TAP top app download banner
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
คู่มือสินค้า
เข้าสู่ระบบ
  • อยากท้อง
  • ระยะการตั้งครรภ์
    • โภชนาการ เเม่ท้อง เเม่ให้นม
    • ไตรมาส 1
    • ไตรมาส 2
    • ไตรมาส 3
    • ตั้งชื่อลูก
  • แม่ผ่าคลอด
    • พัฒนาการเด็กผ่าคลอด
    • เตรียมตัวผ่าคลอด
    • สุขภาพเด็กผ่าคลอด
    • คู่มือคุณแม่ผ่าคลอด
    • การดูแลหลังผ่าคลอด
    • โภชนาการเด็กผ่าคลอด
  • หลังคลอด
    • คลอดธรรมชาติ
    • ผ่าคลอด
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • ลูก
    • ทารกแรกเกิด
    • ทารก
    • เด็กวัยหัดเดิน
    • เด็กก่อนวัยเรียน
    • เด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น และวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • ที่เที่ยว
    • เที่ยวไทย
    • เที่ยวต่างประเทศ
    • ที่พัก และ โรงแรม
  • ที่กิน
    • ร้านอร่อย
    • ร้านอร่อยสำหรับเด็ก
    • คาเฟ่
    • เมนูอาหาร
  • ไลฟ์สไตล์
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • TAPpedia
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
  • VIP

ลูกนอนหายใจทางปาก ลูกหายใจทางปาก ตอนนอน อันตรายไหม

บทความ 5 นาที
ลูกนอนหายใจทางปาก ลูกหายใจทางปาก ตอนนอน อันตรายไหม

แม่ต้องสังเกตลูกนอนหายใจทางปาก ลูกนอนอ้าปาก สัญญาณอันตรายลูกอาจป่วย

อาหารที่สามารถเลี้ยงสมองได้ดี คือ การนอนให้เพียงพอ จะช่วยให้ร่างกายของลูก ได้พักผ่อน สามารถผลิตสารสร้างภูมิต้านทานโรค และทำให้ร่างกายพัฒนาการได้ดี แจ่มใส รวมถึง อารมณ์ดี มีความสามารถในการจดจำ และเรียนรู้ สิ่งต่าง ๆ เพราะฉะนั้น คุณพ่อ คุณแม่ต้องให้ความสำคัญ ในการนอนหลับที่เพียงพอ แก่คุณลูก คุณแม่สังเกตลูกตอนลูกนอนบ้างหรือเปล่า ถ้า ลูกนอนหายใจทางปาก ลูกหายใจทางปาก อันตรายไหม ลูกอ้าปากตอนนอน สัญญาณโรคอะไรได้บ้าง วิธีแก้การนอนอ้าปากทำได้ยังไงบ้าง แม่ต้องรู้ ถ้า ลูกนอนหายใจทางปาก และมีอาการแบบนี้ ต้องรีบพาไปหาหมอด่วน เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปดูกันเลย

 

ทารกนอนอ้าปาก ลูกหายใจทางปาก เกิดจากสาเหตุอะไร?

คุณแม่สังเกตว่า ตาต้า (นามสมมุติ) นอนอ้าปาก ลูกนอนหายใจทางปากแล้วหายใจเสียงดังผิดปกติมา 2 – 3 วัน จึงมาพบหมอ เมื่อได้ตรวจร่างกายแล้ว ก็พบว่า ตาต้า มีอาการหวัด คัดจมูก ร่วมด้วย ทั้งนี้เพื่อความอยู่ทางธรรมชาติ น้องจึง นอนอ้าปากหายใจ โดยหมอได้อธิบายให้คุณแม่ฟังเกี่ยวกับการนอนอ้าปากของทารกดังนี้

 

ลูกนอนหายใจทางปาก แบบไหนที่ต้องรีบไป รพ.

  • เมื่อลูกหายใจทางปาก ร่วมกับหอบเหนื่อย หายใจเร็ว อกบุ๋ม ซี่โครงบาน
  • มีอาการเขียว หรือซึมลง
  • มีการนอนกรน ร่วมกับหยุดหายใจขณะหลับ (OSA : obstructive sleep apnea)

ผลเสียของการอ้าปากหายใจ นอกเหนือจากสาเหตุที่แท้จริงของโรคที่ไม่ได้รักษาแล้ว ยังทำให้เด็กมีอาการคอแห้ง หายใจได้ไม่เต็มที่เหมือนการหายใจทางจมูก มีโอกาสสำลักได้ง่ายขึ้นอีกด้วย ดังนั้นอย่านิ่งนอนใจ พาลูกไปตรวจที่ โรงพยาบาลได้เลย

 

วิดีโอจาก : พี่กัลนมแม่ Pekannommae mother and child care

 

ลูกหายใจทางปาก ทารกนอนอ้าปากหายใจเพราะเหตุใด?

โดยปกติเด็กควรจะหายใจทางจมูกเป็นหลัก เมื่อในที่นอนอ้าปากหายใจ แสดงว่ามีการอุดกั้นของทางเดินหายใจส่วนต้น โดยเฉพาะโพรงจมูก เช่น

  • หากเกิดขึ้นเพียงช่วงสั้น ๆ มักเกิดจาก จมูกอักเสบจากการติดเชื้อ (ไข้หวัด)
  • หากเกิดขึ้นเรื้อรังเป็นเดือน อาจเกิดจากจมูกอักเสบจากสาเหตุอื่น
  • หากเป็นมาแต่กำเนิด อาจเกิดจาก clonal atresia ซึ่งเป็นภาวะความผิดปกติแต่กำเนิดของโพรงจมูกทารก ทำให้ไม่มีรูเปิดที่ปกติของจมูก

นอกจากนี้ ทารกอาจนอนอ้าปากหายใจจากความผิดปกติอื่น ๆ ในโพรงจมูก ทำให้เยื่อบุโพรงจมูกบวมหรือ ต่อมอะดีนอยด์ ซึ่งเป็นต่อมน้ำเหลืองด้านหลังโพรงจมูกมีการอักเสบ และ โตผิดปกติ ความผิดปกติของโครงสร้างใบหน้าที่ทำให้เกิดการอุดกั้นของทางเดินหายใจ ทารกจึงจำเป็นต้อง อ้าปาก เพื่อหายใจทางปาก อันเป็นการช่วยเหลือตนเอง เพื่อความอยู่รอดนั่นเอง

 

ข้อควรระวัง หากทารกนอนอ้าปากหายใจ คืออะไร ?

การนอนอ้าปากในเด็ก มักจะพบร่วมกับ การนอนหายใจเสียงดัง หรือ นอนกรน ซึ่งอาจเกิดภาวะหยุดหายใจ ขณะหลับจากการอุดกั้น เป็นภาวะแทรกซ้อนได้ “ภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น” อันเกิดจากการตีบแคบของทางเดินหายใจส่วนบน ทำให้ต้องหายใจเข้ามากขึ้น เพื่อเอาชนะทางเดินหายใจ ที่ตีบแคบนั้น ทำให้เกิดอาการคือ นอนอ้าปาก หายใจเสียงดังมากกว่าปกติ หยุดหายใจ หายใจเฮือกเป็นพัก ๆ หน้าอกบุ๋ม ริมฝีปากเขียวคล้ำ ขณะนอนหลับ

 

ลูกนอนอ้าปาก วิธีแก้การนอนอ้าปากทำได้ยังไงบ้าง

หากลูกมีอาการ นอนอ้าปากหายใจ เป็นบ่อย ๆ หรือ เรื้อรัง ควรไปพบคุณหมอ หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อตรวจหาสาเหตุ และรับการรักษาอย่างถูกต้อง โดยคุณหมอซักถามประวัติอาการ แล้วตรวจร่างกาย และส่งตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม เพื่อหาสาเหตุดังกล่าวข้างต้น เช่น หากสงสัย ต่อมอะดีนอยด์โต คุณหมออาจส่งตรวจเอกซเรย์ ดูขนาดต่อมอะดีนอยด์ ซึ่งไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เมื่อทราบสาเหตุก็จะได้รีบทำการแก้ไขอย่างถูกต้อง เช่น การให้ยาช่วยลดจมูกบวม ล้างจมูก ดูดน้ำมูก หากมีการติดเชื้อแบคทีเรียในจมูกก็จะได้รับยาปฏิชีวนะจนถึงการผ่าตัดในกรณีที่เกิดจากการผิดปกติอันทำให้เกิดการอุดกั้น ของโครงสร้างในระบบทางเดินหายใจ

 

การรักษาสำหรับทารกนอนอ้าปาก

หากลูกน้อยของคุณมีปัญหาในการหายใจหรือมีอาการอื่น ๆ ร่วมกับการหายใจทางปากให้พิจารณานัดหมายกับกุมารแพทย์ของคุณ แพทย์ของบุตรหลานของคุณสามารถช่วยขจัดเงื่อนไขที่อาจขัดขวางทางเดินหายใจกำหนดยาสำหรับการติดเชื้อใด ๆ หรือสั่งการทดสอบเพิ่มเติม

 

ลูกนอนหายใจทางปาก 2

 

คุณอาจลองทำสิ่งต่อไปนี้ที่บ้านเพื่อล้างความแออัด

  • เครื่องทำให้ชื้น การเพิ่มความชื้นในอากาศสามารถช่วยคัดจมูกได้ เครื่องทำความชื้นแบบละอองเย็นเหมาะสมที่สุดสำหรับทารกและเด็กเล็กเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากการไหม้ หากคุณไม่มีเครื่องเพิ่มความชื้นคุณอาจลองนั่งกับลูกน้อยในห้องน้ำในขณะที่อาบน้ำอุ่นเพื่อสร้างไอน้ำ
  • หลอดฉีดยา น้ำมูกแม้เพียงเล็กน้อยในจมูกของลูกน้อยก็สามารถทำให้หายใจได้ยาก คุณสามารถดูดออกได้โดยใช้หลอดฉีดยาพื้นฐานหรือหนึ่งในตัวดูดน้ำมูกแฟนซีเช่น NoseFrida อ่อนโยนเพื่อไม่ให้ลูกน้อยเจ็บจมูก และทำความสะอาดเข็มฉีดยาของคุณทุกครั้งเพื่อป้องกันไม่ให้แบคทีเรียที่เป็นอันตรายก่อตัวขึ้น
  • ล้างน้ำเกลือ. สเปรย์น้ำเกลือ (น้ำเกลือ) สองสามสเปรย์อาจช่วยบาง ๆ และคลายเมือกก่อนที่คุณจะดูดออก เมื่อลูกน้อยของคุณโตขึ้นคุณอาจลองหม้อเนติหรือน้ำเกลือล้างก็ได้ อย่าลืมต้มน้ำประปาและทำให้เย็นหรือใช้น้ำกลั่นเพื่อความปลอดภัย
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าลูกน้อยของคุณดื่มนมแม่หรือนมผงในปริมาณมากเพื่อหลีกเลี่ยงการขาดน้ำและให้น้ำมูกไหล

 

ทั้งนี้ หากลูกนอนหายใจทางปาก ทารกชอบนอนอ้าปาก หรือนอนกรน และมีอาการผิดปกติต่าง ๆ อันบ่งถึงภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น คุณพ่อ คุณแม่ควรรีบไปพบคุณหมอโดยเร็ว เนื่องจากหากปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้เกิดภาวะขาดออกซิเจนขณะหลับ อันมีผลต่อสมอง พัฒนาการ และ การเจริญเติบโตของลูกได้

รู้กันไปแล้ว ว่าลูกนอนหายใจทางปาก อาจจะทำให้ ป่วยเป็นอะไรได้บ้าง และทำไมถึงต้องรีบพบแพทย์ เพราะอาจจะไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ อีกต่อไป  มาโหวตกันหน่อยว่า ปัญหาสำหรับลูกเล็ก ที่คุณแม่พบเจอบ่อยคืออะไร ถ้ากดโหวตไม่ได้ คลิกที่นี่

 

สาเหตุที่เป็นไปได้ของการหายใจทางปากมีดังต่อไปนี้

  • เสมหะและน้ำมูก

ลูกน้อยของคุณอาจหายใจทางปากโดยไม่จำเป็นหากมีอาการคัดจมูกหรือมีน้ำมูกอุดตัน พวกเขาอาจเป็นหวัดเมื่อเร็ว ๆ นี้หรืออาจแพ้บางสิ่งบางอย่างในสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าในกรณีใดเด็กทารกไม่สามารถล้างน้ำมูกได้เองโดยง่ายดังนั้นจึงอาจชดเชยด้วยการหายใจทางปาก

  • หยุดหายใจขณะหลับ

การหายใจโดยใช้ปากเป็นสัญญาณของภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับซึ่งโดยพื้นฐานแล้วหมายความว่าทางเดินหายใจส่วนบนของทารกถูกอุดกั้นไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง สำหรับทารกและเด็กมักเกิดจากต่อมทอนซิลโตหรือต่อมอะดีนอยด์ อาการอื่น ๆ ได้แก่ การนอนกรนการกระสับกระส่ายระหว่างการนอนหลับการหยุดหายใจและการไอหรือสำลัก

  • กะบังเบี่ยงเบน

บางครั้งการหายใจทางปากอาจเกิดจากความผิดปกติของกระดูกอ่อนและกระดูกที่แยกรูจมูกของทารกออกจากกัน สิ่งนี้อาจนำไปสู่ปัญหาในการหายใจทางจมูกและอาจพบได้บ่อยในผู้ที่มีขากรรไกรบนแคบ (รวมถึงการหายใจด้วยปากด้วย)

 

อาการผิดปกติที่พบได้ในลูกวัยทารก

ลูกวัยแรกเกิด – 3 เดือนแรก คุณพ่อคุณแม่มือใหม่มักกังวลไปตั้งแต่เรื่องกิน นอน ขับถ่าย เรียกว่าห่วงร้อยแปดพันประการกัน ยิ่งถ้าเป็นเรื่องสุขภาพของเจ้าตัวเล็กแล้วละก็เรื่องใหญ่เชียว จึงถือโอกาสพาคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ไปทำความรู้จักโรคที่อาจจะเกิดขึ้นได้กับลูกเล็กวัยแรกเกิดถึง 3 เดือน

บทความจากพันธมิตร
รีวิวเจาะลึกนมผง เด่นเรื่องสมอง เสริม DHA และพัฒนาการรอบด้านของเด็ก แถมมีสารอาหารแน่น มาดูกันชัดๆ ว่ากล่องไหน ตอบโจทย์แม่ที่สุด
รีวิวเจาะลึกนมผง เด่นเรื่องสมอง เสริม DHA และพัฒนาการรอบด้านของเด็ก แถมมีสารอาหารแน่น มาดูกันชัดๆ ว่ากล่องไหน ตอบโจทย์แม่ที่สุด
ไม่ใช่แค่ยุงกัด...แต่คือวิกฤต เมื่อ “ไข้เลือดออก” สร้างผลกระทบที่ลึกซึ้งมากกว่าที่คิดในครอบครัว
ไม่ใช่แค่ยุงกัด...แต่คือวิกฤต เมื่อ “ไข้เลือดออก” สร้างผลกระทบที่ลึกซึ้งมากกว่าที่คิดในครอบครัว
อาหารมื้อแรก สำหรับลูกรัก กินอะไรดี? เพื่อสารอาหารที่ครบถ้วน
อาหารมื้อแรก สำหรับลูกรัก กินอะไรดี? เพื่อสารอาหารที่ครบถ้วน
Dadi International Kindergarten เรียนรู้สนุก เล่นอย่างสร้างสรรค์ ด้วย 3 ภาษา พร้อมเสริมสร้างทักษะ EF
Dadi International Kindergarten เรียนรู้สนุก เล่นอย่างสร้างสรรค์ ด้วย 3 ภาษา พร้อมเสริมสร้างทักษะ EF

เริ่มจากส่วนบนสุดของร่างกายไล่ลงไปถึงหน้าอกของลูก ช่วงแรกนี้มีระบบการทำงานของร่างกายที่สำคัญ คือ ระบบการหายใจและระบบการทำงานของหัวใจ ซึ่งโรคที่มักพบได้บ่อยมีดังนี้

 

  • ระบบหายใจ

หายใจเสียงดังเป็นช่วง ๆ   อาทิตย์แรกและอาทิตย์ที่ 2 หลังคลอด   ลูกอาจจะจาม หายใจเสียงดัง หรือหายฮึดฮัดเป็นช่วง ๆ   ถ้าเป็นเพียงเล็กน้อยจะไม่มีอาการผิดปกติอะไร อาจเป็นเพราะลูกยังเล็กจึงยังหายใจทางปากไม่เป็น เลยหายใจทางจมูกได้ทางเดียว เมื่อจมูกมีขี้มูกอุดตันตรงบริเวณโพรงจมูก ก็จะทำให้เกิดเสียงดัง แต่ถ้าลูกหายใจเสียงดังมาก ๆ เหมือนนอนกรน ต้องมาพบคุณหมอ เพราะลูกอาจจะมีปัญหาเรื่องกล้ามเนื้อหลอดลมอ่อนตัว ทำให้เวลาหายใจเข้า-ออก กล้ามเนื้อเปิด-ปิดไม่สัมพันธ์กันจนเกิดเสียงดัง   หากเกิดจากกรณีที่ขี้มูกอุดตัน คุณแม่ควรใช้คัตตอนบัตชุบน้ำอุ่นเช็ดจมูกลูกหลังอาบน้ำทุกครั้ง แต่ถ้าเกิดจากสาเหตุอื่นให้คุณแม่ลองเปลี่ยนท่านอนของลูกใหม่ จากนอนหงายหรือนอนตะแคงเป็นนอนคว่ำอาจจะทำให้ดีขึ้น แต่ถ้าลูกหายใจเสียงดังมากควรพบคุณหมอจะดีที่สุด

 

  • หวัด

แรกเกิด – 3 เดือน ลูกเล็กเมื่อเป็นหวัดก็จะมีอาการหายใจอึดอัด คัดจมูก อาจมีน้ำมูกไหล และเริ่มมีอาการไอตามมา  คนที่นำเชื้อโรคมาแพร่กระจายให้ลูกไม่ใช่ใครอื่น ก็คุณพ่อคุณแม่หรือคนในบ้านนั่นแหละ เพราะลูกเล็กไม่ได้ออกไปนอกบ้านอยู่แล้ว ด้วยความที่ภูมิคุ้มกันโรคของลูกยังต่ำอยู่พอมีคนนำเชื้อมาให้ถึงที่ก็เลยทำให้ติดเชื้อได้ง่าย  ลูกเล็กเป็นหวัดนี่แนะนำให้มาหาคุณหมออย่างเดียวเลย ห้ามซื้อยาให้ลูกกินเองเด็ดขาด ส่วนคนที่ต้องดูแลลูกเล็กหรือคนในบ้าน ถ้าเป็นหวัดไม่ควรเข้าใกล้ลูก ควรใช้ผ้าปิดปากปิดจมูกตัวเอง และควรล้างมือให้สะอาดก่อนอุ้มลูกด้วย ระบบการทำงานของหัวใจ

 

  • โรคหัวใจ

ส่วนใหญ่ถ้ามีอาการรุนแรงคุณหมอมักตรวจเจอตั้งแต่แรกเกิด  ดูจากอาการทั่วไปอาจจะไม่รู้ว่าลูกเป็นโรคหัวใจ แต่ถ้าคุณแม่สังเกตจะเห็นว่า ลูกที่เป็นโรคหัวใจเวลาร้องไห้แล้วรอบปากจะเขียว หรือกินนมแล้วเหนื่อยกว่าปกติ เช่น ดูด ๆ แล้วก็หยุด ดูดต่อเนื่องได้ไม่นานอย่างเคย แต่ถ้าเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่วบางชนิดอาจจะไม่มีอาการเขียว คุณแม่ต้องสังเกตอาการอย่างอื่น ๆ ประกอบ โรคหัวใจในเด็กเล็กเกิดจากความผิดปกติของลิ้นหัวใจและทางเดินหลอดเลือดหัวใจ หากลูกเป็นโรคหัวใจอย่างรุนแรงมักมีอาการเร็ว แต่โรคหัวใจรั่วบางชนิดช่วงแรกอาจจะไม่มีอาการหรือไม่ได้ยินเสียงผิดปกติ แต่พอโตขึ้นจะเริ่มมีอาการหรือฟังเสียงหัวใจผิดปกติได้ ทำให้แพทย์ตรวจเจอความผิดปกติของหัวใจได้ที่สุด หมั่นสังเกตอาการลูกน้อยเวลาดูดนมหรือเมื่อร้องไห้มาก ๆ และต้องพาลูกมาพบคุณหมอตามเวลาที่นัดตรวจสุขภาพ เพราะตรวจสุขภาพแต่ละครั้งคุณหมอจะตรวจหัวใจด้วย

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ลูกนอนแบบไหนผิดปกติ พร้อมวิธีสังเกตความผิดปกติ เรื่องที่พ่อแม่ทุกคนต้องรู้

10 วิธี ฝึกลูกนอนเร็ว เทคนิคที่ทำให้ลูกนอนหลับง่ายขึ้น วิธีให้ลูกนอนง่าย ๆ

6 วิธี ทำให้ลูกนอนนาน นอนหลับได้ตลอดคืน ถ้าทำได้เหมือนถูกลอตเตอรี่ชุดใหญ่!!

 

ที่มาข้อมูล : mccormickhospital

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

Follow us on:
facebook-logo instagram-logo tiktok-logo
img
บทความโดย

รศ. พญ. รวีรัตน์ สิชฌรังษี

  • หน้าแรก
  • /
  • ทารก
  • /
  • ลูกนอนหายใจทางปาก ลูกหายใจทางปาก ตอนนอน อันตรายไหม
แชร์ :
  • ลูกไม่ยอมพูด? 7 กิจกรรมพัฒนาทักษะภาษา ฝึกลูกให้พูดเก่ง ช่างเจรจา

    ลูกไม่ยอมพูด? 7 กิจกรรมพัฒนาทักษะภาษา ฝึกลูกให้พูดเก่ง ช่างเจรจา

  • ทำไมแค่ ให้ลูกช่วยงานบ้าน ถึงช่วยให้ลูกโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดี ประสบความสำเร็จมากกว่า?

    ทำไมแค่ ให้ลูกช่วยงานบ้าน ถึงช่วยให้ลูกโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดี ประสบความสำเร็จมากกว่า?

  • 10 ของเล่นสำหรับทารก สุดเจ๋ง! เสริมพัฒนาการลูกน้อยวัย 0-6 เดือน

    10 ของเล่นสำหรับทารก สุดเจ๋ง! เสริมพัฒนาการลูกน้อยวัย 0-6 เดือน

  • ลูกไม่ยอมพูด? 7 กิจกรรมพัฒนาทักษะภาษา ฝึกลูกให้พูดเก่ง ช่างเจรจา

    ลูกไม่ยอมพูด? 7 กิจกรรมพัฒนาทักษะภาษา ฝึกลูกให้พูดเก่ง ช่างเจรจา

  • ทำไมแค่ ให้ลูกช่วยงานบ้าน ถึงช่วยให้ลูกโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดี ประสบความสำเร็จมากกว่า?

    ทำไมแค่ ให้ลูกช่วยงานบ้าน ถึงช่วยให้ลูกโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดี ประสบความสำเร็จมากกว่า?

  • 10 ของเล่นสำหรับทารก สุดเจ๋ง! เสริมพัฒนาการลูกน้อยวัย 0-6 เดือน

    10 ของเล่นสำหรับทารก สุดเจ๋ง! เสริมพัฒนาการลูกน้อยวัย 0-6 เดือน

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
  • พัฒนาการลูก
  • ชีวิตครอบครัว
  • ระยะการตั้งครรภ์
  • โภชนาการ
  • ไลฟ์สไตล์
  • TAP สังคมออนไลน์
  • ติดต่อโฆษณา
  • ติดต่อเรา
  • Influencer Marketing (KOL)
  • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Vietnam flag Vietnam
© Copyright theAsianparent 2025. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว