ตกขาวสีเขียว เป็นสัญญาณเตือนของร่างกายสำหรับผู้หญิงอย่างเรา เพราะปกติแล้วตกขาวมักจะใส หรือสีขาวขุ่น และมีกลิ่นน้อย แต่ถ้าตกขาวของเรากลายเป็นสีเขียวหละ นั้นหมายความอย่างไร จะเป็นอันตรายต่อเราหรือไม่ ไปดูกัน
ตกขาวคืออะไร?
ตกขาว เป็นของเหลว หรือสารคัดหลั่งที่ถูกขับออกมาทางช่องคลอด และปากมดลูก เพื่อเป็นการขจัดเซลล์เก่าภายในช่องคลอด ทำให้ช่องคลอดของเรานั้นสะอาด และสุขภาพดี ซึ่งปริมาณตกขาวนั้นอาจแตกต่างกันออกไปของแต่ละบุคคล และนอกจากนี้ยังสามารถมีสีที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะสีน้ำตาล ตกขาวสีชมพู สีเหลือง ได้อีกด้วย โดยสีของตกขาวนั้นจะเปลี่ยนไปตามช่วงต่าง ๆ ของรอบเดือน ดังนี้
-
- ช่วงวันที่ 1-5 ในช่วงเริ่มต้นของการเริ่มต้นรอบเดือน หลังหมดประจำเดือนรอบก่อน ตกขาวมักเป็นสีแดง หรือเป็นเลือด เนื่องจากกร่างกายของเราได้ทำการขจัดเนื้อเยื่อบุมดลูกออกมานั่นเอง
- วันที่ 6-14 หลังจากช่วงเวลาหนึ่ง คุณอาจสังเกตได้ว่ามีตกขาวน้อยลง เพราะมดลูกของคุณอยู่ในช่วงพัฒนาไข่ และตกขาวจะเป็นสีขาวขุ่น หรือเหลือง และอาจจะเหนียวมากกว่าปกติ
- ช่วงวันที่ 14-25 ในช่วงก่อนไข่ตก ตกขาวของเราจะกลับมาเป็นสีขาวใสอีกครั้งก่อนเข้าสู่ช่วงไข่ตกที่ตกขาวจะกลับมาเป็นสีขาวขุ่น หรือเหลือง และอาจจะเหนียวมากกว่าปกติอีกครั้ง
- วันที่ 25-28 ตกขาวจะน้อยลง หรือไม่มีเลย ซึ่งนั่นเป็นสัญญาณของการของประจำเดือนที่กำลังจะมาในไม่ช้า
บทความที่เกี่ยวข้อง : ตกขาวปนเลือด ผิดปกติหรือไม่ สาเหตุเกิดจากอะไร เมื่อไหร่ต้องไปหาหมอ ?
ตกขาวสีเขียว คืออะไร?
อาการตกขาวสีเขียว ตกขาวมีสีเขียว หรือสีเขียวอมเหลือง ทำให้บริเวณช่องคลอดส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกมามากกว่าอาการตกขาวแบบปกติ และอาจมีอาหารแสบร้อนบริเวณด้านในของช่องคลอด ซึ่งเป็นสัญญาณของ “โรคพยาธิในช่องคลอด หรือ Trichomoniasis” ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดหนึ่งที่พบบ่อย แต่หลายคนอาจไม่รู้ตัว โดยการที่เกิดตกขาวสีเขียวนั้นมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อโปรโตชัวร์ที่ชื่อว่า Trichomonas vaginalis นั่นเอง โดยส่วนใหญ่แล้วการตกขาวสีเขียวคือการติดเชื้อโรคพยาธิในช่องคลอด หรือ Trichomoniasis ซึ่งจะส่งกลิ่นเหม็นมากกว่าตกขาวธรรมดา และยังมีทำให้ตกขาวของเรามีสีเขียว หรือสีเขียมอมเหลือง นอกจากนี้ยังส่งผลทำให้เวลามีเพศสัมพันธ์ หรือปัสสาวะนั้นคุณจะรู้สึกไม่สบายบริเวณอวัยวะเพศ หรืออาจมีการคันและปวดกระดูกเชิงกรานร่วมด้วย
หากคุณแม่ยังพบปัญหาเกี่ยวกับอาการตกขาวที่ผิดปกติอื่น ๆ สามารถเลือกอ่านบทความในหัวข้อนี้ได้ คลิก
ตกขาวสีเขียว อันตรายไหม เกิดจากอะไร?
สาเหตุทั่วไปของการตกขาวสีเขียว นอกจากการติดเชื้อโรคพยาธิในช่องคลอด หรือ Trichomoniasis แล้ว อาจมาจากสาเหตุอื่น ๆ ได้แก่
-
- ภาวะช่องคลอดอักเสบจากแบคทีเรีย (Bacterial vaginosis) ซึ่งได้เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แต่เป็นการอักเสบของช่องคลอด เกิดจากความไม่สมดุลของแบคทีเรีย หรือโรคช่องคลอดอักเสบจากเชื้อการ์ดเนอเรล (Gardnerella vaginalis) ซึ่งปกติจะทำให้เกิดตกขาวสีขาว แต่หากมีการติดเชื้อ หรืออักเสบที่รุนแรงกว่าอาจกลายเป็นสีเขียวได้
- มีสิ่งแปลกปลอม หรือสิ่งที่พึงประสงค์ในช่องคลอด หรืออาจเป็นการล้างทำความสะอาดไม่มากพอ ทำให้เกิดแบคทีเรียต่าง ๆ
- หนองในเทียม การติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อีกชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นจากแบคทีเรียคลาไมเดีย (Chlamydia trachomatis)
- หนองใน การติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อีกชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นจากแบคทีเรียเนอิสซีเรีย โกโนเรีย (Neisseria gonorrhoeae)
อาการร่วม หรือแทรกซ้อนระหว่างมีตกขาวสีเขียว
การตกขาวสีเขียวนั้นถือว่าไม่ใช่เรื่องปกติของผู้หญิงทั่วไป และไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน ดังนั้นจึงทำให้การเกิดตกขาวสีเขียวนั้นมักมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย อาทิ
-
- ปวด หรือแสบบริเวณอวัยวะเพศ
- ส่งกลิ่นเหม็นรุนแรง
- ปวดบริเวณช่องคลอด และอวัยวะเพศขณะมีเพศสัมพันธ์
- คันบริเวณช่องคลอด
- มีเลือดออกบริเวณช่องคลอดเล็กน้อย (จะพบได้ตอนตรวจภายใน)
- ท้องร่วง
- มีไข้ธรรมดา
- ปวดกระดูกเชิงกราน
- มีผื่นขึ้น
- ปวดแสบ ปวดร้อนบริเวณอวัยวะเพศขณะปัสสาวะ
บทความที่เกี่ยวข้อง : 100 สิ่งที่คุณแม่หลังคลอดต้องรู้ ตอนที่ 25 หลังคลอดแล้ว ประจำเดือนยังไม่มา ผิดปกติหรือไม่ ?
ซึ่งอาการเหล่านี้มักส่งผลต่อชีวิตประจำวันของคุณเป็นอย่างมาก แต่ถ้าหากกระทบต่อชีวิตประจำวันของคุณมากจนเกินไป คุณควรพบแพทย์ในทันทีเพื่อรักษา เพราะไม่ฉะนั้นอาจมีอันตรายมากกว่าอาการเหล่านี้ก็เป็นได้ โดยอาการเบื้องต้นที่อาจเกิดขึ้น และรบกวนชีวิตประจำวันของคุณ ได้แก่
-
- มีไข้สูงเกิน 38 องศา
- คลื่นไส้ อาเจียนแบบรุนแรง
- ปวดบริเวณกระดูกเชิงกราน หรือช่องท้องรุนแรง
- ชีพจรอ่อน หมดแรง
นอกจากนี้การเกิดตกขาวสีเขียวนั้นอาจส่งผลทำให้เกิดโรคร้ายแรงที่ส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อน และความเสียหายต่อร่างกายของเราอย่าวถาวร ซึ่งเป็นเหตุทำให้เกิดภาวะต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
-
- การตั้งครรภ์นอกมดลูก
- ภาวะมีบุตรยาก
- โรคกระดูกเชิงกรานอักเสบ หรือ pelvic inflammatory disease (PID) เป็นภาวะการอักเสบของอวัยวะสืบพันธุ์เพศหญิงที่เกิดจากการติดเชื้อ
- กลุ่มอาการท็อกซิกช็อก หรือ Toxic Shock Syndrome (TSS) เป็นอาการที่เกิดขึ้นได้ยาก แต่เป็นภาวะคุกคามที่อันตรายต่อชีวิต ซึ่งเกิดจากแบคทีเรียปล่อยสารพิษเข้าสู่ร่างกายของเรา
- การแพร่กระจายของเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งอาจเป็นการส่งต่อเชื้อไปยังคู่นอน หรือบุคคลที่สัมผัสใกล้ชิด
บทความที่เกี่ยวข้อง : ท้องนอกมดลูก คืออะไร ลูกจะรอดไหม สัญญาณเตือนท้องนอกมดลูก มีอะไรบ้าง
การรักษาอาการตกขาวสีเขียว ด้วยตนเองที่บ้าน
อาการตกขาวสีเขียวนั้นหากไม่ได้มีอาการรุนแรง หรือไม่ได้รบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของคุณมากเกินไปคุณสามารถที่จะรักษาบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ของคุณได้เองจากที่บ้าน โดยไม่ต้องไปพบคุณหมอ โดยมีวิธีการดังต่อไปนี้
-
- หมั่นล้างอวัยวะเพศอย่างน้อยวันละ 2-3 ครั้ง โดยปล่อยให้น้ำไหลผ่าน และไม่ต้องใช้น้ำยา หรือสบู่ทำความสะอาด หลังจากล้างเป็นที่เรียบร้อยแล้วควรเช็ดให้แห้งก่อนสวมชุดชั้นใน เพราะความชื้นอาจทำให้เชื้อแบคทีเรียเติบโตได้เป็นอย่างดี ซึ่งอาจส่งผลต่ออาการแทรกซ้ายรุนแรงในอนาคตได้
- อาบน้ำอุ่น หรือใช้น้ำอุ่นในการทำความสาดบริเวณอวัยวะเพศ เพื่อช่วยบรรเทาอาการคันที่เกิดขึ้น พยายามอย่าเกา ของสัมผัสบริเวณนั้นมากจนเกินไป
- หลีกเลี่ยงการสวมชุดชั้นในที่รัดรูป หรือเป็นผ้าที่แข็ง และทำจากใยสังเคราะห์ เพราะจะไม่อ่อนโยนต่อบริเวณช่องคลอด ควรเลือกใช้ชุดชั้นในที่มีขนาดพอดี หรือใหญ่กว่าเล็กน้อย และเป็นผ้าฝ้าย เพื่อให้มีการระบายอากาศได้ดี และลดอาการระคายเคือง
หรือถ้าหากสุดท้ายแล้ว อาการไม่ดีขึ้น หรือคุณรู้สึกได้ว่าร่างกายของคุณเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีมากนัก กรุณาไปพบแพทย์ในทันที เพื่อตรวจสอบ และรักษาให้ทันท่วงที
การป้องกันการเกิดตกขาวสีเขียว
- หลีกเลี่ยงการสวนล้าง และการใช้สบู่ที่มีกลิ่นหอมเพื่อกลบกลิ่นของตกขาวเด็ดขาด เพราะอาจทำให้เชื้อโรค หรือแบคทีเรียเข้าไปภายในช่องคลอดได้มากขึ้น
- ใช้ถุงยางอนามัยระหว่างมีเพศสัมพันธ์ เพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หนึ่งในสาเหตุของการเกิดอาการตกขาวสีเขียว
- จำกัดคู่นอน ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย
- เปลี่ยน หรือถอดผ้าอนามัยแบบสอด หลังจากการใช้งานไปแล้ว 4-8 ชั่วโมง เพราะการใช้ผ้าอนามัยแบบสอดนานจนเกินไปอาจทำให้เชื้อแบคทีเรียก่อตัว
อันตรายที่เราอาจไม่เคยรู้ และไม่เคยสังเกตจากการเปลี่ยนแปลงของสิ่งที่เราคุ้นเคยก็น่ากลัวเหมือนกันนะคะ เราต้องหมั่นตรวจเช็กและใส่ใจร่างกายของเราให้มากขึ้น เพื่อสุขอนามัย และสุขภาพที่ดี หากพบอาการผิดปกติของร่างกายที่อาจส่งผลทำให้เกิดความรุนแรงต้องรีบไปพบแพทย์ในทันนะคะ อย่าปล่อยผ่าน ด้วยความปรารถนาดี
บทความที่น่าสนใจ :
10 สัญญาณ ใกล้คลอด ที่เเม่ต้องเฝ้าระวัง
ตกขาวปนเลือด ผิดปกติหรือไม่ สาเหตุเกิดจากอะไร เมื่อไหร่ต้องไปหาหมอ ?
ตกขาวมีกลิ่นทำไงดี ? วิธีแก้ปัญหากลิ่นเหม็นจากตกขาว
แชร์ประสบการณ์หรือ เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับอาการตกขาวสีเขียว ได้ที่นี่!
ตกขาวสีเขียว เกิดจากอะไรคะ เป็นอันตรายไหมคะแบบนี้
ที่มา : healthgrades, primefertilitycenter, tuasaude, buoyhealth
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!