นมแม่เป็นอาหารแรกและดีที่สุดสำหรับทารกแรกเกิด อุดมไปด้วยสารอาหาร สารต้านอนุมูลอิสระ และภูมิคุ้มกันที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของลูกน้อย ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ และสร้างความผูกพันระหว่างแม่และลูกอย่างลึกซึ้ง บทความนี้จะพาคุณแม่ไปไขปริศนาถึงสาเหตุที่ทำให้ลูกน้อยไม่ยอมดูดเต้า พร้อมทั้งแนะนำ วิธีกระตุ้นให้ลูกดูดเต้า เพื่อให้คุณแม่ได้มีโอกาสสัมผัสประสบการณ์การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ที่แสนอบอุ่นและประสบความสำเร็จ
เด็กไม่ยอมเข้าเต้าเกิดจากอะไร
สาเหตุที่ทำให้ลูกน้อยไม่ยอมดูดเต้านั้นมีหลายปัจจัย ทั้งปัจจัยทางกายภาพ พฤติกรรม และปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
- ปัจจัยทางกายภาพ:
- ปัญหาในช่องปาก: เช่น ริมฝีปากสั้น ลิ้นติด หรือปัญหาเกี่ยวกับเพดานปาก ซึ่งอาจส่งผลต่อการดูดนมได้
- ภาวะสุขภาพของลูก: เช่น หวัด ไข้ หรือภาวะติดเชื้ออื่นๆ อาจทำให้ลูกน้อยรู้สึกไม่สบายและไม่มีแรงดูดนม
- ภาวะสุขภาพของแม่: เช่น หัวนมแตก หัวนมบาน หรือมีภาวะแทรกซ้อนหลังคลอด อาจทำให้ลูกน้อยเจ็บเวลาดูดนม
- ปัจจัยทางพฤติกรรม:
- สับสนหัวนม: หากลูกน้อยเคยได้รับนมผงจากขวดนม อาจทำให้สับสนระหว่างการดูดนมจากเต้าและขวดนม
- ไม่หิว: ลูกน้อยอาจไม่ได้หิวจริง หรืออาจได้รับนมจากแหล่งอื่นเพียงพอ
- สภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวย: เสียงดัง แสงจ้า หรือความวุ่นวายรอบตัวอาจรบกวนลูกน้อยขณะให้นม
- ปัจจัยอื่นๆ:
- ยาบางชนิด: ยาบางชนิดที่แม่รับประทานอาจส่งผลต่อรสชาติของน้ำนม ทำให้ลูกน้อยไม่ชอบ
- การคลอดก่อนกำหนด: ทารกแรกเกิดก่อนกำหนดอาจมีพัฒนาการในการดูดนมที่ไม่สมบูรณ์
- ความเครียดของแม่: ความเครียดของแม่สามารถส่งผลต่อการผลิตน้ำนมและทำให้ลูกน้อยรู้สึกได้
5 วิธีกระตุ้นให้ลูกดูดเต้า
บางครั้งคุณแม่ก็อาจพบเจอปัญหาที่ลูกน้อยไม่ยอมดูดนมแม่ได้ตามต้องการ ซึ่งอาจทำให้คุณแม่รู้สึกกังวลใจ ปัญหานี้สามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีต่างๆ ดังนี้ค่ะ
1. กระตุ้นการผลิตน้ำนม
- ปั๊มนมบ่อยๆ: การปั๊มนมเป็นประจำทุก 3 ชั่วโมง จะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายผลิตน้ำนมออกมาเพิ่มขึ้น
- ให้ลูกดูดนมบ่อยๆ: การที่ลูกน้อยได้ดูดนมจากเต้าบ่อยๆ จะช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำนมได้ดีที่สุด
- นวดเต้านม: การนวดเต้านมเบาๆ ก่อนให้นมจะช่วยให้น้ำนมไหลเวียนได้ดีขึ้น
- ให้นมลูกทันทีหลังคลอด: การให้นมลูกทันทีหลังคลอดจะช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำนมในระยะยาว
2. สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย
- หาสถานที่ที่เงียบสงบ: การให้นมในที่ที่เงียบสงบและไม่มีเสียงรบกวน จะช่วยให้ทั้งคุณแม่และลูกน้อยรู้สึกผ่อนคลาย
- สร้างความผูกพัน: การอุ้มลูกแนบอกและสัมผัสผิวหนังจะช่วยสร้างความผูกพันระหว่างแม่และลูก ทำให้ลูกน้อยรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย
3. ปรับท่าให้นม
- เลือกท่าที่เหมาะสม: การเลือกท่าให้นมที่ถูกต้องจะช่วยให้ลูกน้อยดูดนมได้ง่ายขึ้นและได้รับนมอย่างเต็มที่
- ปรับเปลี่ยนท่าให้นม: หากลูกน้อยไม่ยอมดูดนมในท่านั้น อาจลองเปลี่ยนท่าให้นมดู
4. หลีกเลี่ยงการใช้จุกหลอกและขวดนม
- ลดความสับสน: การใช้จุกหลอกหรือขวดนมอาจทำให้ลูกน้อยสับสนระหว่างการดูดนมจากเต้าและจุกหลอกได้
- กระตุ้นการดูดที่ถูกต้อง: การดูดนมจากเต้าต้องการเทคนิคที่แตกต่างจากการดูดจุกหลอก การหลีกเลี่ยงการใช้จุกหลอกจะช่วยให้ลูกน้อยฝึกฝนการดูดนมจากเต้าได้ดีขึ้น
5. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
หากคุณแม่ยังพบเจอปัญหาในการให้นมลูก ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการให้นมบุตร เพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม
ให้ลูกเข้าเต้า ทุกกี่ชั่วโมง?
ในช่วงแรกเกิด ลูกน้อยจะมีความต้องการนมบ่อยมาก เพื่อให้ได้พลังงานและสารอาหารที่เพียงพอต่อการเจริญเติบโต คุณแม่ควรให้นมลูกทุกๆ 2-3 ชั่วโมง ทั้งกลางวันและกลางคืน โดยไม่จำเป็นต้องกำหนดเวลาเป๊ะๆ สำคัญที่สุดคือสังเกตสัญญาณความหิวของลูกน้อย เช่น การร้องไห้ ดูดนิ้วมือ หรือขยับปาก
ปริมาณนมในแต่ละมื้อในช่วงแรก ลูกน้อยจะกินนมได้ครั้งละน้อยมาก อาจเพียง 2-3 ช้อนชาเท่านั้น แต่ไม่ต้องกังวล เพราะความต้องการนมของลูกจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามการเจริญเติบโต
เมื่อลูกน้อยอายุได้ประมาณ 1-2 เดือน ระบบย่อยอาหารจะพัฒนาขึ้น ทำให้ลูกน้อยสามารถกินนมได้มากขึ้นและนานขึ้น คุณแม่สามารถปรับลดความถี่ในการให้นมลงเหลือประมาณ 7-8 ครั้งต่อวัน หรือทุกๆ 3-4 ชั่วโมง
ให้ลูกดูดเต้านานแค่ไหน?
ระยะเวลาที่ลูกน้อยใช้ในการดูดนมแต่ละครั้งนั้นแตกต่างกันไปในแต่ละคน โดยทั่วไปแล้ว เด็กจะใช้เวลาในการดูดนมแต่ละครั้งประมาณ 20-30 นาที ในขณะที่เด็กบางคนอาจใช้เวลาเพียง 10-15 นาที หรือบางคนอาจใช้เวลานานเกือบ ชั่วโมงเลยทีเดียว สิ่งสำคัญคือการสังเกตสัญญาณความอิ่มของลูกน้อยมากกว่าการจับเวลา
ลูกดูดเต้าจะรู้ได้ไงว่าลูกอิ่ม
คุณแม่มือใหม่หลายคนอาจกังวลว่าลูกน้อยได้รับนมแม่เพียงพอหรือไม่ การสังเกตสัญญาณที่บ่งบอกว่าลูกน้อยอิ่มแล้ว จะช่วยให้คุณแม่รู้สึกมั่นใจและผ่อนคลายมากขึ้น โดยสัญญาณที่บ่งบอกว่าลูกน้อยอิ่มนมแล้ว ได้แก่
-
พฤติกรรมของลูกน้อย:
- ดูสงบและผ่อนคลาย: หลังจากดูดนมเสร็จ ลูกน้อยจะดูมีความสุขและหลับได้นานขึ้น
- ปล่อยเต้าเอง: เมื่อลูกน้อยอิ่มแล้ว เขาจะค่อยๆ ปล่อยเต้าและดูเหมือนจะไม่สนใจที่จะดูดนมต่อ
- ดูดนมช้าลง: ลูกน้อยจะดูดนมช้าลงและดูเหมือนจะไม่ค่อยกระฉับกระเฉง
-
การเปลี่ยนแปลงของเต้านม:
- เต้านมนิ่มลง: หลังจากให้นมเสร็จ เต้านมของคุณแม่จะรู้สึกนิ่มลงเมื่อเทียบกับก่อนให้นม
-
เสียงกลืนน้ำนม:
- ได้ยินเสียงกลืนน้ำนมเป็นช่วงๆ: การได้ยินเสียงลูกน้อยกลืนน้ำนมเป็นสัญญาณที่ดีว่าลูกน้อยกำลังได้รับนม
-
ปริมาณอุจจาระและปัสสาวะ:
- ปัสสาวะสีเหลืองใส: หลังจากอายุ 3-4 วัน ปัสสาวะของลูกน้อยควรมีสีเหลืองใส จำนวน 6-8 ครั้งต่อวัน
- ถ่ายอุจจาระ: ลูกน้อยควรถ่ายอุจจาระอย่างน้อย 5-6 ครั้งต่อวัน
-
น้ำหนักตัว:
- น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง: ลูกน้อยที่ได้รับนมเพียงพอจะมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นตามเกณฑ์ที่แพทย์กำหนด
นอกจากนี้ คุณแม่ยังสามารถสังเกตได้จาก:
- ลูกน้อยดูดนมประมาณ 8 ครั้งต่อวัน: แม้ว่าจำนวนครั้งในการดูดนมจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน แต่โดยเฉลี่ยแล้วลูกน้อยควรดูดนมประมาณ 8 ครั้งต่อวัน
- ลูกน้อยมีสุขภาพแข็งแรง: ลูกน้อยที่ได้รับนมแม่เพียงพอจะมีผิวพรรณสดใส กระฉับกระเฉง และเจริญเติบโตตามวัย
การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นประสบการณ์ที่สวยงามและมีคุณค่า แต่ก็อาจพบเจออุปสรรคบ้าง การที่ลูกน้อยไม่ยอมดูดเต้าเป็นเพียงอุปสรรคหนึ่งที่สามารถแก้ไขได้ การกระตุ้นให้ลูกน้อยดูดนมต้องอาศัยเวลาและความพยายาม อาจต้องลองผิดลองถูกหลายครั้ง แต่ขอให้คุณแม่มั่นใจว่าคุณสามารถทำได้ รวมถึงอย่ากลัวที่จะขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง หรือขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านนมแม่ ที่คลินิกนมแม่ในโรงพยาบาลใกล้บ้านก็ได้ค่ะ
ที่มา : โรงพยาบาลพญาไท , โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ , mamypoko , s-momclub
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ท่าให้นมที่ถูกต้อง อุ้มลูกเข้าเต้า 4 ท่าพื้นฐาน ช่วยลูกดูดนมง่าย แม่สบายเต้า
ลูกกินนมน้อย ผิดปกติไหม ต้องแก้ไขอย่างไร
กู้น้ำนมแม่! 4 วิธีกระตุ้นน้ำนมไหล ปลุกพลังแม่ให้นมลูก
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!