เมื่อเริ่มเข้าสู่ช่วงไตรมาสที่ 3 คนท้องหลาย ๆ จะเริ่มหาซื้อเสื้อผ้า เตรียมของก่อนคลอด ข้าวของเครื่องใช้ หรือของใช้ที่จำเป็นสำหรับลูกน้อยกัน ซึ่งบางคนก็ได้รับของใช้เด็กมาจากคนรู้จักอีกที ในขณะที่บางคนก็ซื้อใหม่เองทั้งหมด และแม้ว่าการเตรียมของใช้ ของเตรียมคลอด หรือของทารกแรกเกิด จะทำให้ใครหลายคนปวดหัว แต่ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก เพราะเด็กแรกเกิด ยังไม่สามารถใช้ของร่วมกับผู้ใหญ่ได้ วันนี้ เราจะพาคุณแม่มาดูสิ่งของที่ต้องเตรียมก่อนคลอดกันค่ะ
ของเตรียมคลอด คืออะไร ทำไมจึงต้องเตรียมของใช้ก่อนคลอด
เตรียมของก่อนคลอด ของเตรียมคลอด คือ ของที่คุณแม่ต้องเตรียมเอาไว้สำหรับการคลอด โดยจะเป็นของใช้เกี่ยวกับเด็กและตัวของคุณแม่เอง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าเด็ก ผ้าอ้อม ที่นอนเด็ก หรือของใช้จิปาถะแม่และเด็กต่าง ๆ ที่จำเป็นจะต้องใช้ในขณะที่อยู่โรงพยาบาล ส่วนเหตุผลที่ต้องเตรียมของใช้ของคลอด ก็เป็นเพราะว่าเมื่อคุณแม่คลอดลูก จะต้องพักอยู่ที่โรงพยาบาลสักระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งโรงพยาบาลเอง ก็อาจจะไม่ได้มีของใช้ที่เพียงพอต่อความต้องการของเราและลูก ดังนั้น คุณแม่จึงต้องเตรียมของไปด้วยตนเอง
เตรียมของก่อนคลอด มีอะไรบ้าง อุปกรณ์เตรียมคลอด สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนคลอดสำหรับคุณแม่
ซื้อของเตรียมคลอด เตรียมของก่อนคลอด คุณแม่ควรจัดของเตรียมคลอดสำหรับตัวเองให้เรียบร้อยตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อที่ว่าเวลาปวดท้องคลอด จะได้ไม่ตกใจจนหาของไม่เจอ ซึ่ง ของเตรียมคลอด ของที่คุณแม่ควรมี ได้แก่ กางเกงในแบบรัดหน้าท้อง เสื้อชั้นในให้นมลูก แผ่นซับน้ำนม ครีมทาหัวนมแตก หมอนให้นม ผ้าอนามัยแบบหนา ของใช้ส่วนตัว ผ้ารัดหน้าท้องหลังคลอด และโลชั่นบำรุงผิวต่าง ๆ
บทความที่เกี่ยวข้อง : เสื้อเปิดให้นม 100 สิ่งที่คุณแม่หลังคลอดต้องรู้ ตอนที่ 75
อุปกรณ์เตรียมคลอด เตรียมของก่อนคลอด ไปโรงพยาบาล เตรียมคลอดมีอะไรบ้าง
อุปกรณ์เตรียมคลอด ของใช้สำหรับเด็กแรกเกิด อาจจะมีค่อนข้างเยอะ แต่ว่าของแต่ละอย่างก็มีความจำเป็นต่อเด็ก ซึ่งของใช้ที่คุณแม่ควรหาซื้อให้ลูก ก็มีดังนี้
คุณแม่ควรเริ่มจัดของเตรียมคลอด ก่อนถึงกำหนดคลอดประมาณ 2 อาทิตย์ หากคุณแม่ไม่สามารถพกของทั้งหมดนี้ไปโรงพยาบาลได้ จะเลือกแต่ของใช้ที่คิดว่าจำเป็นไปก่อนก็ได้ และเก็บของอย่างอื่นไว้ใช้ตอนลูกน้อยกลับบ้าน
ชวนคุณแม่ และคุณพ่อ ช้อปสุดคุ้ม โปรปังงานเบบี้แฟร์ 9-20 มกราคม 2568
หากคุณพ่อคุณแม่ยังเตรียมของไม่ครบ เราขอแนะนำอีเวนต์สุดปัง! งานใหญ่รับต้นปี Central x theAsianparent Baby Fair ครั้งแรกของปีรับสิทธิ์ลดหย่อนภาษี ช้อปกี่ครั้งก็ยังฟิน งานนี้ต้องบอกเพื่อน ๆ ชวนกันมาช้อปแหลก พลาดไม่ได้ งานแฟร์แม่และเด็ก ช้อปครบ ราคาถูก ได้ของดี คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม!
คลิกรับของสมนาคุณ งานเบบี้แฟร์ ยกขวนสินค้า ลดราคาสุดคุ้ม
ลดแรงส่งท้ายปี จัดใหญ่ จัดหนัก จัดเต็ม ครั้งแรกของปีรับสิทธิ์ลดหย่อนภาษี #ช้อปครบจบในที่เดียว #ช้อปสบายไม่ต้องขนกลับ พบสินค้า ลดสูงสุด 70% วันที่ 9 ม.ค. 68 – 20 ม.ค. 68 ที่ BCC Hall ชั้น 5 เซ็นทรัล ลาดพร้าว เวลา 10.00 – 20.00 น. (จันทร์-พฤหัสบดี) และ 10.00 – 21.00 น. (ศุกร์-อาทิตย์) อย่าลืม! บอกต่อเพื่อน ๆ มาช้อปด้วยกัน
เอาใจคุณแม่ คุณลูก ทุกครอบครัว กับโปรเด็ดโดนใจ!
ช้อปคุ้มๆ พร้อมส่วนลดและของรางวัล 3 ต่อ
- ต่อที่1 : สมาชิก My Little Club Plus รับส่วนลดเพิ่ม 5% สินค้าที่ร่วมรายการ
- ต่อที่2 : ใช้คะเเนนลดเพิ่มและรับเครดิตเงินคืนจาก The 1 และเครดิตการ์ดสูงสุด 30%
- ต่อที่3 : ทุกๆ การสั่งซื้อครบ 2,000 บาทขึ้นไป รับฟรีของสมนาคุณ/คูปองส่วนลดแทนเงินสด มูลค่ารวมกว่า 2 ล้านบาท *คูปองส่วนลดแทนเงินสด สำหรับใช้ในการสั่งซื้อสินค้าครั้งถัดไป ตามเงื่อนไขที่กำหนด
รับฟรี!! กระเป๋าและของสมนาคุณ ที่หน้างาน มูลค่ากว่า 500 บาท (จำนวนจำกัด) เพียงลงทะเบียนล่วงหน้า ที่นี่ >> คลิกเลย
เอกสารสำคัญที่ต้องเตรียมสำหรับการคลอดบุตร เตรียมของก่อนคลอด
นอกจากจะต้องเตรียมของใช้สำหรับเด็กแล้ว คุณแม่ก็ยังต้องเตรียมเอกสารสำหรับการคลอดต่าง ๆ ด้วย ซึ่งเอกสารที่ต้องเตรียม มีดังนี้
1. เอกสารเตรียมไปคลอดที่โรงพยาบาล เมื่อถึงเวลาคลอด คุณแม่ควรเตรียมบัตรประชาชนของพ่อและแม่เด็ก สำเนาทะเบียนบ้าน บันทึกการฝากครรภ์ บัตรประจำตัวของโรงพยาบาล เอกสารประกันสุขภาพ และใบนัดแพทย์ให้เรียบร้อย เพื่อเตรียมไปยื่นกับเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล
2. เอกสารทำใบสูติบัตร คุณแม่จะต้องทำการแจ้งเกิดภายใน 15 วันหลังจากที่เด็กเกิด หากเกินกำหนด 15 วันแล้ว ก็จะถูกปรับตามกฎหมาย ส่วนเอกสารที่ต้องเตรียม ได้แก่
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของพ่อและแม่เด็ก อย่างละ 1 ฉบับ พร้อมเซ็นรับรองเอกสาร
- สำเนาพาสปอร์ตของพ่อและแม่เด็ก อย่างละ 1 ฉบับ พร้อม พร้อมเซ็นรับรองเอกสาร หากพ่อแม่เด็กเป็นชาวต่างชาติ ให้ใช้ใบอนุญาตทำงานแทนได้
- สำเนาทะเบียนบ้านพ่อและแม่ของเด็ก
- ทะเบียนบ้านที่จะย้ายเด็กเข้ามาอยู่
- สำเนาทะเบียนสมรสของพ่อและเเม่เด็ก ( ถ้ามี ) พร้อมเซ็นรับรองเอกสาร
บทความที่เกี่ยวข้อง : หมอนรองให้นม 10 ยี่ห้อหมอนให้นมลูกตัวช่วยสำหรับคุณแม่
ของที่ไม่ควรพกติดตัวไปโรงพยาบาล
คุณแม่ไม่ควรพกของมีค่า เครื่องประดับ หรือเงินสดจำนวนมากติดตัวไปด้วย เพราะอาจเผลอทำหายหรือโดนขโมยในระหว่างการคลอดหรือการพักฟื้น และไม่ควรเตรียมยาวิตามินใด ๆ ไปทาน เพราะคุณหมออาจจะเตรียมไว้ให้รับประทานอยู่แล้ว
การดูแลตัวเองหลังคลอด
หลังจากคลอด คุณแม่ควรดูแลร่างกายให้ดี ดังนี้
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อช่วยให้ร่างกายผลิตน้ำนมได้ดี เช่น เนื้อสัตว์ต่าง ๆ ถั่ว ไข่ นมสด ผัก และผลไม้ทุกชนิด เป็นต้น
- งดทานอาหารที่รสจัด ของหมักดอง น้ำชา กาแฟ รวมทั้งเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เนื่องจากอาหารเหล่านี้ สามารถทำอันตรายลูกผ่านทางน้ำนมได้
- ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว
- พักผ่อนให้มาก ๆโดยในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังการคลอด คุณแม่ควรนอนกลางวันประมาณ 1-2 ชั่วโมง ส่วนในตอนกลางคืนควรพักผ่อนอย่างน้อย 8-10 ชั่วโมง
- ขยับร่างกายโดยการทำงานบ้านเบา ๆ ในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังคลอด
- 2 สัปดาห์แรกหลังการคลอด ไม่ควรยกของหนัก หรือทำงานที่ต้องออกแรงมากเกินไป เพราะกล้ามเนื้อและเอ็นต่าง ๆ ของคุณแม่ยังไม่แข็งแรงพอ
- อาบน้ำวันละ 2 ครั้ง และไม่ควรแช่ในอ่างน้ำ เพราะเชื้อโรคอาจผ่านเข้าสู่โพรงมดลูก จนทำให้เกิดการติดเชื้อได้
- ควรสระผมสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ตัดเล็บให้สั้นอยู่เสมอ และใส่เสื้อผ้าที่สะอาด
- ควรล้างและทำความสะอาดหัวนมทุกครั้งที่อาบน้ำ
- สวมเสื้อยกทรงพยุงเต้านมไว้ เนื่องจากเต้านมจะมีขนาดโตขึ้น จนอาจทำให้เต้านมหย่อนคล้อยได้ภายหลัง
- ทำความสะอาดอวัยวะเพศด้วยสบู่ และล้างด้วยน้ำสะอาด ในทุกครั้งที่อาบน้ำและหลังการเข้าห้องน้ำ
- งดมีเพศสัมพันธ์ไปก่อน เนื่องจากช่วงหลังคลอดใหม่ ๆ แผลคลอดของคุณแม่อาจจะยังไม่หายดี
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ:
10 อาหารห้ามกินหลังคลอด แม่ลูกอ่อนห้ามกินอะไรบ้าง
เมนูอาหารเพิ่มภูมิคุ้มกันหลังคลอด 6 สูตร ประโยชน์ครบสำหรับคุณแม่ในช่วงอยู่ไฟ
พาลูกกลับบ้านหลังคลอด เตรียมตัวอย่างไร มีอะไรที่คุณแม่ควรรู้บ้าง?
แชร์ประสบการณ์หรือเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับการจัดกระเป๋าเตรียมคลอด ได้ที่นี่!
จัดกระเป๋าเตรียมคลอด สำหรับม่และทารก ต้องจัดยังไงบ้างคะ
เตรียมตัวก่อนคลอด ต้องเตรียมตัวเองอย่างไรบ้างคะ คุณแม่มาแชร์หน่อยค่า
ที่มา: thaihealth, bnhhospital
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!
