X
TAP top app download banner
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
คู่มือสินค้า
เข้าสู่ระบบ
  • อยากท้อง
  • ระยะการตั้งครรภ์
    • โภชนาการ เเม่ท้อง เเม่ให้นม
    • ไตรมาส 1
    • ไตรมาส 2
    • ไตรมาส 3
    • ตั้งชื่อลูก
  • แม่ผ่าคลอด
    • พัฒนาการเด็กผ่าคลอด
    • เตรียมตัวผ่าคลอด
    • สุขภาพเด็กผ่าคลอด
    • คู่มือคุณแม่ผ่าคลอด
    • การดูแลหลังผ่าคลอด
    • โภชนาการเด็กผ่าคลอด
  • หลังคลอด
    • คลอดธรรมชาติ
    • ผ่าคลอด
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • ลูก
    • ทารกแรกเกิด
    • ทารก
    • เด็กวัยหัดเดิน
    • เด็กก่อนวัยเรียน
    • เด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น และวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • ที่เที่ยว
    • เที่ยวไทย
    • เที่ยวต่างประเทศ
    • ที่พัก และ โรงแรม
  • ที่กิน
    • ร้านอร่อย
    • ร้านอร่อยสำหรับเด็ก
    • คาเฟ่
    • เมนูอาหาร
  • ไลฟ์สไตล์
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • TAPpedia
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
  • VIP

ให้นมลูก บริจาคเลือดได้ไหม มีผลกระทบต่อลูกน้อยหรือเปล่า

บทความ 5 นาที
ให้นมลูก บริจาคเลือดได้ไหม มีผลกระทบต่อลูกน้อยหรือเปล่า

ไม่ว่าในช่วง ให้นมลูก บริจาคเลือดได้ไหม อยากให้คุณแม่โฟกัสที่สุขภาพของตัวเองและความปลอดภัยของลูกน้อยเป็นสำคัญนะคะ

รู้กันอยู่แล้วค่ะว่าการบริจาคเลือดเป็นการแบ่งปันที่ยิ่งใหญ่ เพื่อช่วยชีวิตผู้ป่วยที่ต้องการเลือดจำนวนมาก ซึ่งคุณแม่หลายคนอาจเป็นผู้บริจาคโลหิตของสภากาชาดไทยอยู่แล้วตั้งแต่ก่อนท้อง เมื่อตั้งครรภ์ก็จำเป็นต้องงดการบริจาคเลือดไปก่อน กระทั่งมาถึงช่วงหลังคลอดที่กำลังสวมบทบาทคุณแม่ให้นมลูกน้อย ความสงสัยก็อาจวกวนเข้ามาในหัวใจอีกรอบว่า คุณสมบัติผู้บริจาคโลหิต เป็นอย่างไร ให้นมลูก บริจาคเลือดได้ไหม จะมีผลกระทบต่อลูกน้อยหรือเปล่า มาไขข้อข้องใจเรื่องนี้กันค่ะ

 

ความสำคัญของ การบริจาคเลือด

ทราบไหมคะว่าปัจจุบันประเทศไทยมีความต้องการใช้เลือดสูงมากถึง 5,000 ยูนิตต่อวัน ในขณะที่เลือดที่ได้รับบริจาคมีเพียง 2,000 ยูนิตต่อวันเท่านั้น ซึ่งผู้ที่บริจาคเลือดจริง ๆ มีเพียง 3% ของประชากรไทยทั้งประเทศ และเลือดเหล่านี้ไม่ได้ถูกนำไปใช้เพื่อการผ่าตัดรักษาผู้ป่วยเพียงอย่างเดียว แต่สามารถแยกออกมาใช้งานได้หลายส่วน ทั้งเกล็ดเลือด พลาสมา และเม็ดโลหิตแดง อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยที่ต้องการใช้เลือดมากที่สุดยังคงเป็นกลุ่มผู้ป่วยที่ต้องผ่าตัดใหญ่ หรือประสบอุบัติเหตุ โดยหมู่เลือดที่ต้องการมากที่สุดก็คือ กรุ๊ป AB, A, B และ O ตามลำดับ

นอกจากนี้ คุณแม่ทราบไหมคะว่า? ในระหว่างที่คุณแม่คลอดบุตร จำเป็นต้องมีเลือดสำรองเตรียมพร้อมไว้เสมอ เพราะการคลอดมีความเสี่ยงที่จะทำให้คุณแม่เสียเลือดในปริมาณมาก การบริจาคเลือดของคุณแม่จึงมีประโยชน์ต่อคุณแม่ท่านอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน

 

ข่อดีของการบริจาคเลือด

ข้อดีของ การบริจาคเลือด

ก่อนจะไปตอบคำถามว่า ให้นมลูก บริจาคเลือดได้ไหม ขอพาคุณแม่ให้นมมาดูข้อดีของการบริจาคเลือด ที่ไม่ใช่แค่ความอิ่มอกอิ่มใจเมื่อได้เป็นผู้ให้ ได้ช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์ที่ต้องการเลือดเพื่อรักษาเท่านั้น แต่การบริจาคเลือดยังมีประโยชน์อื่น ๆ แก่ “ผู้ให้” อีกด้วย

การบริจาคเลือด ดียังไง

ร่างกายแข็งแรง
  • การบริจาคเลือดช่วยกระตุ้นการทำงานของไขกระดูกให้สร้างเม็ดโลหิตใหม่ ๆ ที่มีคุณภาพมาหมุนเวียนใช้บำรุงร่างกาย
  • นับเป็นการเปลี่ยนถ่ายเลือดได้อย่างมีประโยชน์และปลอดภัยที่สุด
  • เลือดใหม่ที่ไปหล่อเลี้ยงตามร่างกายจะทำงานได้ดีขึ้น ระบบไหลเวียนของเลือดดีขึ้น และร่างกายแข็งแรงขึ้นตามไปด้วย
ผิวพรรณสดใส
  • เมื่อการบริจาคเลือดช่วยให้ระบบไหลเวียนของเลือดดีขึ้น จึงย่อมส่งผลให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวล และหน้าใสขึ้นได้ด้วย
ลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง
  • เคยมีผลการศึกษาพบว่าผู้บริจาคเลือดมีแนวโน้มจะอายุยืน ห่างไกลจากโรคต่าง ๆ มากกว่าผู้ที่ไม่บริจาคเลือด
  • ช่วยลดความเสี่ยงจากมะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งตับ มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งคอหอย
ดีต่อสุขภาพจิต
  • การบริจาคเลือดจะก่อเกิดความรู้สึกที่ดีจากการได้เป็นผู้ให้ ได้ช่วยชีวิตผู้อื่น มีความสุขใจ อิ่มเอมใจ จะส่งผลต่อจิตใจทำให้รู้สึกว่าตัวเองมีค่าที่ได้ทำสิ่งดี ๆ เพื่อสังคม ส่งผลให้สุขภาพจิตดีตามไปด้วย และลดความเสี่ยงโรคซึมเศร้าได้ค่ะ

 

ให้นมลูก บริจาคเลือดได้ไหม

ตั้งครรภ์ บริจาคเลือดได้ไหม 

ตามหลักการรับบริจาคโลหิตของสภากาชาดไทยนั้น คุณแม่ที่อยู่ในระหว่างตั้งครรภ์ “ต้องงดบริจาคเลือดชั่วคราว” ค่ะ เนื่องจากเลือดของคุณแม่นั้นมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของทารก การบริจาคโลหิตระหว่างการตั้งครรภ์อาจทำให้มีภาวะซีด และอาจเสี่ยงต่อการแท้งได้

ให้นมลูก บริจาคเลือดได้ไหม มีผลกระทบต่อลูกน้อยหรือเปล่า

ส่วนในกรณีที่อยู่ในช่วงให้นมลูกน้อยที่อยากรู้ว่า ให้นมลูก บริจาคเลือดได้ไหม ต้องอธิบายว่า แม่ให้นมลูกก็ต้องงดบริจาคเลือดเช่นกัน เพราะการผลิตน้ำนมของคุณแม่จำเป็นต้องใช้สารอาหารที่จำเป็นจำนวนมากจากเลือดนั่นเอง นอกจากนี้คุณแม่ให้นมอาจต้องตื่นบ่อยครั้งเพื่อให้นมลูกน้อย จนทำให้มีภาวะการนอนหลับไม่เพียงพอและอ่อนเพลีย ดังนั้น แนะนำว่าควรบริจาคโลหิตหลังจากลูกน้อยหย่านมแล้วจะปลอดภัยที่สุดค่ะ

สำหรับคุณแม่ที่เพิ่งคลอด (แต่ไม่ได้ให้นมบุตร) หรือเพิ่งแท้งลูก ควรรออย่างน้อย 6 เดือน จึงจะสามารถบริจาคโลหิตได้ค่ะ

ให้นมลูก บริจากโลหิตได้ไหม

ใครอีกบ้างที่บริจาคเลือดไม่ได้

สภากาชาดไทยได้กำหนดคุณสมบัติผู้บริจาคโลหิตไว้ว่าต้องเป็นผู้มีอายุ 17 ปีบริบูรณ์ – 70 ปี รวมถึงสตรีที่มีประจำเดือน และมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง นอนหลับพักผ่อนเพียงพอ ไม่มีอาการอ่อนเพลียใด ๆ ในวันที่บริจาคโลหิต โดยสามารถบริจาคได้แบบไม่มีเงื่อนไขเรื่องจำนวนชั่วโมงของการนอนค่ะ แต่ก็มีอีกหลายปัจจัยที่ต้องนำมาประกอบการพิจารณาว่าสามารถบริจาคได้หรือไม่ ดังนี้

  • ผู้ที่กินอาหารมันจัด เช่น ข้าวมันไก่ ข้าวขาหมู ไม่ถึง 3 ชั่วโมงก่อนจะบริจาคโลหิต หากกินแล้วบริจาคจะมีผลทำให้พลาสมาขาวขุ่น ไม่สามารถจ่ายให้แก่โรงพยาบาลเพื่อไปให้แก่ผู้ป่วยได้ ต้องทิ้งไป และพลาสมาที่ขาวขุ่นอาจรบกวนการบริจาคเกล็ดเลือดด้วยเครื่องอัตโนมัติ (platelet apheresis) เนื่องจากเครื่องไม่สามารถนับระดับเกล็ดเลือดที่เก็บได้อย่างถูกต้อง
  • คนที่มีการสัก หรือเจาะผิวหนังด้วยเครื่องมือทางการแพทย์ที่สะอาด ปราศจากเชื้อ สามารถบริจาคโลหิตได้ แต่ควรเว้นระยะเวลาให้แผลอักเสบหายสนิทอย่างน้อย 7 วัน
  • หากมีอาการท้องเสีย ท้องร่วง ควรงดบริจาคโลหิต 7 วัน เนื่องจากอาจยังมีอาการอ่อนเพลียเพราะสูญเสียน้ำในร่างกาย หากฝืนบริจาคโลหิตอาจอ่อนเพลียมากขึ้นและมีอาการเป็นลมหน้ามืดได้ และเสี่ยงต่อการที่ผู้ป่วยที่รับเลือดไปจะได้รับเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุของอาการท้องร่วงด้วย
  • มีน้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว โดยไม่ทราบสาเหตุในระยะ 3 เดือนก่อนการบริจาคโลหิต ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากโรคที่เป็นอันตรายร้ายแรง เช่น โรคมะเร็ง โรคติดเชื้อต่าง ๆ โดยเฉพาะโรคเอดส์ รวมถึงสภาวะทางจิตใจที่มีความวิตกกังวล หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ
  • ได้รับการผ่าตัดใหญ่ ควรเว้นการบริจาคโลหิต 6 เดือน – 1 ปี กรณีผ่าตัดเล็ก ควรเว้นการบริจาคอย่างน้อย 7 วัน  เพื่อให้แข็งแรงดีพอที่จะบริจาคโลหิต และลดโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อจากการผ่าตัด

ถอนฟันมา บริจาคเลือดได้ไหม

  • กรณีมีการถอนฟัน อุดฟัน ขูดหินปูน และรักษารากฟัน ต้องเว้นอย่างน้อย 3 วัน เนื่องจากอาจมีภาวะติดเชื้อโรคในกระแสโลหิตชั่วคราวโดยไม่มีอาการ (transient bacteremia) ซึ่งอาจส่งต่อไปยังผู้ที่รับเลือดได
  • เคยมีประวัติติดยาเสพติด หรือเพิ่งพ้นโทษในระยะ 3 ปี อาจมีโอกาสเสี่ยงสูงต่อโรคที่มีการติดต่อทางโลหิตและน้ำเหลือง ต้องรอให้ผ่าน 3 ปีเสียก่อน เพื่อให้มั่นใจว่าพ้นจากระยะฟักตัวของโรคต่าง ๆ ที่อาจได้รับมาแล้ว
  • เสี่ยงต่อเชื้อมาลาเรีย หากมีการเดินทางหรืออยู่ในพื้นที่ที่มีเชื้อมาลาเรียชุกชุมในระยะ 1 ปี หรือเคยป่วยเป็นโรคมาลาเรียในระยะ 3 ปี ต้องเว้นการบริจาค เลือด 1 ปี ถ้าป่วยเป็นโรคนี้ต้องหายแล้ว 3 ปี จึงจะบริจาคโลหิตได้
  • มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศกับผู้อื่นที่ไม่ใช่คู่ของตัวเอง มีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรคเอดส์ โรคไวรัสตับอักเสบ ต้องตอบแบบสอบถามเพื่อคัดกรองอย่างละเอียด โดยอาจมีความจำเป็นต้องงดรับบริจาคโลหิตถาวร
  • เคยได้รับโลหิตจากผู้บริจาคในประเทศอังกฤษ หรือเคยอาศัยอยู่ในประเทศอังกฤษ ระหว่างปี 2523 – 2539 หรือเคยพำนักในทวีปยุโรป รวมระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่ปี 2523- ปัจจุบัน เนื่องจากเป็นช่วงระยะเวลาการแพร่ระบาดของโรควัวบ้าในประเทศอังกฤษ และประเทศในยุโรป รวมทั้งมีรายงานการติดเชื้อวัวบ้าจากการรับโลหิต จึงงดรับบริจาคโลหิตถาวร
  • กินยาแก้ปวด พาราเซตามอล หากไม่มีอาการปวดหรืออาการผิดปกติใด ๆ แล้วสามารถบริจาคโลหิตได้ แต่หากเป็นยาแอสไพริน ให้เว้นระยะอย่างน้อย 3 วัน จึงสามารถบริจาคโลหิตได้ ส่วนกรณีกินยาปฏิชีวนะ หรือยาแก้อักเสบจากการติดเชื้อ หลังจากกินยามื้อสุดท้าย และไม่มีอาการผิดปกติใด ๆ แล้ว ให้เว้น 1 สัปดาห์ก่อนบริจาคโลหิต
  • เคยเป็นโรคตับอักเสบ ควรงดบริจาคโลหิต และปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจติดตามภาวะของโรคต่อไป
  • เป็นไข้หวัดธรรมดา หายดีแล้ว 7 วัน บริจาคโลหิตได้ แต่ถ้าเป็นไข้วัดใหญ่ต้องให้หายดี 4 สัปดาห์ จึงบริจาคได้

นอกจากนี้ กรณีป่วยเป็นโรคต่าง ๆ อาทิ โรคความดันโลหิตสูง โรคภูมิแพ้ ไขมันในเลือดสูง เบาหวาน ไมเกรน โรคหอบหืด ไทรอยด์ ฯลฯ ต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจของบุคลากรทางการแพทย์ และพยาบาล ที่ทำหน้าที่ในการคัดกรองว่าสามารถบริจาคโลหิตได้หรือไม่

ความปลอดภัยของลูกสำคัญที่สุด

บริจาคเลือด ต้องระวังอะไรบ้าง

โดยทั่วไปการบริจาคเลือด 1 ครั้ง คุณแม่จะสูญเสียเลือดไปประมาณ 350-450 มิลลิลิตร ซึ่งเป็นปริมาณที่ร่างกายสามารถสร้างทดแทนได้ภายในระยะเวลาอันสั้น แต่ก็ต้องแน่ใจว่าสุขภาพของแม่แข็งแรงพอที่จะบริจาคเลือดได้ มีการพักผ่อนอย่างเพียงพอ และร่างกายพร้อมที่จะฟื้นตัวได้เร็วหลังการบริจาคเลือด

ที่สำคัญคือ หลังจากบริจาคเลือด คุณแม่ควรสังเกตอาการของตนเอง หากมีอาการผิดปกติ เช่น เวียนหัว หน้ามืด หรืออ่อนเพลีย ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันทีค่ะ

 

อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัยสูงสุดต่อตัวคุณแม่และลูกน้อย อยากให้อดใจรอสักนิด จนกระทั่งผ่านช่วง “หย่านม” ไปก่อน คุณแม่ค่อยบริจาคเลือดนะคะ เพราะแม้การบริจาคเลือดจะเป็นการแบ่งปันที่ยิ่งใหญ่ ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงใหม่ในร่างกายคุณแม่ แต่ก็อยากให้โฟกัสความสำคัญที่ลูกน้อยและตัวเองก่อนเป็นอันดับแรกค่ะ เพราะสุขภาพกายที่แข็งแรงของลูกย่อมสร้างความสุขและสุขภาพจิตที่ดีให้คุณแม่ได้มากเช่นกัน

 

ที่มา : blooddonationthai.com , www.vibhavadi.com , www.thaihealth.or.th , โรงพยาบาลบางปะกอก 9 , ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ 

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

บทความจากพันธมิตร
นมสำหรับเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ สร้างสมองไว เสริมภูมิคุ้มกันแข็งแรง ที่แม่ยุคใหม่เลือก
นมสำหรับเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ สร้างสมองไว เสริมภูมิคุ้มกันแข็งแรง ที่แม่ยุคใหม่เลือก
Easy Life III เครื่องปั๊มนม Hands-Free จากแบรนด์ไทยอย่าง Attitude Mom ออกแบบเพื่อชีวิตการปั๊มนมของคุณแม่ที่ง่ายขึ้นกว่าเดิมพร้อมการควบคุมการทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ
Easy Life III เครื่องปั๊มนม Hands-Free จากแบรนด์ไทยอย่าง Attitude Mom ออกแบบเพื่อชีวิตการปั๊มนมของคุณแม่ที่ง่ายขึ้นกว่าเดิมพร้อมการควบคุมการทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ
โฉมใหม่ S-26 GOLD PRO-C3 สูตรที่พัฒนากว่าสูตรเดิมไปอีกขั้น* ผสมแอลฟา สฟิงโกไมอีลิน และบี แล็กทิส สิ่งดีๆ ที่คุณแม่เลือก
โฉมใหม่ S-26 GOLD PRO-C3 สูตรที่พัฒนากว่าสูตรเดิมไปอีกขั้น* ผสมแอลฟา สฟิงโกไมอีลิน และบี แล็กทิส สิ่งดีๆ ที่คุณแม่เลือก
เทคนิคเลือกขวดนมเด็ก ลดอาการโคลิค ขวดนมสีชา ขวดนมสีใส แบบไหนเหมาะกับลูกน้อย
เทคนิคเลือกขวดนมเด็ก ลดอาการโคลิค ขวดนมสีชา ขวดนมสีใส แบบไหนเหมาะกับลูกน้อย

ผ่าคลอด ไอ เจ็บแผล อันตรายไหม ต้องดูแลยังไง

5 เครื่องดื่มคุณแม่หลังคลอด ฟื้นฟูร่างกาย บำรุงน้ำนมเพื่อลูกน้อย

ให้นมลูกผมร่วง ปัญหาหนักใจของแม่หลังคลอด แก้ไขยังไงดี

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

Follow us on:
facebook-logo instagram-logo tiktok-logo
img
บทความโดย

จันทนา ชัยมี

  • หน้าแรก
  • /
  • หลังคลอด
  • /
  • ให้นมลูก บริจาคเลือดได้ไหม มีผลกระทบต่อลูกน้อยหรือเปล่า
แชร์ :
  • 5 ข้อควรระวังหลังผ่าคลอด พฤติกรรมที่ทำให้คุณแม่ฟื้นตัวช้า

    5 ข้อควรระวังหลังผ่าคลอด พฤติกรรมที่ทำให้คุณแม่ฟื้นตัวช้า

  • ผ่าคลอด น้ำหนักลงยากจริงไหม? เคล็ดลับง่ายๆ ให้คุณแม่กลับมาหุ่นเป๊ะ!

    ผ่าคลอด น้ำหนักลงยากจริงไหม? เคล็ดลับง่ายๆ ให้คุณแม่กลับมาหุ่นเป๊ะ!

  • ACOG เผย 13 คำแนะนำ การดูแลคุณแม่หลังผ่าคลอดแบบใหม่ ให้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

    ACOG เผย 13 คำแนะนำ การดูแลคุณแม่หลังผ่าคลอดแบบใหม่ ให้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

  • 5 ข้อควรระวังหลังผ่าคลอด พฤติกรรมที่ทำให้คุณแม่ฟื้นตัวช้า

    5 ข้อควรระวังหลังผ่าคลอด พฤติกรรมที่ทำให้คุณแม่ฟื้นตัวช้า

  • ผ่าคลอด น้ำหนักลงยากจริงไหม? เคล็ดลับง่ายๆ ให้คุณแม่กลับมาหุ่นเป๊ะ!

    ผ่าคลอด น้ำหนักลงยากจริงไหม? เคล็ดลับง่ายๆ ให้คุณแม่กลับมาหุ่นเป๊ะ!

  • ACOG เผย 13 คำแนะนำ การดูแลคุณแม่หลังผ่าคลอดแบบใหม่ ให้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

    ACOG เผย 13 คำแนะนำ การดูแลคุณแม่หลังผ่าคลอดแบบใหม่ ให้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
  • พัฒนาการลูก
  • ชีวิตครอบครัว
  • ระยะการตั้งครรภ์
  • โภชนาการ
  • ไลฟ์สไตล์
  • TAP สังคมออนไลน์
  • ติดต่อโฆษณา
  • ติดต่อเรา
  • Influencer Marketing (KOL)
  • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Vietnam flag Vietnam
© Copyright theAsianparent 2025. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว