X
TAP top app download banner
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
คู่มือสินค้า
เข้าสู่ระบบ
  • อยากท้อง
  • ระยะการตั้งครรภ์
    • โภชนาการ เเม่ท้อง เเม่ให้นม
    • ไตรมาส 1
    • ไตรมาส 2
    • ไตรมาส 3
    • ตั้งชื่อลูก
  • แม่ผ่าคลอด
    • พัฒนาการเด็กผ่าคลอด
    • เตรียมตัวผ่าคลอด
    • สุขภาพเด็กผ่าคลอด
    • คู่มือคุณแม่ผ่าคลอด
    • การดูแลหลังผ่าคลอด
    • โภชนาการเด็กผ่าคลอด
  • หลังคลอด
    • คลอดธรรมชาติ
    • ผ่าคลอด
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • ลูก
    • ทารกแรกเกิด
    • ทารก
    • เด็กวัยหัดเดิน
    • เด็กก่อนวัยเรียน
    • เด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น และวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • ที่เที่ยว
    • เที่ยวไทย
    • เที่ยวต่างประเทศ
    • ที่พัก และ โรงแรม
  • ที่กิน
    • ร้านอร่อย
    • ร้านอร่อยสำหรับเด็ก
    • คาเฟ่
    • เมนูอาหาร
  • ไลฟ์สไตล์
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • TAPpedia
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
  • VIP

วิจัยเผย คนมีคู่ โอกาสเป็นเบาหวานประเภทที่ 2 น้อยกว่าคนโสด !

1 May, 2024
วิจัยเผย คนมีคู่ โอกาสเป็นเบาหวานประเภทที่ 2 น้อยกว่าคนโสด !

ปัจจุบันคนไทยเป็นเบาหวานเยอะขึ้น แต่เรามีข่าวดีของคนที่แต่งงานแล้ว วิจัยเผย คู่รักที่แต่งงาน โอกาสเป็นเบาหวานประเภทที่ 2 น้อยกว่าคนอื่น !

วิจัยเผย คนมีคู่ โอกาสเป็นเบาหวานประเภทที่ 2 น้อยกว่าคนโสด !

ในปี 2566 พบว่าคนไทย ป่วยเบาหวานสะสม 3.3 ล้านคน ปี 66 พบป่วยใหม่เพิ่ม 3 แสนคน และโรคเบาหวานก็เข้าใกล้เรามากขึ้นในทุก ๆ วันไม่ว่าจากกิจกรรมที่ทำ อาหารที่กิน หรือปัจจัยอื่น ๆ แต่สำหรับคู่ที่แต่งงานแล้วเรียกว่าเจอข่าวดีแน่นอน เพราะ วิจัยเผย คนมีคู่ โอกาสเป็นเบาหวานประเภทที่ 2 น้อยกว่าคนโสด!

วิจัยเผย คนมีคู่ โอกาสเป็นเบาหวานประเภทที่ 2 น้อยกว่าคนโสด !

จากการวิจัยล่าสุดเผยว่า คนมีคู่ ไม่ว่าจะอยู่ในความสัมพันธ์ที่มีความสุข หรือไม่มีความสุขมีความเสี่ยงที่จะเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 น้อยกว่าคนโสด เพราะการแต่งงาน หรือมีชีวิตคู่ร่วมกับคู่รักจะช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้สูงอายุ

โดยวิจัยนี้ได้ศึกษาความสุข รายได้ และสุขภาพ เปรียบเทียบระหว่างคู่แต่งงาน และคนโสดรวมถึงยังมีการตรวจสอบเรื่องโรคอัมพฤกษ์ และโรคหัวใจ กล่าวก็คือคนที่มีคู่ หรือคนที่แต่งงานจะมีความเสี่ยงในการเป็นโรคต่าง ๆ น้อยกว่า และสุขภาพดีกว่า เพราะรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย

โดยวิจัยนี้ได้ถูกศึกษาโดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยลักเซมเบิร์ก (University of Luxembourg) และ มหาวิทยาลัยออตตาวา (University of Ottawa) พบว่าคนที่อยู่กับคู่แต่งงานระดับน้ำตาลในเลือดจะคงที่มากกว่าคนอื่น โดยไม่เกี่ยวว่าบุคคลเหล่านั้นจะอยู่ในความสัมพันธ์ที่ทุกข์ หรือสุขก็ตาม

นักวิจัยได้ศึกษาข้อมูลจากผู้ใหญ่จำนวน 3,335 โดยมีอายุระหว่าง 50 ถึง 89 ปี โดยเป็นคนที่ไม่ได้เป็นเบาหวาน โดยวิจัยนี้ได้เผยแพร่ในนิตยสาร BMJ Open Diabetes Research & Care และได้นำข้อมูลจากการสุ่มตัวอย่างเลือดซึ่งมีการวัดระดับ HbA1c (การตรวจวัดค่าเฉลี่ยของน้ำตาล)

Advertisement

คนมีคู่

โดยการวิจัยจะมีการสอบถามแบบสำรวจทั้งสถานะความสัมพันธ์ว่าผู้เข้าร่วมวิจัยโสด หรือแต่งงานโดย 76% ของผู้คนในการวิเคราะห์นั้นอยู่ในสถานะแต่งงาน หรืออยู่ร่วมกับคนรัก นักวิจัยพบว่า คนที่แต่งงานแล้ว หรืออยู่กับคู่รักนั้นผลการตรวจวัดค่าเฉลี่ยของน้ำตาลนั้นมีผลที่ดีมากกว่าคนโสด หรืออยู่คนเดียว ซึ่งอาจจะเกิดจากการรับประทานอาหารร่วมกัน การเตือนอีกฝ่ายว่าทานน้ำตาลเยอะไปแล้ว หรือมีการตรวจสอบอาหารที่อีกฝ่ายทานอยู่เรื่อย ๆ

นอกจากนี้ข้อมูลของ Diabetes UK มีผู้ป่วยเบาหวานมากกว่า 4.9 ล้านคนในสหราชอาณาจักร (United Kingdom) โดยมีประมาณ 850,000 คนที่มีเบาหวานชนิดที่  2 และในปีที่ผ่านมาพบว่า การแต่งงานที่มีความสุขมีความสำคัญในการช่วยให้ผู้ป่วยโรคหัวใจสุขภาพดีขึ้น และนักวิทยาศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยเยล ( Yale University) พบว่าความสัมพันธ์ที่มีความสุขนั้นจะทำให้สุขภาพของผู้ป่วยที่เจ็บหน้าอกดีขึ้น แต่ถ้าอยู่ในความสัมพันธ์ที่เครียดก็เป็นผลแย่ต่อการฟื้นฟูร่างกาย เพราะฉะนั้นจากการิจัยที่เกิดขึ้นก็เป็นข่าวดีสำหรับคู่รักที่อยู่ด้วยกัน เพราะเสี่ยงจะเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 น้อยกว่า และถ้าอยู่ในความสัมพันธ์ที่ดีก็จะช่วยทำให้ร่างกายของแต่ละคนนั้นแข็งแรงขึ้นได้อีกด้วย

โรคเบาหวานคืออะไร

โรคเบาหวาน คืออะไร โรคเบาหวาน เป็นภาวะของร่างกายที่มีน้ำตาลในเลือดสูง อันเกิดจากการขาดฮอร์โมนอินซูลิน หรือเกิดจากการดื้อต่อฮอร์โมนอินซูลิน ส่งผลให้เกิดกระบวนการดูดซึมของน้ำตาลในเลือดให้เป็นพลังงานของเซลล์ในร่างกายมีความผิดปกติ หรือทำงานที่ไม่เต็มประสิทธิภาพจนทำให้น้ำตาลสะสมในเลือดมีปริมาณที่มากจนเกินไป

หากว่าเราปล่อยให้ร่างกายอยู่ในสภาวะนั้นเป็นเวลานานจะทำให้อวัยวะส่วนต่าง ๆ ของเราเสื่อมลง ทำให้เกิดโรคอื่น ๆ และมีอาการเกิดขึ้นได้ แนะนำให้ตรวจสุขภาพเป็นประจำ  เช่นการตรวจสุขภาพประจำปีการตรวจสุขภาพเข้าใจร่างกายของเรามากที่สุดค่ะ

สาเหตุของโรคเบาหวานเกิดจากอะไร?

โรคเบาหวานนั้นมีอยู่หลายประเภท และสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ คือ

  • เบาหวาน ประเภทที่ 1 : เกิดจากที่ตับอ่อนไม่สามารถที่จะผลิตฮอร์โมนอินซูลินได้
  • เบาหวานประเภทที่ 2 : เกิดจากที่ตับอ่อนผลิตฮอร์โมนอินซูลินออกมาได้ไม่เพียงพอต่อการใช้งาน หรืออาจจะเกิดการดื้ออินซูลินก็เป็นได้
  • เบาหวานประเภทที่ 3 : เป็นโรคเบาหวานที่ไม่ค่อยพบบ่อยสักเท่าไหร่นั้นก็คือ โรคเบาหวานที่เกิดจากกรรมพันธุ์ หรือแบบโมโนเจนิก และยังมีโรคเบาหวานที่เกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ได้เช่นเดียวกัน

อาการของโรคเบาหวาน

  • ปัสสาวะบ่อย และมีปริมาณมาก

เมื่อร่างกายของเรา ไม่สามารถผลิตอินซูลินได้อย่างเพียงพอ จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ และไตของเรา ก็จะไม่สามารถกรองน้ำตาลส่วนเกินได้ จึงส่งผลให้น้ำตาลส่วนเกิน ตีกลับเข้าสู่เส้นเลือด จึงมีความจำเป็นที่ต้องปล่อยออกมา พร้อมกับน้ำปัสสาวะ

  • กระหายน้ำบ่อย

เมื่อร่างกายเราขับน้ำออกบ่อย จากการปัสสาวะ ทำให้ร่างกายจำเป็นต้องชดเชยน้ำที่เสียไป จึงทำให้เกิดอาการอยากดื่มน้ำ กระหายน้ำ บ่อยกว่าปกตินั่นเอง

  • หิวบ่อย

เมื่อฮอร์โมนอินซูลินในร่างกาย ทำงานได้ไม่ปกติ ทำให้ร่างกายขาดฮอร์โมนตัวนี้ เซลล์ต่าง ๆ ของเรา จึงไม่ได้รับพลังงาน ทำให้ร่างกาย พยายามหาแหล่งอาหารจากที่อื่น ด้วยการส่งสัญญาณว่าต้องการอาหาร ทำให้เกิดอาการหิวบ่อย

  • มีอาการเหนื่อยง่าย

เมื่อน้ำตาลในเลือดของเรา ไม่สามารถเข้าสู่เซลล์ร่างกาย เพื่อทำการเผาผลาญเป็นพลังงานได้ ผู้ที่เป็นเบาหวานจึงมีความอ่อนเพลียได้ง่าย

  • น้ำหนักตัวลดลง

การขาดฮอร์โมนอินซูลิน ทำให้ร่างกายไม่สามารถเปลี่ยนน้ำตาลเป็นพลังงาน เพื่อให้ร่างกายได้นำเอาไปใช้ได้ จึ่งทำให้ร่างกายดึงเอาโปรตีน และไขมันมาใช้แทน

  • สายตาพร่ามัว

การที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูง ทำให้เกิดการคั่งของน้ำตาลในจอตา เกิดอาการผิดปกติ หรือมีระดับน้ำตาลสูงติดต่อกันเป็นเวลานาน จะทำให้เกิดความผิดปกติที่จอตา อาจส่งผลรุนแรงถึงปัญหาสายตาในระยะยาว และอาจส่งผลให้ตาบอดได้

ปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานคืออะไร?

ปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานมีอยู่ 5 ปัจจัย ดังนี้

1. ประวัติครอบครัวเป็นโรคเบาหวาน

โรคเบาหวานเป็นโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้โดยที่ลูกที่มีพ่อหรือแม่ที่เป็นเบาหวาน ก็จะมีโอกาสเป็นเบาหวานได้มากถึงร้อยละ 30 หากพ่อและแม่เป็นเบาหวานลูกมีโอกาสสูงที่จะเป็นเบาหวานมากถึงร้อยละ 60 ทั้งนี้ระดับความรุนแรงในการถ่ายทอดของโรคเบาหวานทางพันธุกรรมมักจะแตกต่างกันออกไป การตรวจสุขภาพเป็นสิ่งที่สำคัญ

2. ไขมันในเส้นเลือดสูง

ความดื้อต่ออินซูลินทำให้เป็นไขมันในเส้นเลือดสูง หากตรวจพบว่าไขมันไตรกลีเซอไรด์สูงขึ้น และไขมันที่เป็นเอชดีแอลลดลง จะเป็นสัญญาณเตือนของร่างกายว่า ร่างกายมีความดื้ออินซูลินมากขึ้น

3. มีน้ำหนักเกินหรืออ้วน

ความอ้วนเป็นตัวร้ายที่กระตุ้นให้ยีนดื้อต่ออินซูลินให้ปรากฏออกมา ในปัจจุบันพบว่าจำนวนของคนอ้วนนั้นมีมากขึ้น และคาดการณ์ว่าจะมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมเรื่องอาหารการกิน การรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยไขมัน ตลอดไปจนถึงการเคลื่อนไหวร่างกายน้อยลง ทำให้ร่างกายใช่พลังงานลดลง และเมื่อเราให้พลังงานของร่างกายลดลงแต่เราก็ยังรับประทานอาหารในปริมาณเท่าเดิม จึงก่อให้เกิดความไม่สมดุล และกระตุ้นให้เกิดการดื้อของอินซูลิน

4. ความดันโลหิตสูง

ความดันโลหิตสูงนับเป็นปัจจัยหลักเลยสำหรับการเป็นเบาหวาน ความดันโลหิตสูงในผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานนั้น เริ่มต้นจากความผิดปกติที่เกิดจากไต หรือจากตะกรันที่หลอดเลือดซึ่งทำให้หลอดเลือดนั้นเกิดการต้านทานมากยิ่งขึ้น หัวใจจึงต้องสูบฉีดเลือดให้แรงขึ้น ส่งผลทำให้ความดันโลหิตตามมา ผู้ที่เป็นความดันโลหิตสูงจึงควรได้รับการตรวจระดับน้ำตาล และไขมันในเลือดอยู่อย่างสม่ำเสมอ

5. อายุที่เพิ่มขึ้น

เป็นธรรมชาติของร่างกายที่มีความดื้อต่ออินซูลินเพิ่มขึ้นเมื่อมีอายุที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป ควรได้รับการตรวจรักษาระดับน้ำตาลในเลือดอยู่สม่ำเสมอ

บทความจากพันธมิตร
การมีสติ ฉบับเด็ก ๆ เป็นอย่างไร ฝึกลูกให้มีสติ ท่ามกลางโลกที่วุ่นวาย
การมีสติ ฉบับเด็ก ๆ เป็นอย่างไร ฝึกลูกให้มีสติ ท่ามกลางโลกที่วุ่นวาย
ส่งเสริมพัฒนาการเด็กยุคใหม่ด้วย ทักษะ Executive Function
ส่งเสริมพัฒนาการเด็กยุคใหม่ด้วย ทักษะ Executive Function
ปี 2567 เด็กป่วยด้วยโรคอะไร? LUMA แบ่งปันสถิติให้เข้าใจมากขึ้น
ปี 2567 เด็กป่วยด้วยโรคอะไร? LUMA แบ่งปันสถิติให้เข้าใจมากขึ้น
ก้าวไปอีกขั้น! PalFish Thailand จัดงานอลัง “ฉลองรับการขยายออฟฟิศใหม่”
ก้าวไปอีกขั้น! PalFish Thailand จัดงานอลัง “ฉลองรับการขยายออฟฟิศใหม่”

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

น้ำตาลเทียม ปลอดภัยสำหรับคนท้องหรือไม่? สารให้ความหวานเทียม คืออะไร?

เบาหวานขณะตั้งครรภ์ รับมืออย่างไรดี มีผลกับลูกในท้องหรือไม่

วันเบาหวานโลก 14 พฤศจิกายนของทุกปี โรคที่ผู้สูงอายุป่วยเป็นอันดับที่ 2

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Independent, พบแพทย์

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

Follow us on:
facebook-logo instagram-logo tiktok-logo
img
บทความโดย

bossblink

  • หน้าแรก
  • /
  • ชีวิตครอบครัว
  • /
  • วิจัยเผย คนมีคู่ โอกาสเป็นเบาหวานประเภทที่ 2 น้อยกว่าคนโสด !
แชร์ :
  • พ่อจ๋าจับท้องหน่อย! วิจัยเผย พ่อลูบท้องแม่บ่อย ๆ ช่วยให้ลูกฉลาด ตั้งแต่ในท้อง!

    พ่อจ๋าจับท้องหน่อย! วิจัยเผย พ่อลูบท้องแม่บ่อย ๆ ช่วยให้ลูกฉลาด ตั้งแต่ในท้อง!

  • ลูกเรียนไม่เก่ง แล้วไง? พ่อแม่ช่วยได้! พลิกวิกฤตสู่ความสำเร็จที่แตกต่าง

    ลูกเรียนไม่เก่ง แล้วไง? พ่อแม่ช่วยได้! พลิกวิกฤตสู่ความสำเร็จที่แตกต่าง

  • เลี้ยงลูกเอง VS ฝากปู่ย่าตายายเลี้ยง แบบไหนดีกว่ากัน?

    เลี้ยงลูกเอง VS ฝากปู่ย่าตายายเลี้ยง แบบไหนดีกว่ากัน?

  • พ่อจ๋าจับท้องหน่อย! วิจัยเผย พ่อลูบท้องแม่บ่อย ๆ ช่วยให้ลูกฉลาด ตั้งแต่ในท้อง!

    พ่อจ๋าจับท้องหน่อย! วิจัยเผย พ่อลูบท้องแม่บ่อย ๆ ช่วยให้ลูกฉลาด ตั้งแต่ในท้อง!

  • ลูกเรียนไม่เก่ง แล้วไง? พ่อแม่ช่วยได้! พลิกวิกฤตสู่ความสำเร็จที่แตกต่าง

    ลูกเรียนไม่เก่ง แล้วไง? พ่อแม่ช่วยได้! พลิกวิกฤตสู่ความสำเร็จที่แตกต่าง

  • เลี้ยงลูกเอง VS ฝากปู่ย่าตายายเลี้ยง แบบไหนดีกว่ากัน?

    เลี้ยงลูกเอง VS ฝากปู่ย่าตายายเลี้ยง แบบไหนดีกว่ากัน?

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
  • พัฒนาการลูก
  • ชีวิตครอบครัว
  • ระยะการตั้งครรภ์
  • โภชนาการ
  • ไลฟ์สไตล์
  • TAP สังคมออนไลน์
  • ติดต่อโฆษณา
  • ติดต่อเรา
  • Influencer Marketing (KOL)
  • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Vietnam flag Vietnam
© Copyright theAsianparent 2025. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว