หลังจากผ่านพ้นการผ่าคลอดมาอย่างราบรื่นแล้ว คุณแม่อาจมีความกังวลใจเรื่อง “แผลผ่าคลอด” ตามมา อาทิ นานแค่ไหนแผลหาย จะเป็นแผลเป็นหรือเปล่า ผ่าคลอด ไอ เจ็บแผล อันตรายไหม แล้วต้องดูแลแผลผ่าคลอดยังไง นอกจากจะส่งกำลังใจให้แล้ว ก็มีคำตอบของปัญหากวนใจเหล่านี้มาฝากคุณแม่มือใหม่กันด้วยค่ะ
เรื่องน่ารู้ของแผลผ่าคลอด ไอ เจ็บแผล อันตรายไหม
- แผลผ่าคลอดมี 2 ลักษณะ คือ ในแนวนอนตามแนวขอบกางเกงชั้นใน และแนวตั้งใต้สะดือ โดยมีความยาวประมาณ 4-6 นิ้ว
- แผลผ่าคลอดชั้นนอกโดยทั่วไปมักสมานได้ในเวลา 1 สัปดาห์ค่ะ ส่วนผิวหนังชั้นในจะใช้เวลา 2-4 สัปดาห์ ซึ่งกว่าจะแข็งแรงใกล้เคียงปกติ อาจใช้เวลาประมาณ 1 เดือน
- เมื่อแผลผ่าคลอดปิดสนิท แผลจะเปลี่ยนสีคล้ำขึ้น โดยเป็นสีแดงอมม่วงราว 6 เดือน จากนั้นจึงค่อย ๆ จางเป็นสีขาวเรียบไปกระทั่งหายดี
- ในช่วงระหว่างที่รอแผลสมาน หากมีการเบ่งอุจจาระหรือปัสสาวะอาจทำให้คุณแม่รู้สึกเจ็บแผลเล็กน้อยได้ค่ะ
- ผ่าคลอด ไอ เจ็บแผล เกิดขึ้นได้ค่ะ เนื่องจากเมื่อคุณแม่ไอทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนต่อร่างกาย ถ้าไอหนัก ๆ ก็จะทำให้เกิดการกระทบกระเทือนกับแผล และมีอาการเจ็บที่แผลได้
- หากไอ แล้วเจ็บแผลมาก อาการไม่ดีขึ้นเลย ทั้งอาการไอ และอาการเจ็บแผล อาจเกิดจากการติดเชื้อที่แผลได้ค่ะ แนะนำให้คุณแม่ไปพบแพทย์เพื่อตรวจซ้ำ จะได้มีการประเมินแผลฝีเย็บ ไหมเย็บ การติดเชื้อ แล้วปรับการรักษาอย่างเหมาะสมค่ะ
ต้องดูแลยังไง เพื่อแผลผ่าคลอดหายไว ฟื้นตัวเร็ว
นอกจากอาการ ไอ เจ็บแผล แล้ว เชื่อว่าคุณแม่หลายคนน่าจะมีความกังวลเกี่ยวกับรอยแผลเป็นของแผลผ่าคลอดด้วย จะเห็นชัดไหม จะเป็นคีลอยด์หรือเปล่า เรามีเคล็ดลับช่วยให้แผลผ่าคลอดสวย หายไว และทิ้งรอยแผลเป็นน้อยที่สุดมาให้ลองนำไปใช้กันดูค่ะ
-
หลังจากผ่าคลอด คุณแม่ควรพลิกตัวบ่อย ๆ
โดยวันแรกหลังผ่าคลอดคุณแม่ควรขยับตัวให้เร็วที่สุด เพื่อช่วยให้ลำไส้ฟื้นตัวเร็วขึ้นและลดอาการท้องอืด และจะช่วยให้คุณแม่ฟื้นตัวได้เร็ว หรืออาจลุกนั่ง ยืนข้าง ๆ เตียงได้
-
หากมีอาการหลังจาก ผ่าคลอด ไอ เจ็บแผล
คุณแม่ควรใช้มือหรือหมอนกดพยุงที่แผลไว้ก่อน แล้วหายใจลึก ๆ กลั้นเอาไว้ จากนั้นจึงค่อยไอออกมาแรง ๆ 2-3 ครั้ง เพื่อกำจัดเสมหะค่ะ
แผลผ่าคลอดของคุณแม่ไม่ควรโดนน้ำค่ะ โดยเฉพาะช่วง 7 วันแรกหลังการผ่าคลอด เพราะจะทำให้แผลเกิดการติดเชื้อ อักเสบและหายได้ช้าได้ แนะนำให้เช็ดตัวแทนการอาบน้ำไปก่อน กรณีมีการปิดแผลด้วยพลาสเตอร์กันน้ำ ก็สามารถอาบน้ำฝักบัวให้น้ำไหลผ่านพลาสเตอร์ได้ แต่ห้ามแช่อ่างอาบน้ำโดยเด็ดขาด
เมื่อแผลผ่าคลอดหาย หลังจากตัดไหมเรียบร้อยแล้ว คุณแม่ควรปล่อยให้แผลแห้งเองนะคะ อย่าแกะ หรือเกาแผล ถึงแม้จะมีอาการก็อดทนก่อนสักนิดค่ะ เพราะอาจทำให้รอยแผลมีสีเข้มขึ้น หายช้า และอาจเกิดการติดเชื้อได้
-
รักษาความสะอาดแผลผ่าคลอดให้ดี
หากแผลสมานติดเรียบร้อยดีจนสามารถอาบน้ำได้โดยไม่ต้องมีพลาสเตอร์ปิดแผล หรือตัดไหมเรียบร้อยแล้ว หลังอาบน้ำคุณแม่ควรทำความสะอาดแผลวันละ 2-3 ครั้ง โดยใช้น้ำเกลือเช็ดและซับให้แห้งอย่างเบามือ
-
หลีกเลี่ยงการยกของหนัก หรือการออกแรงเยอะ ๆ
ในช่วง 3 เดือนแรก คุณแม่ต้องไม่ยกของหนัก หรือออกแรงเยอะ เนื่องจากแรงยืดทำให้แผลตึง ร่างกายจะปรับตัวโดยการสร้างคอลลาเจนให้หนามากขึ้น ป้องกันไม่ให้แผลฉีกขาด ทำให้แผลผ่าคลอดเป็นคีลอยด์ หรือเกิดแผลเป็นนูนได้
จะช่วยพยุงกล้ามเนื้อเวลาที่คุณแม่เดิน หรือขยับตัว ช่วยให้แผลไม่ถูกดึงรั้ง หรือกดทับ และช่วยลดอาการเจ็บแผลได้ด้วย
คุณแม่ควรรับกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ หลีกเลี่ยงรสจัด ของหมักดอง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นฟูเต็มที่ รวมถึงได้กระตุ้นการสร้างน้ำนมด้วย ที่สำคัญคือควรกินโปรตีนอย่างเพียงพอจะช่วยซ่อมแซมและทำให้แผลผ่าคลอดหายเร็วขึ้น
นอกจากนี้ คุณแม่ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อช่วยเสริมให้ร่างกายฟื้นตัวได้เต็มที่มากยิ่งขึ้น ทั้งยังอาจใช้ตัวช่วยเป็นออยล์บำรุงผิว มอยส์เจอร์ไรเซอร์ หรือยาทาลดรอยแผลเป็น เพื่อให้ผิวมีความชุ่มชื้น ยืดหยุ่นดี รอยแผลเป็นจางและอ่อนนุ่มลงได้ แต่ควรเริ่มใช้ครีมบำรุงผิวหลังจากแผลแห้งสนิท หรือไหมละลายเรียบร้อยหมดแล้วนะคะ
ความจริงแล้วแผลผ่าคลอดไม่ใช่เรื่องน่ากังวลมากมายค่ะ เพียงแค่คุณแม่ดูแลอย่างถูกวิธี และพักผ่อนให้เพียงพอก็จะทำให้แผลหายเร็วขึ้น ส่วนอาการ ไอ เจ็บแผล ไม่ได้มีอันตรายค่ะ เป็นอาการที่เกิดได้ตามปกติ แต่อย่างไรก็ตาม อาการไอ เจ็บแผล ที่ผิดปกติ เช่น ไอมาก เจ็บแผลมาก และไม่หายสักที อาจเป้นเพราะมีภ่วะแทรกซ้อนบางอย่างเกิดขึ้นกับร่างกายได้เช่นกัน ซึ่งแนะนำให้คุณแม่ปรึกษาแพทย์นะคะ
ที่มา : www.vimut.com , www.pobpad.com , www.samitivejhospitals.com
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
เคล็ดลับคุณแม่ผ่าคลอด เลี้ยงลูกให้พัฒนาการดีสมองไว ภูมิคุ้มกันดีตั้งแต่ขวบปีแรก
5 เหตุผลหลักที่คุณแม่ไทยนิยมผ่าคลอด : ผลสำรวจจาก theAsianparent insights
ผ่าคลอด สระผมได้ไหม คำถามที่คุณแม่ผ่าคลอดอยากรู้
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!