กินอะไรให้คลอดเร็ว สำหรับคุณแม่ที่ตั้งท้องมาเกือบจะ 40 สัปดาห์แล้ว แต่ไม่มีวี่แววว่าจะคลอดลูกเลย ตั้งใจที่จะคลอดธรรมชาติอยู่แล้ว กลัวได้ผ่าคลอดแทน มีวิธีไหนไหมที่ช่วยให้คลอดลูกได้เร็วยิ่งขึ้น แม่ ๆ คนไหนที่กำลังเผชิญปัญหานี้อยู่ ลองมาทานอาหารเหล่านี้ดูสิคะ
กินอะไรให้คลอดเร็ว สำหรับแม่ท้องแก่
1. ชาราสป์เบอร์รี
การดื่มชาราสป์เบอร์รีเป็นประจำ จะช่วยในการเสริมสร้างมดลูกให้แข็งแรงตอบโจทย์สำหรับคุณแม่ที่ต้องการบำรุงมดลูกมาก ๆ เลยค่ะ ในขณะเดียวกันสำหรับคุณแม่ท้องแก่ ชาราสป์เบอร์รีนี้ก็ยังช่วยให้กล้ามเนื้อมดลูกหดเกร็งตัว หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ ช่วยให้คลอดได้เร็วยิ่งขึ้นนั่นเองค่ะ
2. น้ำมันอีฟนิงพริมโรส
น้ำมันอีฟนิงพริมโรส (Evening Primrose Oil: EPO) จะประกอบไปด้วยกรดไขมันที่สำคัญคือ กรด Linoleic acid และ กรด Gamma Linolenic Acid ทั้งยังมีสารเคมีที่จำเป็นต่อร่างกายที่เรียกว่า Prostaglandins ที่มีความเกี่ยวข้องกับการบีบตัว หรือหดเกร็งของมดลูก ทำให้ในปัจจุบันมีการนำสารนี้มาทำเป็นยากระตุ้นการคลอดลูก และยาแก้ปวดท้องประจำเดือนค่ะ
3. สับปะรด
ในสับปะรด มีเอนไซม์ชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า Bromelain และจะพบมากในแกนสับปะรด ซึ่งมีส่วนช่วยให้ปากมดลูกนิ่ม และยังช่วยในการกระตุ้นการหดตัวของกล้ามเนื้อบริเวณมดลูกอีกด้วยค่ะ แต่อย่างไรก็ตาม การกินสับปะรดมาก ๆ อาจทำให้คุณแม่ท้องเสียแทนที่จะได้คลอดลูกนะคะ
บทความที่เกี่ยวข้อง : คนท้องกินสับปะรดได้ไหม กินสับปะรดตอนท้องแล้วจะแท้งจริงหรือ?
4. มะละกอสุก
ในมะละกอสุกก็มีเอนไซม์ชนิดหนึ่งที่ช่วยในการเร่งคลอดได้เช่นกัน เพียงแต่เป็นคนละตัวกับสับปะรด ซึ่งเอนไซม์ชนิดนี้มีชื่อว่า Papain โดยจะพบมากที่ยางมะละกอ และมะละกอสุกค่ะ ซึ่งน้ำยางนี้จะทำหน้าที่เหมือน Oxytocin และ Prostaglandins ที่สามารถกระตุ้นการหดตัวของมดลูกได้ค่ะ
5. อาหารรสจัด
การกินอาหารรสจัดจ้าน หรือรสเผ็ด เชื่อกันว่าจะช่วยให้คนท้องสามารถคลอดลูกได้เร็วยิ่งขึ้น บางคนเชื่อว่าการกินข้าวแกงกะหรี่จะช่วยในการกระตุ้นการหดเกร็ง หรือการบีบหดเกร็งของมดลูกมากขึ้นค่ะ แต่ทั้งนี้ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจน มีเพียงการศึกษาในวารสาร Birth เมื่อปี 2011 เท่านั้น
วิธีเร่งคลอดแบบธรรมชาติ
การกระตุ้นที่หัวนม (Breast stimulation)
- การกระตุ้นหัวนมจะช่วยให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมน Oxytocin ทำให้มดลูกหดตัว ซึ่งวิธีนี้คุณแม่สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยใช้ฝ่ามือนวดบริเวณลานนมเบา ๆ ครั้งละ 15-20 นาที ทุก ๆ ชั่วโมง วันละหลาย ๆ ครั้ง ก็จะช่วยให้เกิดการเจ็บครรภ์คลอดขึ้น และช่วยให้ปากมดลูกมีความพร้อมมากขึ้น
การเดินออกกำลังกาย
- เป็นวิธีเร่งคลอดแบบธรรมชาติอีกหนึ่งวิธีที่คุณแม่สามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงแค่คุณแม่เดินให้ไกล และนานขึ้น ก็จะทำให้ตำแหน่งของทารกเคลื่อนตัวลงตำแหน่งบริเวณที่จะคลอดค่ะ
หลังคลอดกินอะไรได้บ้าง?
1. เนื้อสัตว์ที่มีไขมันน้อย
หลังจากที่คุณแม่คลอดลูกแล้ว คุณแม่ควรเลือกรับประทานเนื้อสัตว์ที่มีไขมันน้อย เพราะจะดีต่อสุขภาพของคุณแม่นะคะ เพราะเนื้อที่ไม่มีไขมัน จะอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก, โปรตีน และวิตามินบี 12 ที่จะช่วยเสริมสร้างพลังงานให้คุณแม่หลังคลอดที่กำลังอยู่ในช่วงให้นมลูกค่ะ
2. ธัญพืชไม่ขัดสี
ธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสี ถือเป็นอาหารอีกหนึ่งประเภทที่มีประโยชน์สำหรับคุณแม่หลังคลอดมาก ๆ เพราะจะอุดมไปด้วยประโยชน์ที่ครบถ้วนตามธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น โปรตีน, วิตามิน, แร่ธาตุ, คาร์โบไฮเดรต, ใยอาหาร, ไขมัน เป็นต้น ซึ่งธัญพืชไม่ขัดสีที่คุณแม่สามารถหารับประทานได้ง่าย ๆ ก็จะมีอย่างเช่น ขนมปังโฮลวีต, ข้าวโพด, ข้าวโอ๊ต, ข้าวบาร์เลย์, ลูกเดือย, ข้าวกล้อง เป็นต้น
3. หัวปลี
ในส่วนของหัวปลีก็ถือเป็นผักที่จะช่วยบำรุงสุขภาพของคุณแม่หลังคลอดได้เป็นอย่างดี ซึ่งในหัวปลีนั้นอุดมไปด้วยประโยชน์มากมายที่ดีต่อสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็น แคลเซียม, โปรตีน, ธาตุเหล็ก, ฟอสฟอรัส, วิตามินซี, Beta-carotene เป็นต้น ดังนั้น จึงมีสรรพคุณเด่น ๆ ในการช่วยบำรุงเลือดได้ดี ช่วยลดน้ำตาลในเลือด และยังช่วยกระตุ้นน้ำนมแม่ได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ
บทความที่เกี่ยวข้อง : คนท้องกินหัวปลีได้ไหม หลายเหตุผลที่บ่งชี้ว่าคนท้องต้องกินหัวปลี !
4. สลัดผลไม้
สลัดผลไม้ก็เป็นอาหารอีกหนึ่งประเภทที่คุณแม่สามารถเลือกรับประทานได้เช่นกันค่ะ เพราะจะช่วยในเรื่องของการเพิ่มพลังงานให้ร่างกาย บำรุงผิวพรรณ และสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย แนะนำให้คุณแม่เลือกรับประทานผลไม้สดที่มีหลากหลายสีสัน นำมาหั่นรวมกันเป็นชิ้น ๆ เพราะผลไม้แต่ละสีก็จะมีประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพร่างกายแตกต่างกันไป และในส่วนของน้ำสลัด แนะนำให้คุณแม่ใช้น้ำสลัดที่ปราศจากน้ำตาล และไขมัน หากเลือกใช้แบบแคลอรีต่ำก็จะดีมาก ๆ เลยค่ะ
อาหารอะไรบ้างที่แม่ให้นมลูกไม่ควรกิน
1. อาหารทะเล
อาหารทะเล เป็นอาหารที่คุณแม่ควรหลีกเลี่ยง หรือไม่ก็ควรระมัดระวังในการรับประทานเป็นพิเศษ เพราะอาหารทะเลบางชนิดก็อาจมีการปนเปื้อนของสารปรอทอยู่ ซึ่งถ้าหากคุณแม่รับประทานเข้าไปก็จะถูกส่งผ่านทางน้ำนมเข้าไปในร่างกายของลูกน้อย และอาจจะส่งผลกระทบต่อพัฒนาการของลูกน้อยได้ค่ะ
2. แอลกอฮอล์
สำหรับคุณแม่ที่อยู่ในช่วงให้นมลูก ควรงดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ว่าจะดื่มเพียงแค่เล็กน้อยก็ตาม เนื่องจากการดื่มแอลกอฮอล์จะส่งผลทำให้พัฒนาการของลูกช้าลงได้ เพราะว่าเมื่อคุณแม่ดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปตัวแอลกอฮอล์ก็จะเจือปนผ่านไปกับน้ำนม และเข้าสู่ร่างกายของลูก เมื่อลูกกินนมแม่
3. คาเฟอีน
การดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูง อาจส่งผลกระทบต่อลูกน้อยได้ ซึ่งทางเลือกที่ดีไม่ควรดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนทุกชนิดจะดีที่สุด แต่ถ้าหากคุณแม่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ควรดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนในปริมาณประมาณ 200-300 มิลลิกรัมต่อวัน ไม่ควรดื่มเกินกว่านี้ค่ะ และเมื่อดื่มคาเฟอีนเข้าไปปริมาณของคาเฟอีนก็จะอยู่ในน้ำนมประมาณ 4 – 6 ชั่วโมง ดังนั้น ก่อนที่คุณแม่จะปั๊มนมให้ลูกน้อยกิน คุณแม่ควรจัดการเวลาให้ดีนะคะ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับข้อมูลที่เรานำมาฝากกันวันนี้ ช่วงใกล้คลอดถือเป็นช่วงสำคัญที่คุณแม่จะต้องดูแลตัวเองอย่างระมัดระวังเป็นพิเศษ แต่เพื่อความปลอดภัยของร่างกาย ถ้าหากคุณแม่ต้องการรับประทานอาหารเพื่อช่วยในการเร่งคลอด หรือใช้วิธีการเร่งคลอดแบบธรรมชาติ คุณแม่ควรที่จะปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญร่วมด้วยนะคะ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณแม่ใกล้คลอดทุกคนนะคะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
เมื่อจำเป็นต้องเร่งคลอด ยาเร่งคลอด ปลอดภัยต่อลูกในท้องหรือเปล่า ?
วิธีเร่งคลอดธรรมชาติ ทำอย่างไรให้ปากมดลูกเปิด
ท่าออกกำลังกายเร่งคลอด แม่ท้องแก่อยากคลอดลูกเร็วต้องทำแบบนี้ (มีคลิป)
ที่มา : Momjunction
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!