คนท้องกินอะโวคาโดได้ไหม แม่ท้องอยากกินอะโวคาโดทำไงดี?

เพราะมันคือสุดยอดอาหาร ที่ผลวิจัยชี้ว่าแม่ท้องควรทาน!

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ในช่วงตั้งครรภ์ คุณแม่สายสุขภาพ หรือรักการรับประทานอาหารคลีนอาจสงสัยว่า คนท้องกินอะโวคาโดได้ไหม กินแล้วอ้วนหรือเปล่า เพราะการรับประทานอะโวคาโดมากเกินไป อาจทำให้ร่างกายเกิดไขมันสะสม จนส่งผลกระทบต่อลูกน้อยในครรภ์ได้ วันนี้ theAsianparent Thailand จะพาคุณแม่ทุกท่านมาไขข้อสงสัยที่ว่า คนท้องกินอะโวคาได้ไหม ถ้าพร้อมแล้ว ตามมาดูกัน

 

คนท้องกินอะโวคาโดได้ไหม?

หากคุณแม่ตั้งครรภ์กำลังสงสัยว่าคนท้องกินอะโวคาโดได้ไหม คำตอบคือ ได้ค่ะ เพราะอะโวคาโดเป็นผลไม้ที่ให้สารอาหารสำคัญแก่ร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นโฟเลต โพแทสเซียม ไฟเบอร์ ไขมัน วิตามิน และแร่ธาตุ ล้วนจำเป็นต่อร่างกายคุณแม่ตั้งครรภ์ อีกทั้งอะโวคาโดยังมีประโยชน์ร่างกายคุณแม่หลายอย่าง ซึ่งจะช่วยให้ลูกน้อยในครรภ์มีการเจริญเติบโต และมีพัฒนาการที่ดีเยี่ยม ดังนั้นการรับประทานอะโวคาโดตอนท้อง จึงถือว่าปลอดภัย และดีต่อสุขภาพคุณแม่ค่ะ

 

คนท้องกินอะโวคาโดได้มากเท่าไหร่?

สำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ สามารถรับประทานอะโวคาโดวันละครึ่งผลเท่านั้น เพราะการรับประทานอะโวคาโดที่มากเกินไป ก็อาจส่งผลให้เกิดผลข้างเคียงตามมาได้ แม้ว่าจะพบได้ไม่บ่อยก็ตาม ทางที่ดีคุณแม่ควรรับประทานอะโวคาโดร่วมกับอาหารอื่น ๆ เพื่อช่วยให้ร่างกายได้รับโฟเลตสูง หากคุณแม่มีระดับโฟเลตที่ต่ำในช่วงตั้งครรภ์ไตรมาสแรก ก็อาจส่งผลให้เกิดความบกพร่องต่อท่อประสาทลูกได้ ดังนั้นหากคุณแม่จะรับประทานอะโวคาโด ควรรับประทานวันละครึ่งลูกก็พอแล้วค่ะ เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณแม่เอง และลูกน้อยในครรภ์

บทความที่เกี่ยวข้อง : อะโวคาโด กินยังไง ผลไม้กินดี มีประโยชน์หลากหลาย ที่สาว ๆ ไม่ควรพลาด

 

 

อะโวคาโดดีต่อคนท้องอย่างไร?

นอกจากอะโวคาโด จะช่วยให้ร่างกายคุณแม่ได้รับสารอาหารที่จำเป็นแล้ว การรับประทานอะโวคาโดในช่วงตั้งครรภ์ ยังดีต่อสุขภาพคุณแม่ และทารกในครรภ์ ดังต่อไปนี้

  • ช่วยให้ร่างกายได้โฟเลต

หากคนท้องขาดโฟเลต หรือกรดโฟลิก ก็อาจส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโต และพัฒนาการของทารกในครรภ์ได้ ดังนั้นคุณแม่สามารถรับประทานอะโวคาโด เพื่อช่วยให้ร่างกายได้รับโฟเลต ไปบำรุงทารกในครรภ์ เพราะในอะโวคาโดนั้นอุดมไปด้วยโฟเลตปริมาณ 5 ไมโครกรัมต่อครึ่งถ้วย

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

  • ช่วยย่อยอาหาร

เมื่อเข้าสู่ช่วงตั้งครรภ์ คุณแม่หลายคนมักมีอาการอาหารไม่ย่อย ท้องผูก และท้องร่วง ดังนั้นคุณแม่จึงควรรับประทานอะโวคาโด เพราะในอะโวคาโดนั้นมีเส้นใยอาหารมากมาย ที่จะช่วยให้ร่างกายย่อยอาหารได้ง่ายขึ้น และทำให้ลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น

  • ช่วยลดอาการแพ้ท้อง

สำหรับคุณแม่ที่มีอาการแพ้ท้องในช่วงไตรมาสแรก สามารถรับประทานอะโวคาโดเพื่อช่วยบรรเทาอาการได้ เพราะในอะโวคาโด อุดมไปด้วยวิตามินซีมากมาย ที่สามารถช่วยลดอาการแพ้ท้อง และอาการคลื่นไส้ของคุณแม่ตั้งครรภ์ได้ค่ะ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา
  • ช่วยบำรุงสมองคุณแม่ และลูกในครรภ์

ในอะโวคาโด มีโอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 ที่สามารถช่วยบำรุงสมอง และระบบประสาทของคุณแม่ และลูกในครรภ์ได้ หากคุณแม่ต้องการรับประทานผลไม้ดี ๆ การกินอะโวคาโดเป็นประจำ ก็จะช่วยพัฒนาระบบสมองของลูกน้อยได้อย่างดีเยี่ยม

  • ช่วยป้องกันสมองเสื่อม

นอกจากการช่วยบำรุงสมอง และระบบประสาทแล้ว อะโวคาโดยังสามารถช่วยป้องกันสมองเสื่อมได้ด้วย เพราะมีงานวิจัยได้ศึกษาว่า การรับประทานอะโวคาโดช่วยป้องกันภาวะสมองเสื่อม และระบบเส้นประสาทของคุณแม่ และลูกในครรภ์

บทความที่เกี่ยวข้อง : 9 เคล็ดลับความสวยด้วยอะโวคาโด ผลไม้ดีต่อสุขภาพและความงาม

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

  • ช่วยให้คนท้องไม่อ้วน

อะโวคาโดอุดมไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว ซึ่งเป็นไขมันที่ย่อยง่าย มีคาร์โบไฮเดรตที่ต่ำ ทำให้คุณแม่ที่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์สามารถรับประทานได้ นอกจากนี้อะโวคาโดยังสามารถช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือด ทำให้รับประทานแล้วไม่อ้วน ถือเป็นผลไม้ที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรรับประทานเป็นอย่างมาก

  • ช่วยให้คุณแม่ผิวสวย

การรับประทานอะโวคาโดช่วยให้ผิวพรรณของคุณแม่ชุ่มชื่นมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะบริเวณผิวหน้า และรอบดวงตา จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นได้เป็นอย่างดี โดยคุณแม่สามารถฝานอะโวคาโดเป็นแผ่นบาง ๆ แล้วนำมาแปะทิ้งไว้บนใบหน้า และรอบดวงตาประมาณ 10-15 นาที หรือสามารถนำมาทำเป็นสูตรมาสก์หน้าโดยการนำเนื้ออะโวคาโดมาบด แล้วทาทั่วใบหน้าทิ้งไว้ 10-15 นาที ก็จะช่วยลดความหมองคล้ำ และทำให้ผิวคุณแม่ชุ่มชื่นค่ะ

  • ช่วยให้คุณแม่ผมสวย

คุณแม่สามารถใช้อะโวคาโดหมักผม เพื่อช่วยให้ผมนุ่มสลวย เงางามได้ โดยให้คุณแม่นำเนื้ออะโวคาโดครึ่งผล มาผสมกับไข่แดง 1 ฟอง และน้ำมันมะกอกครึ่งช้อน จากนั้นนำไปชโลมทั่วศีรษะ นวดเบา ๆ แล้วหมักทิ้งไว้ 25 นาที เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้คุณแม่มีผมที่เงางาม สุขภาพดี และไม่ต้องไปทำทรีตเมนต์ที่ร้านค่ะ

  • ช่วยให้คุณแม่ขับถ่ายง่าย

อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่มีกากใยสูง หากรับประทานเป็นประจำ ก็จะสามารถช่วยให้คุณแม่ขับถ่ายได้ง่าย โดยเฉพาะคุณแม่ที่กำลังท้องผูกอยู่ การรับประทานอะโวคาโด ก็จะช่วยให้เรื่องระบบขับถ่าย และป้องกันโรคริดสีดวงระหว่างตั้งครรภ์ได้เป็นอย่างดี

  • ช่วยบรรเทาอาการตะคริว

อาการตะคริว เป็นอาการที่พบได้บ่อยในช่วงตั้งครรภ์ โดยเฉพาะตะคริวที่ขา และเท้า สร้างความรำคาญ และความเจ็บปวดให้กับคุณแม่เป็นอย่างมาก ดังนั้นการรับประทานอะโวคาโด ก็จะช่วยบรรเทาอาการตะคริวที่ขาได้ เพราะอะโวคาโดนั้น อุดมไปด้วยโพแทสเซียมที่สามารถช่วยลดอาการตะคริวได้อย่างดีเยี่ยม

บทความที่เกี่ยวข้อง : 5 เมนูอะโวคาโด จะสายไหนก็อร่อยไปพร้อม ๆ กับมีสุขภาพที่ดีได้

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

ข้อควรในระวังในการรับประทานอะโวคาโด

แม้ว่าการรับประทานอะโวคาโดในช่วงตั้งครรภ์ จะมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย แต่คุณแม่ก็ควรระวังข้อจำกัดบางอย่างเป็นพิเศษ โดยข้อควรระวังของการรับประทานอะโวคาโด มีดังนี้

  • คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอะโวคาโดดิบ เพราะหากรับประทานเข้าไปมาก ๆ ก็อาจส่งผลให้เกิดอาการปวดศีรษะได้
  • หากคุณแม่แพ้น้ำยาง ควรระมัดระวังการสัมผัสอะโวคาโดเป็นพิเศษ เพราะผลอะโวคาโดมียางที่อาจเป็นอันตรายสำหรับคนที่แพ้
  • สำหรับคุณแม่ที่กำลังควบคุมน้ำหนัก ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอะโวคาโดที่มากเกินไป เพราะอะโวคาโดมีแคลอรีที่สูง แม้ว่าจะเป็นไขมันดีก็ตาม

 

อะโวคาโดถือเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์แก่คนท้องเป็นอย่างมาก เพราะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็น และช่วยบำรุงครรภ์ได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามการบริโภคอะโวคาโดที่มากเกินไป ก็อาจส่งผลเสียต่อร่างกาย ทำให้เกิดโรคอ้วน และโรคหัวใจได้ ดังนั้นคุณแม่จึงควรรับประทานแต่พอดี วันละครึ่งลูก และควรรับประทานคู่กับอาหารประเภทอื่น ๆ เพียงเท่านี้ก็ปลอดภัยแล้วค่ะ

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

8 เมนูอะโวคาโด สำหรับลูกน้อย มีประโยชน์แถมอร่อย ทำได้เองที่บ้าน

อะโวคาโดไข่ ทำอย่างไรนะ ? เรามีสูตรลับมาแชร์ให้คุณแม่ลองทำกันค่ะ

9 ผลไม้สีเขียว วิตามินอัดแน่น บำรุงสายตา บอกลาท้องผูก ดีต่อระบบขับถ่าย !!

ที่มา : 1, 2, 3

บทความโดย

Muninth