมาะสมกับวัย” ผ่านกิจกรรมที่สนุก มีเป้าหมาย และไม่ยัดเยียด การเตรียมสอบที่ดี จึงไม่ควรทำให้เด็กขาดเวลาวิ่งเล่น ขาดเวลานอน หรือขาดรอยยิ้มบนใบหน้า เรื่องนี้สำคัญมากๆ การเป็นเด็กต้องมีความสุข ต้องสนุก ต้องได้เล่นค่ะ

การเตรียมตัว สอบเข้าสาธิต ป.1 อย่างมีประสิทธิภาพ ควรทำเป็น team work ระหว่าง ตัวเด็กเอง พ่อแม่ผู้ปกครอง และคุณครู ทางโรงเรียนบ้านคุณหมอ doctor kidschool ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ทุกครั้งที่มีการเรียนการสอนหลังจบคาบเรียน คุณครูผู้สอนของโรงเรียนบ้านคุณหมอ จะต้องลงมาคุยกับคุณพ่อคุณแม่ผู้ปกครองทุกครั้งว่า วันนี้ทางโรงเรียนสอนอะไร ตรงไหนต้องเน้นย้ำเป็นพิเศษ ตรงไหนเป็นแนวข้อสอบ ตรงไหนสำคัญ เพราะในเด็กตัวเล็กๆ หลังจากเรียนเสร็จ เด็กๆคงไม่สามารถมาบอกคุณพ่อคุณแม่ได้ว่า วันนี้เราเรียนอะไร ถึงบอกได้ก็ไม่สามารถบอกได้หมด ดังนั้นการคุยกับผู้ปกครองหลังเลิกเรียน ทางโรงเรียนจึงเน้นย้ำมาก เพราะจะทำให้ผู้ปกครองได้รับรู้แนวทางการเรียนการสอนของโรงเรียนในคาบต่างๆ และเป็นแนวทางให้ผู้ปกครองสามารถนำกลับไปฝึกฝนเด็กๆ ต่อไปได้

6 ปัจจัยสำคัญในการเตรียมลูกให้พร้อมเพื่อ สอบเข้าสาธิต ป.1 ได้อย่างประสบความสำเร็จและมีความสุข
1. เริ่มต้นอย่างเข้าใจ
เด็กวัยอนุบาลควรได้รับการเรียนรู้ผ่านการเล่น การทดลอง และการฝึกคิดอย่างเป็นระบบ การกดดันเด็กอาจทำให้เด็กเครียดโดยไม่รู้ตัว การวางแผนการเรียนที่เหมาะกับวัย สำคัญกว่าการเร่งให้ลูกอ่านแต่หนังสืออย่างเดียว การเล่นที่ฝึกทักษะ เล่นเสริมทักษะ ถือเป็นหนึ่งในการเรียนรู้และฝึกทักษะการพัฒนาสมอง
2. ฝึกทักษะเชิงวิเคราะห์ มากกว่าท่องจำ
ข้อสอบเข้าสาธิต ป.1 มักเน้นการวิเคราะห์ ฝึกเชาว์ปัญญา การคิดมิติสัมพันธ์ การแก้ปัญหา การฟังจับใจความและฝึกสมาธิ ดังนั้นการสอนที่ดีจึงควรเน้นให้เด็กเข้าใจหลักการ ไม่ใช่แค่จำคำตอบ
การเล่นบล็อก ฝึกภาพมุมมอง ฝึกอนุกรม ฝึกการคิดเลข จับคู่ เปรียบเทียบ ตาชั่ง เงิน นาฬิกา หรือเล่านิทานตอบคำถาม ล้วนเป็นกิจกรรมที่ต่อยอดได้ดี
3. วิชาการที่เนื้อหาลึกแต่ไม่ยัดเยียด
การสอนที่ดีควรเน้นการปูพื้นฐานอย่างเข้าใจ ฝึกให้เด็ก “คิดได้เอง” ไม่ใช่แค่จำคำตอบ เด็กควรได้รับการฝึกเรื่อง เชาวน์ปัญญา, มิติสัมพันธ์, คณิตศาสตร์, วิทยาศาสตร์, ความรู้รอบตัว, การสังเกตและวิเคราะห์, ฟังจับใจความ, ฝึกสมาธิ รวมถึงการเรียนรู้แบบลงมือทำ เช่น จับคู่ บล็อก มุมมอง ลากเส้น มิติสัมพันธ์ เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นพื้นฐานในการต่อยอดเรียนต่อป.1ได้ดี
หัวใจสำคัญคือ การให้เด็ก “เข้าใจอย่างแท้จริง” และรู้สึกว่า “เรียนแล้วสนุก” มากกว่าเรียนเพื่อสอบเพียงอย่างเดียว

4. การฝึกสมาธิ และการควบคุมอารมณ์
ในห้องสอบจริง เด็กหลายคนทำข้อสอบไม่ได้เพราะตื่นเต้น เครียด หรือขาดสมาธิ
จึงควรมีการฝึกสมาธิ ฝึกควบคุมอารมณ์ และฝึกทักษะ “การเข้าสอบแบบจำลอง” pretest สาธิต ซึ่งทางโรงเรียนบ้านคุณหมอ doctorkidschool มีจัด ปีละ 2 ครั้ง เพื่อให้เด็กเกิดความเคยชิน ไม่ตื่นสนาม
กิจกรรมเสริม เช่น เล่นเกมพัฒนาสมองซีกซ้าย-ซีกขวา เกมฝึกความจำ หรือการเล่านิทานแล้วตอบคำถาม การเล่นกีฬา การวาดรูป การเรียนดนตรี จะช่วยกระตุ้นสมาธิและความมั่นใจได้ดี
5. พัฒนาการทางด้านสังคมและจิตใจ
นอกจากเนื้อหาด้านวิชาการแล้ว สิ่งสำคัญที่จะทำให้ประสบผลสำเร็จในการสอบเข้าสาธิต ป.1 คือการพัฒนาการด้านภาษา การฟัง การสื่อสาร การรอคิว การเข้าใจคำสั่ง และแม้กระทั่งบุคลิกภาพ
เด็กที่มีความมั่นใจ มีพฤติกรรมเหมาะสมกับวัย มักทำคะแนนได้ดี การให้เด็กได้ฝึกพูด กล้าคิด กล้าทำ ฝึกกล้าแสดงออก และได้เล่นกับเพื่อนบ้าง จึงสำคัญไม่แพ้การทำโจทย์แบบฝึกหัด

6. อย่าลืมดูแล “หัวใจลูก”
ควบคู่ไปกับการสอน หัวใจดวงน้อยๆ ต้องการความรัก ความใส่ใจ มั่นใจว่าลูกเราทำได้ การสอบเข้าสาธิต ป.1 ได้ ไม่จำเป็นต้องแลกกับความเครียดของลูก
ถ้าคุณพ่อคุณแม่วางแผนดี และเลือกวิธีการเรียนที่เหมาะสม การเรียนแบบเข้าใจ สนุก และมีเป้าหมาย สามารถพาเด็กๆ ไปถึงเป้าหมายได้อย่างมั่นใจ
การเรียนรู้ที่สมดุล ” เรียนเก่ง สอบได้ ไม่เครียด ” คือ slogan หลักของโรงเรียน บ้านคุณหมอ doctorkidschool ซึ่งยึดหลักนี้ในการติว สอบเข้าสาธิต ป.1 มานานกว่า 10 ปี และ โรงเรียนได้รับรางวัลการันตี โรงเรียนต้นแบบด้านการศึกษา จาก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในแง่ทักษะการสอนดีเด่น, รางวัลนักวิทยาศาสตร์น้อย จากองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ อพวช., รางวัลบริหารการศึกษาดีเด่น จากสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์, โรงเรียนติวยอดนิยมในดวงใจของพ่อแม่ในการสอบเข้า ป1 Thai Parent Family Favorite Award.

เพราะโรงเรียนบ้านคุณหมอ doctorkidschool ไม่ได้สอนแค่ “ ทำข้อสอบ ” แต่เน้นการเรียนรู้ที่ครบทั้ง 5 ทักษะ คือ
1. ทักษะด้านความรู้วิชาการ สอนและฝึกแนวข้อสอบสาธิต ทั้งโจทย์แนววิชาการและโจทย์แบบฝึกคิดวิเคราะห์ ครบทุกวิชา ทั้ง เชาวน์ปัญญา มิติสัมพันธ์ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ความรู้รอบตัว ภาษาไทย การวิเคราะห์ การฟังแนวสาธิต
2. ทักษะด้านการพัฒนาสมองซีกซ้าย-ขวา, EF Executive Function ผ่านเกม การเล่น ฝึกทักษะการใช้สมอง ประสานกับตา หู มือ ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ผ่านกิจกรรมการเรียนรู้ต่างๆ
3. ทักษะด้านการฝึกสมาธิ ปรับพฤติกรรมเชิงบวก กระตุ้น ฝึกทักษะ พัฒนาและแก้ไขพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เพื่อปรับให้เด็กมีพฤติกรรมที่ถูกต้องและเหมาะสม เพื่อส่งเสริมในการเรียนรู้
4. ทักษะการใช้ชีวิต การเรียนรู้ที่ดีที่สุด คือการเรียนรู้ที่ไม่ทำให้เด็กหวาดกลัวความผิดพลาด แต่สอนให้เด็กหัวเราะได้แม้ในวันที่ล้ม และลุกขึ้นได้อย่างภาคภูมิ ทางโรงเรียนบ้านคุณหมอ Doctor kid School จะฝึกต้นกล้าเล็กๆ ให้เป็นต้นไม้ใหญ่ ที่ไม่กลัวพายุ และรู้ว่าตัวเองจะผลิดอกออกผลในแบบของตัวเอง เด็กทุกคนจะได้มีความมั่นใจในแบบของตัวเอง
5. ทักษะด้านการดูแลเด็กที่เอาใจใส่และการสร้างความสุขในการเรียน จากทีมคุณหมอและคุณครูมืออาชีพ บรรยากาศต่างๆโรงเรียน ที่ช่วยกระตุ้นให้เด็กสนใจ อุปกรณ์การเรียน สื่อการสอน สนามเด็กเล่น ความปลอดภัยในโรงเรียน เป็นสิ่งที่โรงเรียนให้ความสำคัญ เพราะจะช่วยส่งเสริมทำให้เด็กทุกคนอยากมาที่โรงเรียน เพราะโรงเรียนบ้านคุณหมอ Doctor Kid School เป็นมากกว่า โรงเรียนติว เป็นมากกว่าโรงเรียนกวดวิชา

เพราะทางโรงเรียนบ้านคุณหมอ Doctor Kid School คือบ้านที่อบอุ่น เป็นที่ที่เด็กๆทุกคนอยากมา ได้ทั้งความรู้และความสนุก เพราะคุณหมอเชื่อว่า ในท้ายที่สุดแล้ว “ความสำเร็จที่มีความสุข” ย่อมมีค่ากว่า “คะแนนสอบที่แลกมาด้วยน้ำตา” ลูกสามารถเติบโตได้ อย่างมีเป้าหมาย โดยไม่จำเป็นต้องสูญเสียวัยเด็กของเขาไป

“เรียนเก่ง สอบได้ ไม่เครียด” ไม่ใช่แค่คำขวัญของโรงเรียน แต่คือแนวทางที่โรงเรียนบ้านคุณหมอ Doctor Kid School ยึดมั่นมาตลอด 10 ปี เพราะทางโรงเรียนเชื่อว่า….ความสำเร็จที่แท้จริงของเด็ก คือการได้เติบโตอย่างมีความสุข มีเสียงหัวเราะ พร้อมศักยภาพด้านวิชาการและทักษะการใช้ชีวิตที่เต็มร้อย

ขอขอบคุณ
พญ.ธวลิดา เวชชวณิชย์ คุณหมอยูมิ
– ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านคุณหมอ Doctorkidschool
– Brand Embassador The Asianparent Thailand , doctorhappykid
– www.doctorkidschool.com
– Facebook : doctorkidschool, doctorkidexplorer
– TikTok : doctorkidexplorer
#ติวสอบเข้าสาธิตป1 #ติวสอบเข้าป1สาธิต #ติวสอบเข้าสาธิต #ติวเข้าสาธิต #สอบเข้าสาธิตจุฬาป1
#โรงเรียนบ้านคุณหมอ #doctorkidschool #บ้านคุณหมอ #doctorkidexplorer #theAsianparent
#โรงเรียนอนุบาลแถวสาทร #โรงเรียนอนุบาลแถวพระราม3 #โรงเรียนอนุบาลแนววิชาการ
#โรงเรียนอนุบาลแนวบูรณาการ#โรงเรียนอนุบาลแนวmontessories
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!