ในคุณแม่ที่ตั้งครรภ์บางคน อาจประสบปัญหา ตกขาวสีน้ำตาลขณะตั้งครรภ์ หนึ่งในอาการที่คุณแม่ท้องอ่อนเป็นกังวลไม่น้อย ว่าร่างกายของตัวเองจะมีความผิดปกติอะไรไหม ? กลัวว่าทารกในครรภ์จะเป็นอะไรหรือเปล่า ? วันนี้ TAP เราได้รวบรวมสาเหตุ อาการ และผลของการที่ตกขาวเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลของคุณแม่ตั้งครรภ์มาให้แล้ว ไปดูกันเลย
ทำไมตกขาวถึงมีสีน้ำตาล?
สำหรับผู้หญิงทั่วไปแล้ว การมีตกขาวที่สีเปลี่ยนแปลงไปเป็นเรื่องน่ากังวลมาก เพราะอาจเป็นสัญญาณบางอย่างที่ร่างกายของเราต้องการจะบอก เรามาดูดีกว่า ทำไมตกขาวถึงกลายเป็นสีน้ำตาล
1. การเริ่มต้น หรือสิ้นสุดของการมีรอบเดือน
การมีประจำเดือนของผู้หญิงนั้น เป็นการที่มีเลือดไหลออกจากช่องคลอด โดยทั่วไปแล้วจะมาเยอะ หรือน้อยก็ขึ้นอยู่แล้วแต่บุคคล ซึ่งปกติแล้วการที่ตกขาวกลายเป็นสีน้ำตาลนั้นมีสาเหตุมาจากปฏิกิริยาของช่องคลอดกับการมีประจำเดือน หรือการล้างช่องคลอดโดยวิธีธรรมชาติของร่างกายนั่นเอง
2. ฮอร์โมนไม่สมบูรณ์
บางครั้งการตกขาวสีน้ำตาลนั้นอาจเป็นการส่งสัญญาณถึงความไม่สมดุลของฮอร์โมนเอสโตรเจนไหลเวียนไปยังบริเวณเยื่อบุต่าง ๆ ภายในช่องคลอดน้อยเกินไป ซึ่งนอกจากจะมีตกขาวสีน้ำตาลแล้วอาจมีอาการอื่นร่วมด้วย ดังนี้
- รู้สึกร้อนวูบวาบ
- นอนไม่หลับ
- อารมณ์แปรปรวนหรือซึมเศร้า
- ไม่มีสมาธิ
- การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
- น้ำหนักขึ้น
3. ยาคุมกำเนิด
การคุมกำเนิดแบบฮอร์โมนแบบทาน หรือการทานยาคุมกำเนิดนั้นอาจทำให้เกิดตกขาวสีน้ำตาลได้ในช่วงเดือนแรกของการใช้ยา ซึ่งรวมถึงภาวะเลือดออกผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นบ่อย ๆ หากยาคุมที่คุณรับประทานมีส่วนผสมของเอสโตรเจนน้อยกว่า 35 ไมโครกรัม ซึ่งส่งผลถึงการมีประจำเดือน และถ้าการขาดช่วงของประจำนวนเดือนนานจนเกินไปก็อาจทำให้ร่างกาย และสีของตกขาวมีการเปลี่ยนแปลงไปกลายเป็นสีน้ำตาลได้
4. การตกไข่
โดยปกติแล้วการตกของไข่นั้นจะเป็นในช่วงกึ่งกลางของรอบเดือนผู้หญิง ซึ่งเป็นช่วงที่ไข่จะเคลื่อนตัวออกจากรังไข่มาเพื่อรอการผสมกับอสุจิ ดังนั้นจึงทำให้ในแต่ละเดือนผู้หญิงมีโอกาสที่จะมีตกขาวสีน้ำตาล เนื้อจากการเคลื่อนตัวของไข่ และทำให้มีอาการอื่นรวม อาทิ ปวดท้องน้อย และอุณหภูมิร่างกายเปลี่ยนแปลง เป็นต้น
บทความที่เกี่ยวข้อง : อาการช่วงไข่ตก เป็นอย่างไร นับวันตกไข่ยังไง ถึงจะมีลูก
5. ถุงน้ำในรังไข่
ซีสต์รังไข่ หรือถุงน้ำในรังไข่ เป็นการเกิดขึ้นของถุงของเหลวภายในรังไข่ ที่อาจมีการพัฒนาและขยายขนาดได้ โดยสามารถเกิดขึ้นได้ที่ข้างใดข้างหนึ่งของมดลูก หรือทั้งสองข้าง นั่นส่งผลทำให้คุณเกิดอาการร่วมต่าง ๆ อาทิ ตกขาวสีน้ำตาลไปจนถึงความเจ็บปวดบริเวณอุ้งเชิงกราน
6. การติดเชื้อทางแพทย์สัมพันธ์ (STIs)
การติดเชื้อทางแพทย์สัมพันธ์ อาจทำให้เกิดตกขาวสีน้ำตาล หรือมีเลือดออกจากช่องคลอดได้ ด้วยการติดเชื้อบางชนิด อาทิ โรคหนองใน หรือโรคหนองในเทียม ที่อาจไม่แสดงอาการในระยะเริ่มต้น แต่ในเวลาต่อมาจะมีอาการปวดอวัยวะเพศขณะปัสสาวะ ปวดอุ้งเชิงกราน ตกขาวเปลี่ยนสี เป็นต้น
หากมีตกขาวสีน้ำตาลควรไปพบแพทย์หรือไม่?
ในหลายกรณี การที่ร่างกายของเรามีตกขาวที่เป็นสีน้ำตาลอาจเป็นเลือดเก่าที่ร่างกายได้ขับออกมาจากมดลูก เพื่อเป็นการชะล้างมดลูก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเริ่มต้น และวันท้ายของการมีรอบเดือนนั้น ๆ แต่ก็อย่าลืมที่จะสังเกตอาการร่วมอื่น ๆ เพิ่มเติมหากรู้สึกถึงความผิดปกติของร่างกาย หรือคุณควรที่จะเข้าพบแพทย์ในทันทีที่รู้สึกว่าไม่ใช่การตกขาวก่อนหรือหลังมีรอบเดือน เพราะว่าอาจกลายเป็นโรคที่ร้ายแรงได้นั่นเอง
บทความที่เกี่ยวข้อง : เช็คอย่างไรว่า อาการตกขาว แบบไหนที่ปกติ และแบบไหนที่ผิดปกติ
ตกขาวสีน้ำตาลขณะตั้งครรภ์ เกิดจากอะไร?
สาเหตุที่คุณแม่ท้องอ่อนมีตกขาวสีน้ำตาลนั้นมักมาจากการระคายเคือง ฮอร์โมนที่เพิ่มมากขึ้น และการไหลเวียนของเลือดที่เพิ่มขึ้นในช่วงระหว่างของการตั้งครรภ์ทำให้ปากมดลูกนั้นเปราะบางมาก หรือการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างตั้งครรภ์ และการตรวจอุ้งเชิงกรานที่อาจกระทบรุนแรงก็สามารถส่งผลทำให้เกิดตกขาวสีน้ำตาลขึ้นได้ นอกจากนี้การพบตกขาวสีน้ำตาลขณะตั้งครรภ์ในช่วงระยะเวลาใกล้สิ้นสุดการตั้งครรภ์นั้น ถือเป็นสัญญาณเตือนบอกว่าคุณแม่ ใกล้คลอดแล้ว อีกไม่เกิน 2-3 สัปดาห์ หรือคุณแม่บางท่านอาจเป็น 2-3 วันก่อนที่ทารกจะคลอด นอกจากนี้คุณแม่ใกล้คลอดอาจมีอาการร่วมอย่างเลือดไหลออกจากช่องคลอด หรือมีเลือดปนออกมากับตกขาวนั่นเอง แต่ถ้าหากคุณไม่แน่ใจเกี่ยวกับเรื่องของเลือดที่ไหลออกมานั้นให้รีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในทันที
สาเหตุของการเกิดตกขาวสีน้ำตาลขณะตั้งครรภ์
คุณแม่ที่อยู่ในช่วงของการตั้งครรภ์นั้นทำให้ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมาย รวมถึงการที่เกิดตกขาวสีน้ำตาลขณะตั้งครรภ์ เป็นการเปลี่ยนแปลงของค่า pH บริเวณอวัยวะเพศของผู้หญิง อาจทำให้เกิดตกขาวในปริมาณเล็กน้อย และไม่ได้เป็นสาเหตุที่น่ากังวลมากนัก โดยการเกิดตกขาวสีน้ำตาลนั้นอาจเกิดขึ้นในช่วง 2-3 วัน และก็จะหายไปเองตามธรรมชาติ
ดังนั้นจึงถือว่าเป็นเรื่องปกติของผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ และในบางครั้งอาจมีเลือดผสมปนอยู่ด้วยเล็กน้อย นั้นอาจเกิดจากการทำกิจกรรมทางกายต่าง ๆ ของคุณแม่ อาทิ ออกกำลังกาย ถือของหนัก ทำความสะอาดบ้านที่หักโหมจนเกินไป หรือการมีเพศสัมพันธ์ เป็นต้น แต่หากพบว่ามีตกขาวนั้นส่งกลิ่นเหม็น หรือรู้สึกแสบร้อน คันในช่องคลอด อาจเป็นอาการบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงที่ร้ายแรง ได้แก่
- การติดเชื้อ เนื่องจากคุณแม่ที่อยู่ในช่วงของการตั้งครรภ์นั้นมีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มากกว่าผู้หญิงปกติ
- เสี่ยงต่อการแท้ง ส่วนใหญ่แล้วความเสี่ยงของการแท้งบุตรนั้นจะอยู่ในช่วงของทารกในครรภ์จะมีอายุครบ 10 สัปดาห์ โดยจะมีอาการเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน กะทันหัน และรวมถึงการมีของเหลวสีน้ำตาลไหล หรือสีแดงไหลออกมาจากช่องคลอด และมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย อาทิ ตะคริว หรืออาการปวดท้องน้อย มีลิ่มเลือดที่บริเวณช่องคลอด วิงเวียนศีรษะ หรือ เป็นลม
- การตั้งครรภ์นอกมดลูก เป็นการที่ไข่ที่ถูกปฏิสนธิฝังเข้าไปในท่อนำไข่หรือในรังไข่ ช่องท้อง หรือปากมดลูก สิ่งนี้เรียกว่าการตั้งครรภ์นอกมดลูก นอกจากการจำสีน้ำตาลแล้ว การตั้งครรภ์นอกมดลูกอาจทำให้มีอาการอื่นร่วม ได้แก่ ปวดบริเวณในช่องท้อง อุ้งเชิงกราน คอ และไหล่อย่างเฉียบพลัน ปวดอุ้งเชิงกรานข้างเดียว วิงเวียนศีรษะ หรือ เป็นลม
- การติดเชื้อที่ปากมดลูก เมื่อปากมดลูกมีการอักเสบเกิดขึ้น ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม อย่างเช่น ติดเชื้อแบคทีเรีย แพ้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น หรือฮอร์โมนขาดสมดุล เป็นต้น แม่ท้องอาจมีอาการดังนี้ มีตกขาวปริมาณมาก และอาจมีกลิ่น ปวดท้องน้อย ปวดช่องคลอด ปวดหลัง หรือปวดขณะปัสสาวะ
ซึ่งเมื่อคุณสังเกตเห็นสีของตกขาวนั้นเปลี่ยนแปลงไป หรือหากมีอาการตะคริวที่ท้องที่รุนแรง มดลูกหดตัวเร็ว หรือปวดหลังอย่างรุนแรงให้รีบเข้าพบแพทย์ในทันที
ทำอย่างไรเมื่อพบตกขาวสีน้ำตาลขณะตั้งครรภ์?
หากคุณสังเกตเห็นตกขาวสีน้ำตาลหลังจากมีเพศสัมพันธ์ ถือว่าเป็นปกติ ดังนั้นในช่วงหลังจากมีเพศสัมพันธ์คุณอาจใส่แผ่นอนามัยไว้เพื่อป้องกันการเลอะชั้นใน 1-2 วัน แต่ถ้าหากตกขาวของคุณเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล หรือมีเลือดปะปนอยู่ในตกขาวหลังมีเพศสัมพันธ์มากกว่า 2-3 ครั้งต่อเดือน หรือมากกว่า 2 สัปดาห์ รวมถึงการที่ตกขาวมีกลิ่นฉุนรุนแรง และมีอาการตะคริวร่วมด้วยให้รีบเข้าพบแพทย์ในทันที เนื่องจากอาการเหล่านี้เป็นสัญญาณของการติดเชื้อ หรืออาการอื่น ๆ ที่ร้ายแรงกว่า เบื้องต้นแพทย์อาจมีการทำอัลตราซาวนด์บริเวณหน้าท้องและอุ้งเชิงกราน เพื่อให้แน่ใจว่าทารกในครรภ์นั้นมีพัฒนาการที่ปกติ และไม่มีอาการติดเชื้อ หากพบว่าทารกในครรภ์ไม่มีอันตรายใด ๆ แพทย์อาจรักษาด้วยการให้ยาปฏิชีวนะ หรือยาอื่น ๆ เพื่อกำจัดการ ติดเชื้อบริเวณช่องคลอด และให้คุณคอยสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด รวมถึงการงดเว้นการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงเวลานี้
มาฟังคุณหมอพูดกันบ้าง !
ถึงแม้ว่าการตกขาวสีน้ำตาลในช่วงไม่ได้ตั้งครรภ์ หรือขณะตั้งครรภ์จะไม่ได้เป็นที่น่ากังวลมานัก และมีหนทางการรักษา แต่เราก็อยากให้ผู้หญิงทุกคนหมั่นดูแลและใส่ใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างกายของเราให้มาก ๆ เพราะในบางครั้งอาจเป็นกุญแจสำคัญในการรู้เท่าทันโรคร้ายแรงที่กำลังจะคุกคามคุณก็ได้ค่ะ เพื่อสุขภาพครรภ์ และสุขภาพของตัวแม่ท้องเอง
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
มีตกขาวสีน้ำตาลคล้ำ ใช่น้ำคาวปลาหรือไม่ ? 100 สิ่งที่คุณแม่หลังคลอดต้องรู้
ตกขาวสีเขียว คืออะไร ? แล้วเป็นอันตรายต่อร่างกายหรือไม่ ?
ตกขาวมีกลิ่น ช่องคลอดเหม็นไม่ไหว แก้ไขได้ง่ายๆ ไม่ยาก
ที่มา : healthline.com, samitivejhospitals.com, medicalnewstoday.com, whattoexpect.com, tuasaude.com
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!