เมนูอาหารเพิ่มภูมิคุ้มกันหลังคลอด วันนี้เรานำเมนูอาหารที่เป็นประโยชน์เน้น ๆ สำหรับคุณแม่หลังคลอดในช่วงอยู่ไฟ ซึ่งในตามธรรมเนียมจีน การอยู่ไฟเป็นช่วงเวลาที่สำคัญมากสำหรับคุณแม่มือใหม่และการฟื้นตัวของร่างกายหลังคลอด อาจเป็นเรื่องความเชื่อโบราณและภูมิปัญญาของคนยุคเก่า แต่มันได้ผลดีสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน การอยู่ไฟช่วยให้คุณแม่มือใหม่ได้พักผ่อนตามต้องการมากเพียงพอ เมนูอาหารเพิ่มภูมิคุ้มกันหลังคลอด 6 สูตรนี้ แนะนำให้คุณแม่ทาน เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ฟื้นตัวเร็วขึ้นจากการคลอดบุตรนะคะ
นอกจากนี้ยังช่วยให้ทั้งคุณแม่และลูกน้อยอยู่ในบ้านร่วมกันในช่วงเวลาแรกคลอด บวกกับอยู่ภายใต้การดูแลของครอบครัว และแม้ว่าวิทยาศาสตร์จะมีความก้าวหน้ามากพอสำหรับผู้หญิงที่จะคลอดบุตรได้อย่างปลอดภัย แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าการนำภูมิปัญญาดั้งเดิม หรือการนำองค์ความรู้ที่สืบทอดกันมาหลายยุคสมัยบางอย่าง มารวมกับวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ เพื่อมีเป้าหมายในการเพิ่มระดับภูมิคุ้มกันโดยรวมของแม่และทารกได้ดียิ่งขึ้นในโลกปัจจุบันค่ะ
นั่นเป็นเหตุผลที่เราได้นำ เมนูอาหารเพิ่มภูมิคุ้มกันหลังคลอด เหมาะกับช่วงเวลาอยู่ไฟจำนวนหกสูตรที่คุณแม่มือใหม่ควรลองทำที่บ้าน และขอกระซิบว่า ทั้งรสชาติดีและได้ประโยชน์สำหรับคุณแม่เน้น ๆ เลยค่ะ สูตรอาหารเหล่านี้ไม่ได้เกี่ยวกับการมีสุขภาพดีและมีคุณค่าทางโภชนาการเท่านั้น แต่ต้องเน้นว่ายังอร่อยอีกด้วย และในกรณีที่คุณไม่ใช่คุณแม่มือใหม่ คุณแม่สามารถลองทำเองที่บ้านเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติให้กับตัวคุณเอง และยังสามารถนำอาหารสุขภาพนี้แบ่งปันความสุขภาพดีให้แก่คนในบ้านได้อีกด้วยค่ะ
บทความที่น่าสนใจ : 10 เมนูอาหารคุณแม่หลังผ่าคลอด หลังผ่าคลอดกินอะไรได้บ้าง อะไรควรหลีกเลี่ยง
6 สูตรอาหารเสริมภูมิคุ้มกันที่คุณแม่ต้องลอง
1. สูตรซุปปลามิลค์ฟิชและมะละกอเขียวร้อน ๆ พร้อมเสิร์ฟ
เมนูอาหารเพิ่มภูมิคุ้มกันหลังคลอด สูตรซุปปลามิลค์ฟิชและมะละกอเขียวร้อนๆพร้อมเสิร์ฟ
ซุปสไตล์จีนรูปแบบนี้ ทำได้ง่ายมาก ใส่ปลามิลค์ฟิชสไลซ์ที่เตรียมไว้และมะละกอเขียว ซึ่งหมายถึงมะละกอที่ยังไม่สุกจัด และปลามิลค์ฟิชคือปลาชนิดหนึ่งซึ่งถือว่าเป็นปลาทะเลชนิดดี เมื่อรวมสองสิ่งนี้เข้าด้วยกัน ถือว่าเป็นอาหารรสเริ่ดและสารอาหารจัดเต็ม สามารถบริโภคได้ทุกวันและช่วยเพิ่มการผลิตน้ำนมแม่ได้ดีมาก ปลามิลค์ฟิชยังมีกลิ่นและรสชาติ ‘คาว’ น้อยกว่าปลาชนิดอื่นค่ะ และเนื้อปลาบรรจุสารอาหารทั้งหมดที่ปลามีให้ เป็นสิ่งที่ต้องเพิ่มในอาหารหลังคลอดของคุณแม่ๆได้ดีค่ะ
วัตถุดิบ
- น้ำมันปรุงอาหาร – 2 ช้อนโต๊ะ
- ปลามิลค์ฟิช – 2 ชิ้น
- ขิง – 8 ชิ้น
- อินทผลัมแดง – 20 กรัม
- ถั่วลิสง – 50 กรัม
- น้ำ – 3.4 ลิตร
- มะละกอเขียว(มะละกอที่ยังไม่สุก) -1กก. หั่นเป็นลูกเต๋า
- เกลือ – เพื่อลิ้มรส
- ถุงผ้าฝ้ายมัสลินสำหรับใส่ชาสมุนไพร
วิธีทำ
- ใส่น้ำมันลงในกระทะแล้วทอดปลามิลค์ฟิชี่เตรียมไว้
- ใส่ขิง 4 ชิ้นลงไปผัดจนปลาเป็นสีน้ำตาลทอง
- นำปลาทอด ใส่ลงในถุงมัสลินแล้วพักในหม้อต้ม
- ใส่อินทผลัมแดงลงในหม้อพร้อมกับขิงฝาน ถั่วลิสง และใส่น้ำ รอให้น้ำเดือด
- ปิดฝาและปล่อยให้ส่วนผสมทั้งหมดเดือดเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงจนน้ำขุ่น
- นำถุงมัสลินที่มีปลาออกแล้วพักไว้
- เพิ่มชิ้นมะละกอสีเขียวหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าแล้วต้มต่ออีก 15-20 นาที
- ปรุงรสซุปด้วยเกลือและเสิร์ฟในชามทันที
2.สูตร หมี่ซั่วไก่ตุ๋นไวน์ใส่ขิง
สูตรหมี่ซั่วไก่ตุ๋นไวน์ใส่ขิง
สูตรนี้อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและคุณสมบัติต้านการอักเสบด้วยส่วนผสม เช่น น้ำมันงา ขิง ไวน์ และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยในเรื่องสุขภาพและการฟื้นตัวของมารดาในช่วงหลังคลอด ซึ่งวัตถุดิบเหล่านี้อุดมไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัว ช่วยรักษาสุขภาพของกระดูก และต่อสู้กับอนุมูลอิสระ รายการอาหารที่สำคัญสำหรับคุณแม่หลังคลอด เช่น ขิง เรียกอีกอย่างว่ากาแลคตากูและช่วยเพิ่มการผลิตน้ำนมแม่ได้ดีเยี่ยม
ส่วนผสม
- น่องไก่ – 2 ปอนด์
- ไวน์แดงฟู่โจว หรือ ไวน์แดงที่ชอบ – 3 ถ้วย
- น้ำมันงา – 1 ช้อนโต๊ะ
- ขิงสดปอกเปลือกและหั่นบาง ๆ – 1 นิ้ว
- ข้าวสวย– 1 ช้อนโต๊ะ
- หมี่ซั่วหรือใช้บะหมี่โซเมน – 8 ห่อเล็ก
- เกลือเพื่อลิ้มรส
- น้ำตาลเล็กน้อยตามชอบ
- ใบผักชีฝรั่งสด
- หัวหอมสับ
วิธีทำ
- หมักไก่เป็นเวลา 15 นาทีด้วยไวน์แดง ไวน์ข้าว น้ำขิง และซีอิ๊วขาว
- ใส่น้ำมันงาลงในกระทะแล้วนำขิงเป็นชิ้นบาง ๆใส่ลงไป
- ผัดจนชิ้นขิงกรอบและหอมจากนั้นสะเด็ดน้ำและพักไว้
- ในกระทะเดียวกัน ใส่น่องไก่ที่หมักไว้ลงไปผัดจนเป็นสีน้ำตาลอ่อน
- เติมกากไวน์แดง ตามด้วยไวน์ข้าว เติมเกลือตามความชอบ
- ผัดและผสมทุกอย่างให้เข้ากันแล้วเคี่ยวเป็นเวลา 15 นาทีจนไก่นุ่มและนุ่ม
- ใส่หมี่ลงในน้ำเดือดและลวกเป็นเวลาหนึ่งนาที
- สะเด็ดน้ำและนำหมี่ลงในชามเสิร์ฟ
- แบ่งชิ้นไก่ให้ดูสวยงามและนำทัพพีตักซุปร้อนและข้าวเพิ่มเติมหากต้องการ
- ประดับด้วยต้นหอมสับและใบผักชี
3. สูตรข้าวผัดขิงแสนง่าย
สูตรข้าวผัดขิงแสนง่าย
นี่เป็นหนึ่งในสูตรอาหารสำหรับช่วงอยู่ไฟที่ง่ายที่สุดในการเตรียมและเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการสำหรับร่างกายที่กำลังฟื้นตัวของคุณแม่ สูตรนี้มีขิงและน้ำมันงาจำนวนมากซึ่งช่วยสร้างภูมิคุ้มกันภายในต่อสภาพอากาศหนาวเย็น หรืออุณหภูมิในร่างกายที่ยังปรับตัว นอกจากนี้คุณสมบัติต้านการอักเสบจะช่วยให้ร่างกายของคุณแม่หายเร็วขึ้นด้วยค่ะ
ส่วนผสม
- ข้าวเมล็ดยาวหรือข้าวหอมมะลิหุงสุก – 2 ถ้วย
- เนื้อไก่สับ – 260 กรัม
- น้ำมันปรุงอาหารแบ่ง – 2 ช้อนโต๊ะ
- ไข่ขนาดใหญ่ – 2 ฟอง
- ผักรวมละลายถ้าแช่แข็ง – 1 ถ้วย
วัตถุดิบซอสหมัก
- ขิงขูด – 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันงา – 1 ช้อนชา
- ต้นหอมซอย 1 ต้น
วิธีทำ
- หมักไก่กับเกลือและไวน์สำหรับทำอาหาร แป้งข้าวโพด น้ำมันงา และผสมให้เข้ากัน
- หมักทิ้งไว้ 15 นาที
- ตีไข่ในชามแยกต่างหาก โรยด้วยเกลือเล็กน้อย
- เทส่วนผสมลงบนข้าวที่ปรุงสุกแล้วและผสมให้เข้ากัน
- เทน้ำมันพืชลงในกระทะแล้วทอดไข่ที่ตีไว้ ผัดจนสุก พักไว้
- ใส่ขิงสับลงในกระทะเดียวกัน ตามด้วยกระเทียม ผัดจนหอม
- ใส่ไก่ที่หมักไว้ลงในกระทะแล้วผัดจนสุก
- เทส่วนผสมข้าว ผสมให้เข้ากัน และคนตลอดเวลาเพื่อไม่ให้ข้าวติดกระทะ
- เติมข้าวผัดซีอิ๊วขาวและเกลือเพื่อลิ้มรส รวมทั้งน้ำมันงาและผสมให้เข้ากัน
- ใส่ไข่ต้มและพริกไทยเพิ่มเติมตามชอบ
- โรยหน้าด้วยต้นหอมหั่นฝอยและเส้นกระเทียมผัด เป็นอันเสร็จ
4. สูตรตับหมูกับต้นหอม & วูล์ฟเบอร์รี่ (โกจิเบอร์รี่)
สูตรตับหมูกับต้นหอม & วูล์ฟเบอร์รี่ (โกจิเบอร์รี่)
เพิ่มคุณค่าทางโภชนาการด้วยสูตรนี้ที่มีวิตามินและแร่ธาตุมากมายจากตับหมู ถือเป็นหนึ่งในสูตรอาหารการอยู่ไฟที่ดีที่สุด ไม่เพียงแต่สำหรับคุณแม่ที่ฟื้นตัวเท่านั้น แต่ยังสำหรับผู้หญิงที่มีประจำเดือนหรือใครก็ตามที่ต้องการเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันก็สามารถนำสูตรนี้ไปทำได้ค่ะ
“เก๋ากี้” มีชื่อเรียกในภาษาจีนกลางว่า “โก่วฉีจึ” และมีชื่อที่คุ้นหูอีกชื่อหนึ่งว่า “โกจิเบอร์รี่ ” (Goji Berry) หรือ “วูฟเบอร์รี่” (Wolfberry) นั่นเอง
ส่วนผสม
- ตับหมู – หั่นบาง 320 กรัมg
- น้ำมันปรุงอาหาร – 1/4 ถ้วย
- ขิงแผ่น – 60 กรัม
- ผงซุปไก่
- วูลฟ์เบอร์รี่ – 10 กรัม
- ไวน์ข้าว – 50 มล
- น้ำขิง
- ซีอิ๊วขาว
- ต้นหอม – 4 ต้น
- เกลือ
- พริกไทย
วิธีทำ
- ล้างตับหมู นำคราบเลือดและสิ่งสกปรกออกจากตับหมูโดยใส่แป้งลงไปแล้วถูเบา ๆ แล้วล้างออก
- เพิ่มไวน์สำหรับทำอาหาร(ดับกลิ่นคาว)และผสมให้เข้ากันกับตัวหมูแล้วหมักไว้ 15 นาที พักทิ้งไว้ค่ะ
- เมื่อหมักเสร็จแล้วนำตับหมูมาล้าง
- ใส่เกลือ พริกไทย ผงไก่ ไวน์ข้าว น้ำขิง ซีอิ๊วขาว และผสมให้เข้ากัน
- ใส่แป้งข้าวโพดลงในส่วนผสม ตามด้วยน้ำมันงา หมักไว้
- ในขณะเดียวกัน ให้นำขิงที่หั่นแล้วพักไว้เมื่อเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อน เตรียมใส่ในกระทะ
- ใส่ขิงสับและกระเทียมลงไปผัดจนหอมในกระทะที่เตรียมไว้
- ใส่ตับหมูที่หมักไว้ลงไปผัดประมาณสองนาที อย่าผัดนานตับจะแข็งไม่อร่อยค่ะ
- เพิ่ม wolfberry, ไวน์ข้าวและผัดจนสุก
- โรยหน้าตับหมูด้วยต้นหอมซอยแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน
- ประดับด้วยขิงทอดเป็นอันเสร็จค่ะ
5. สูตรขาหมูน้ำส้มสายชูดำ พะโล้ขาหมูตุ๋นโบราณ
สูตรขาหมูน้ำส้มสายชูดำ พะโล้ขาหมูตุ๋นโบราณ
อาหารจานนี้พบได้ทั่วไปในสูตรอาหารสำหรับช่วงอยู่ไฟ โดยได้รับการสนับสนุนทางโภชนาการที่ดีเยี่ยมและโปรตีนมากมายในอาหารจานนี้ นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับทุกคนที่รู้สึกไม่สบาย ทำสิ่งนี้ที่บ้านและฟื้นฟูพลังงานที่สูญเสียไป เพิ่มพลังให้คุณแม่ได้ดีมาก
ส่วนผสม
- ขาหมู – 1 ตัว (หั่นเป็นชิ้นเล็ก 1.2 กก.)
- ขิงแก่ – 150 กรัม (หั่นบาง ๆ)
- ขิงอ่อน – 200 กรัม (หั่นบาง ๆ )
- น้ำส้มสายชูหวาน – 750 มล
- น้ำส้มสายชูข้าวดำ – 300 มล
- น้ำมันงา – 3 ช้อนโต๊ะ
- ต้นหอม – 3 ต้น
- น้ำตาลปี๊บ – 200 กรัม
- ไข่ต้ม – 6
- ต้นหอม – 3 ต้น
วิธีทำ
- ใส่ชิ้นขาหมูกับต้นหอมในกระทะ
- เติมน้ำจนกว่าน้ำจะปกคลุมขาหมูจนต็ม
- นำไปต้มจนมีคราบไขมันหมูลอย
- สะเด็ดน้ำและล้างหมูให้สะอาดอีกรอบ
- เติมน้ำเดือดจนท่วมขาหมูแล้วนำไปต้มเป็นครั้งที่สองจนกากลอยอีกครั้ง
- สะเด็ดน้ำและล้างหมูอีกครั้งนึง
- เตรียมกระทะเดียว ใส่ขิงแก่ ขิงอ่อน คนจนขิงมีกลิ่นหอม
- ใส่ขาหมูที่ลวกแล้วลงไปผัดให้เหลืองหอมเล็กน้อย
- ไม่ต้องให้หมูสุกดี นำขาหมูลงในหม้อลึกที่เตรียมไว้ แล้วเติมน้ำส้มสายชูหวานและน้ำส้มสายชูสีดำ
- ปล่อยให้ขาหมูเคี่ยวเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงนะคะ
- ใส่น้ำตาลปี๊บและไข่ต้ม 6 ฟอง ปล่อยให้ทุกอย่างสุกเป็นเวลา 10 นาที
- เสิร์ฟขาหมูในชามแต่ละใบพร้อมกับไข่ต้มแล้วเติมน้ำซุป โรยหน้าด้วยผักชีและเพลิดเพลินไปกับความอร่อยนี้
6. สูตรผัดหมูกับขิงและเห็ด
สูตรผัดหมูกับขิงและเห็ด
สูตรนี้เป็นสิ่งที่คุณแม่ทั้งหลายอาจคุ้นเคยเป็นอย่างดี อาหารจานนี้เต็มไปด้วยขิงและเห็ด และยังมีรสชาติมากมายที่จะทำให้คุณแม่ ๆ ติดใจอย่างแน่นอน แต่ที่สำคัญกว่านั้น ส่วนผสมของเส้นใยและโปรตีนที่ต้านการอักเสบและอุดมไปด้วยสารออกฤทธิ์ทำให้เป็นหนึ่งในสูตรอาหารสำหรับช่วงอยู่ไฟที่ชัดเจนที่สุดช่วยให้พลังงานอย่างเต็มเปี่ยมและรักษาฟื้นฟูร่างกายได้เร็วขึ้นมาก
ส่วนผสม
- เนื้อหมู – 380 กรัม (หั่นเป็นชิ้นบาง ๆ )
- ขิง – 30 กรัม (หั่นบาง ๆ เป็นรูปแบบไม้ขีด)
- กระเทียมสับ – 1 ช้อนโต๊ะ
- เห็ดชิเมจิ – 75 กรัม
- เห็ดนางรม – 75 กรัม
- น้ำมันงา – 3 ช้อนโต๊ะ
- สารละลายแป้งข้าวโพด – แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะกับน้ำ 1 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วขาว – 2 ช้อนโต๊ะ
- ผงปรุงรสเห็ด – 1 ช้อนชา
- น้ำตาล – 1/2 ช้อนชา
- ไวน์ข้าว – 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
- ตั้งน้ำมันงาให้ร้อนแล้วผัดขิงชิ้นจนหอมและเป็นสีน้ำตาล
- ผัดให้เข้ากัน ใส่กระเทียมสับลงไปผัดจนหอม
- ใส่หมูสไลด์ ผัดเห็ดอย่างต่อเนื่องจนสุก
- ผัดต่อไปและเติมซีอิ๊วขาว เครื่องปรุงรสเห็ด น้ำตาล และไวน์ข้าว แล้วผสมส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน
- เพิ่มในสารละลายแป้งข้าวโพดเพื่อให้ซอสข้นขึ้น
- โรยหน้าด้วยต้นหอม
- ตักเสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อน ๆ ค่ะ
มาถึงตรงนี้แล้วหลังจากเราแนะนำทั้ง6เมนูแสนอร่อยและได้ประโยชน์แบบจัดเต็ม จำไว้ว่าการรับประทานอาหารที่สมดุลและใส่ใจกับโภชนาการเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคุณแม่ โดยเฉพาะคุณแม่หลังคลอดค่ะ เนื่องจากอาหารเหล่านี้ทำได้ง่ายและเต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการและไฟเบอร์ จึงช่วยเพิ่มพลังและเติมพลังให้คุณแม่ตลอดทั้งวัน
จุดที่สำคัญที่สุดคือบางเมนูอาหารอาจเหมาะหรือไม่เหมาะกับคุณแม่บางท่าน สิ่งที่เหมาะกับคนอื่นอาจไม่ได้ผลสำหรับคุณแม่เสมอไป ต้องลองปรับใช้ หรือนำสูตรปรับเข้ากับแบบที่ตัวเองชอบนะคะ แต่ตราบใดที่คุณดูแลตัวเอง คุณก็ดูแลลูกน้อยที่กำลังเติบโตของคุณด้วยไปพร้อม ๆ กันค่ะสูตรและวิดีโอในบทความนี้จัดทำโดย The Meatmen Channel สมัครสมาชิกช่อง Youtube ของพวกเขาสำหรับแนวคิดสูตรอาหารประจำสัปดาห์!
The Meatmen Channel เป็นทีมทำอาหารของทางสิงคโปร์ พวกเขาเปลี่ยนอาหารเอเชียจานโปรดของคุณให้เป็นสูตรทำอาหารจานอร่อยที่บ้านได้ง่าย ๆ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ The Meatmen Channel เพื่อศึกษาข้อมูลอาหารเพิ่มเติมได้ค่ะ
เว็บไซต์ The Meatmen Channel
ที่มา :themeatmen sg.theasianparent
บทความประกอบ :
สูตรอาหารคุณแม่หลังคลอด สูตรอาหารแกงไทยรสเด็ดสำหรับคุณแม่หลังคลอด
เมนูสำหรับคุณแม่อยู่ไฟ อาหารว่างอร่อย ๆ ประโยชน์เน้น ๆ สำหรับคุณแม่
การอยู่ไฟ ตำราโบราณเพื่อคุณแม่ แบบไหนดีและเหมาะกับคุณแม่มือใหม่
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!