รับประทานอาหารเข้าไป แล้วเกิดอาการคันผิวหนัง คันคอ หายใจลำบาก ใจเต้นแรง ใจเต้นเร็ว อย่าชะล่าใจ! เพราะนี่อาจเป็นอันตรายจาก “โรคภูมิแพ้อาหาร” ได้ หากปล่อยไว้ และไม่ได้ทำการรักษา อาจเกิดอันตรายถึงชีวิตได้!
แพ้อาหาร คืออะไร?
อาการแพ้อาหาร (Food Allergy) เป็นปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกาย ที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้น เมื่อผู้ป่วยได้ทำการรับประทานอาหารที่แพ้เข้าไป และทำให้เกิดความผิดปกติ เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร ทางเดินหายใจ ผิวหนัง หรือ หลอดเลือดและหัวใจได้ ซึ่งหากผู้ป่วยเป็นภูมิแพ้ชนิดรุนแรง อาจส่งผลอันตราย ถึงขั้นเสียชีวิตได้
โรคภูมิแพ้อาหาร เป็นภาวะที่ภูมิคุ้มกันของร่างกาย ตอบสนองต่อโปรตีนในอาหาร หรือ ส่วนประกอบใด ส่วนประกอบหนึ่งของสารที่แพ้ ทำให้เกิดอาการข้างเคียงต่าง ๆ เช่น หน้าบวม ปากบวม ผื่นลมพิษ คลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเหลว หายใจไม่ออก เป็นต้น
โรคภูมิแพ้อาหารมีกี่ชนิด?
ภูมิแพ้อาหาร สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด ได้แก่ ชนิดเฉียบพลัน และ ชนิดไม่เฉียบพลัน ดังนี้
- ชนิดเฉียบพลัน (igE Mediated Food Allergy) เป็นอาการแพ้ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และทันที หลังจากได้รับประทานอาหารที่แพ้เข้าไป ภายใน 2-4 ชั่วโมง
- ชนิดไม่เฉียบพลัน (non-igE Mediated Food Allergy) เป็นอาการที่จะค่อย ๆ เกิดขึ้น หลังจากรับประทานอาหารเป็นชั่วโมง หรือ อาจหลายวัน
แพ้อาหารเกิดจากอะไร?
อาการแพ้อาหาร หรือ ภูมิแพ้อาหาร เป็นภาวะที่ร่างกาย เกิดความเข้าใจผิด เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ที่มีการตอบสนองต่ออาหารที่รับประทานเข้าไป แล้วระบุว่าเป็นสิ่งอันตรายต่อร่างกาย ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ตอบสนองโดยการปล่อยแอนติบอดี้ ที่เรียกว่า อิมมูโนโกลบูลิน อี (Immunoglobulin E: IgE) เพื่อจะมาใช้จำจัดอาหาร หรือสารอาหาร ที่ก่อให้เกิดการแพ้ ซึ่งการรับประทานอาหารที่แพ้ครั้งต่อไป แอนติบอดี้ก็จะสามารถส่งสัญญาณ ไปยังระบบภูมิคุ้มกัน เพ่อให้ปล่อยวสารต่าง ๆ สู่เส้นเลือด ซึ่งก่อให้เกิดอาการแพ้
อาการแพ้อาหาร เป็นอย่างไร?
แพ้อาหาร สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งอาการเยา ไปจนถึงอาการรุนแรง ซึ่งอาการที่พบได้บ่อย มีดังนี้
- เกิดเหน็บ คัน บริเวณปาก
- คันตา มีน้ำตาไหล
- เกิดผื่น ลมพิษ หรือ ผิวหนังอักเสบ
- ปากบวม หน้าบวม ลิ้นบวม คอบวม
- หายใจไม่ออก หายใจมีเสียง หายใจตื้น
- คัดจมูก น้ำมูกไหล จาม
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ท้องเสีย ปวดท้อง
- วิงเวียนศีรษะ หน้ามืด
- มีอาการคล้ายกับไข้ละอองฟาง
อาการแพ้อาหารแบบรุนแรงเป็นอย่างไร?
อาการแพ้อาหารแบบรุนแรง สามารถเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที โดยอาการแพ้ชนิดรุนแรง สามารถสังเกตได้จากอาการต่อไปนี้
- หายใจลำบาก หายใจมีเสียง มีอาการไอ เพราะทางเดินหายใจมีการหดตัว
- คอบวม หรือ รู้สึกระคายเคืองที่คอ มีอะไรเป็นก้อนในคอ ทำให้เกิดอาการหายใจติดขัด
- มึนงง สับสน วิงเวียนศีรษะ เพราะความดันโลหิตลดลง
- หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ
- รู้สึกกลัว มีความวิตกกังวลเป็นอย่างมาก
อาหารที่ผู้ป่วยมักเกิดอาการแพ้
- อาหารทะเล หรือ สัตว์น้ำมีเปลือก เช่น กุ้ง ปู
- ปลา
- ข้าวสาลี
- นมวัว
- ถั่วเหลือง ถั่วลิสง
- ถัวต่าง ๆ เช่น อัลมอนด์ วอลนัท เฮเซลนัท แมคคาดิเมีย เป็นต้น
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดการแพ้อาหาร
- มีประวัติของคนในครอบครัว เป็นโรคหืด โรคผิวหนังอักเสบ โรคลมพิษ หรือ โรคภูมิแพ้ เป็นต้น
- ผู้ที่มีประวัติการแพ้อาหารอยู่แล้ว มีโอกาสที่จะแพ้อาหารชนิดอื่น ๆ เพิ่มเติม
- เด็กที่มีประวัติเป็นโรคหิวหนังอักเสบ มีโอกาสที่จะแพ้อาหารได้
- มีประวัติเป็นโรคหอบหืด ซึ่งมักเกิดอาการร่วมกับการแพ้อาหาร
การรักษาการแพ้อาหาร
การรักษาที่เหมาะที่สุด ผู้ป่วยจำเป็นต้องรู้ว่าตนเองแพ้อาหารตัวไหน แล้วจึงสามารถหลีกเลี่ยงการรับประทานสิ่ง ๆ นั้น แต่หากพยายามเลี่ยงแล้ว ก็อาจมีโอกาสแพ้โดยไม่รู้ตัว จากสารบางอย่างที่ไปอยู่ในอาหารอื่น ๆ ได้ โดยผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง สามารถใช้ยาแก้แพ้ เพื่อบรรเทาอาการได้ แต่ยาแก้แพ้ ไม่สามารถใช้รักษาผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงได้
หากมีอาการแพ้อย่างรุนแรงผู้ป่วยจำเป็นต้องพบแพทย์ เพื่อทำการให้ยา หรือ อาจต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน และอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้
โรคภูมิแพ้อาหาร ไม่ใช่โรคที่ควรชะล่าใจ เพราะหากปล่อยไว้แล้วเกิดอาการแทรกซ้อน หรือ เกิดอาการรุนแรง อาจทำให้มีอันตรายถึงชีวิตได้ ดังนั้นใครที่สงสัยว่าตนเองมีภาวะแพ้อาหาร ก็ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพื่อทำการวินิจฉัย และทำการรักษาทันที เพื่อไม่ให้อาการแพ้ลุกลามบานปลาย จนอาจอันตรายถึงชีวิตได้
ที่มาข้อมูล pobpad.com , synphaet.co.th
บทความที่น่าสนใจ
โรคภูมิแพ้ อาการภูมิแพ้เป็นอย่างไร โรคภูมิแพ้สามารถรักษาได้อย่างไร สาเหตุของโรคภูมิแพ้คืออะไร?
4 ข้อควรรู้เมื่อสงสัยว่าแพ้อาหาร และวิธีทดสอบที่ถูกต้อง
อาการแพ้อาหารในเด็ก อาจถึงชีวิตได้ สิ่งที่คุณแม่ต้องระวังเป็นอย่างมาก
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!