หัวใจวายเฉียบพลัน หรือกล้ามเนื้อหัวใจตาย (MI) เป็นเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์ที่ร้ายแรง และอาจคุกคามถึงชีวิต ซึ่งอาจเป็นผลมาจากสาเหตุหลายประการ เราจะมาเรียนรู้ถึงสาเหตุที่เป็นไปได้ของอาการหัวใจวายเฉียบพลัน วิธีสังเกตอาการ และวิธีรักษาที่สามารถต่อสู้กับภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันได้ รวมถึงเรียนรู้วิธีการดูแลตัวเองหากมีความเสี่ยงต่ออาการหัวใจวาย เป็นต้น
หัวใจวายเฉียบพลัน คืออะไร ?
อาการหัวใจวายเฉียบพลันเกิดจากการอุดตันของหลอดเลือดแดงที่ให้เลือด ซึ่งอุดมด้วยออกซิเจนที่เลี้ยงไปยังหัวใจ การอุดตันนี้มักเกิดจากการสะสมของคราบ ซึ่งเป็นการรวมกันของคอเลสเตอรอล แคลเซียม และสารอื่น ๆ เมื่อเกิดการอุดตันนี้ การไหลเวียนของเลือดไปยังหัวใจจะลดลงหรือถูกปิดกั้นอย่างสมบูรณ์ ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจเสียหาย เมื่อเป็นเช่นนี้ หัวใจจะไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปหล่อเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายได้เพียงพอ ส่งผลให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้
บทความที่เกี่ยวข้อง : เป็นโรคหัวใจแล้วท้อง เลือกคลอดแบบไหน ทารกในครรภ์ อันตรายหรือไม่ วิธีดูแลตัวเองหลังคลอด
วิดีโอจาก : Bumrungrad International Hospital
สาเหตุของหัวใจวายเฉียบพลัน
อาการหัวใจวายเฉียบพลัน หรือที่เรียกว่ากล้ามเนื้อหัวใจตาย เกิดขึ้นเมื่อส่วนหนึ่งของกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดที่อุดมด้วยออกซิเจนอย่างกะทันหัน เกิดจากการอุดตันในหลอดเลือดแดง ซึ่งเป็นหนึ่งในเส้นเลือดสำคัญที่ส่งเลือดไปเลี้ยงหัวใจ การอุดตันมักเกิดจากการสะสมของคราบจุลินทรีย์ที่มีคอเลสเตอรอล ซึ่งทำให้หลอดเลือดตีบตัน และลดการไหลเวียนของเลือด การสูญเสียเลือดที่มีออกซิเจนไปยังหัวใจอย่างกะทันหันอาจทำให้กล้ามเนื้อหัวใจเสียหายรุนแรง หรือเสียชีวิตได้
ปัจจัยเสี่ยงของอาการหัวใจวายเฉียบพลันส่วนใหญ่เหมือนกับโรคหัวใจและหลอดเลือด สิ่งเหล่านี้รวมถึงความดันโลหิตสูง คอเลสเตอรอลสูง การสูบบุหรี่ โรคเบาหวาน โรคอ้วน การไม่ออกกำลังกาย และการมีประวัติบุคคลในครอบครัวที่เป็นโรคหัวใจ รวมถึงปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ได้แก่ อายุที่มากขึ้น ความเครียด และการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หากรู้ว่าตนเองเสี่ยง จากปัจจัยเหล่านี้ควรลดความเสี่ยงโดยการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต การดูแลตัวเองด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
อาการของโรคหัวใจวายเฉียบพลัน
อาการที่พบบ่อยที่สุดของอาการหัวใจวายเฉียบพลันคืออาการเจ็บหน้าอกอย่างฉับพลัน รุนแรง และรู้สึกกดทับ ซึ่งอาจแผ่ไปยังแขนและไหล่ รวมถึงคอ หลัง และกราม อาการอื่น ๆ อาจรวมถึงคลื่นไส้ เหงื่อออก หายใจถี่ และเวียนศีรษะ หากคุณพบอาการเหล่านี้ ให้โทรหาบริการฉุกเฉินของสถานพยาบาลทันที เนื่องจากยิ่งรับมือเร็วเท่าไหร่ จะยิ่งเสี่ยงน้อยลง อาจมีอาการอื่น ๆ เล็กน้อยร่วมด้วย เช่น สับสน ไอ และเหนื่อยล้า และในบางกรณีบุคคลนั้นอาจไม่รู้สึกเจ็บปวดหน้าอกเลย
การวินิจฉัย และการรักษาภาวะหัวใจวายเฉียบพลันตั้งแต่เนิ่น ๆ เป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากสามารถป้องกันความเสียหายเพิ่มเติมที่จะเกิดกับกล้ามเนื้อหัวใจ และลดความเสี่ยงของการเสียชีวิตได้
การวินิจฉัยภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน
การวินิจฉัยภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันจำเป็นต้องได้รับการประเมินทางการแพทย์อย่างละเอียดถี่ถ้วน ซึ่งรวมถึงการตรวจร่างกาย การทดสอบในห้องปฏิบัติการ และการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) การตรวจร่างกายจะประเมินสัญญาณทั่วไปของภาวะหัวใจล้มเหลว เช่น เท้าและขาบวม หัวใจเต้นเร็ว และหายใจถี่ การทดสอบในห้องปฏิบัติการสามารถระบุสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลว การทดสอบภาพ Echocardiogram หรือ CT scan สามารถให้ภาพของหัวใจและประเมินการทำงานของหัวใจได้ ส่วน ECG สามารถตรวจจับจังหวะการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติได้ การรักษาจะขึ้นอยู่กับสาเหตุของภาวะหัวใจล้มเหลว และความรุนแรงของอาการในเวลานั้น
การรักษาอาการหัวใจวายเฉียบพลัน
เป้าหมายหลักของการรักษาอาการหัวใจวายเฉียบพลัน คือ การฟื้นฟูการไหลเวียนของเลือด ไปยังหลอดเลือดแดงที่ถูกปิดกั้นโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ อาจมีการทำ Angioplasty (การผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ) ยาที่ใช้ช่วยในการรักษาอาการหัวใจวายเฉียบพลัน ได้แก่ ยาต้านการแข็งตัวของเลือดเพื่อทำให้เลือดบางลง และป้องกันการแข็งตัวเพิ่มเติม ยาต้านเกล็ดเลือดเพื่อป้องกันการแข็งตัวเพิ่ม และสารยับยั้งเอนไซม์ ACE (angiotensin-converting enzyme) เป็นต้น
การผ่าตัดขยายหลอดเลือดเป็นขั้นตอนที่นิยมใช้กัน ซึ่งจะเป็นการใช้สายสวนเพื่อเปิดหลอดเลือดแดงที่ถูกอุดตัน หากการอุดตันรุนแรงขึ้น อาจจำเป็นต้องผ่าตัดบายพาสหลอดเลือดหัวใจเพื่อสร้างเส้นทางใหม่สำหรับการไหลเวียนของเลือดไปยังหัวใจ
การป้องกันอาการหัวใจวายเฉียบพลัน
การป้องกันภาวะหัวใจวายฉับพลันเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาสุขภาพให้แข็งแรง และลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะที่อาจถึงชีวิตได้ สิ่งสำคัญ คือ ต้องรักษาวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดี ด้วยการรับประทานอาหารที่สมดุลครบ 5 หมู่ เลี่ยงการทานอาหารที่มีไขมันสูง หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์ การตรวจติดตามความดันโลหิต คอเลสเตอรอล และตัวบ่งชี้สุขภาพอื่น ๆ เป็นประจำ สิ่งเหล่านี้ทำได้ไม่ยาก หากจะทำ สามารถช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ นอกจากนี้การจัดการระดับความเครียด และการพักผ่อนให้เพียงพอก็มีความสำคัญในการลดความเสี่ยงของอาการหัวใจวายกะทันหันด้วย
การดูแลตนเองสำหรับผู้ป่วยเสี่ยงหัวใจวายเฉียบพลัน
การดูแลตัวเองเมื่อคุณมีภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันเป็นสิ่งสำคัญ ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับการดูแลตนเองที่จะช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดีขึ้นขณะที่กำลังเผชิญกับเรื่องร้ายนี้ ได้แก่
- ติดตามอาการของ และติดต่อแพทย์หากมีอาการแย่ลง หรือมีอาการใหม่
- รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แต่อย่าออกแรงมากเกินไป ควรปรึกษาแพทย์ถึงกีฬาที่เหมาะสมก่อน
- รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพที่มีโซเดียม และไขมันอิ่มตัวต่ำ
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ และการดื่มแอลกอฮอล์
- พักผ่อนให้เพียงพอ และอย่าลืมหยุดพักร่างกายระหว่างการทำงานบ้าง
แม้ว่าอาการหัวใจวายเฉียบพลันอาจเป็นอันตรายได้ แต่ก็มีวิธีลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะหัวใจวายเฉียบพลันได้ การดูแลตนเอง และส่งเสริมความแข็งแรงของหัวใจเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน หากพบอาการใด ๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งของหัวใจวายเฉียบพลัน ห้ามรอช้าอย่างเด็ดขาด ควรที่จะต้องไปปรึกษาแพทย์โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
โรคหัวใจ เกิดจากสาเหตุอะไร โรคหัวใจมีอาการอะไรบ้าง โรคหัวใจมีวิธีรักษาอย่างไรบ้าง
โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ รวมทุกเรื่องควรรู้เกี่ยวกับภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ภัยเงียบใกล้ตัว สาเหตุ อาการ และวิธีป้องกัน
ที่มา : bumrungrad, 2
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!