คำพูดที่ผู้ปกครองใช้กับลูก แม้จะเป็นเพียงคำพูดเล่นหรือคำตำหนิเล็กน้อย อาจส่งผลกระทบทางจิตใจอย่างลึกซึ้งและยาวนานต่อเด็ก งานวิจัยและบทความหลายฉบับได้ชี้ให้เห็นถึงผลกระทบของการใช้ คำพูดทำร้ายจิตใจเด็ก อาจนำไปสู่ปัญหาทางอารมณ์ พฤติกรรม และพัฒนาการทางสมองของเด็กในระยะยาว
ผลกระทบของ คำพูดทำร้ายจิตใจเด็ก
1. พัฒนาการทางสมองและอารมณ์
การถูกตะโกนหรือใช้คำพูดที่รุนแรงจากผู้ปกครองสามารถเปลี่ยนแปลงพัฒนาการของสมองเด็ก โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการรับรู้ภัยคุกคามและรางวัล ทำให้เด็กมองโลกในแง่ลบและมีปัญหาในการสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่น
2. ความเสี่ยงต่อโรคทางจิตเวช
เด็กที่ได้รับการล่วงละเมิดทางวาจาจากผู้ปกครองมีความเสี่ยงสูงขึ้นในการพัฒนาโรค PTSD และปัญหาสุขภาพจิตอื่น ๆ เช่น ความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้าในเด็ก
3. ผลกระทบต่อความนับถือตนเองและผลการเรียน
การใช้คำพูดที่ทำร้ายจิตใจสามารถลดความนับถือตนเองของเด็กและส่งผลต่อผลการเรียน โดยเฉพาะในวิชาที่ต้องใช้ทักษะการสื่อสาร เช่น ภาษา
4. ความเสี่ยงต่อพัฒนาบุคลิกภาพผิดปกติ
การล่วงละเมิดทางวาจาในวัยเด็กสามารถเพิ่มความเสี่ยงในการพัฒนาความผิดปกติของบุคลิกภาพในวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ตอนต้น
5. การพัฒนาแนวโน้มวิจารณ์ตนเอง
เด็กที่ได้รับการล่วงละเมิดทางวาจามีแนวโน้มที่จะพัฒนาแนวคิดวิจารณ์ตนเอง ซึ่งเป็นปัจจัยที่เชื่อมโยงกับความผิดปกติทางอารมณ์ในวัยผู้ใหญ่

|
การป้องกันและแนวทางการสื่อสารที่สร้างสรรค์
|
การตระหนักรู้ถึงผลกระทบของคำพูด |
ผู้ปกครองควรตระหนักว่าคำพูดที่ใช้กับลูกสามารถมีผลกระทบทางจิตใจอย่างลึกซึ้ง และควรหลีกเลี่ยงการใช้คำพูดที่ทำร้ายจิตใจ แม้ในสถานการณ์ที่ต้องการสั่งสอนหรือแก้ไขพฤติกรรม |
การใช้การสื่อสารเชิงบวก |
การใช้คำพูดที่ให้กำลังใจและแสดงความรักสามารถเสริมสร้างความมั่นใจและความนับถือตนเองของเด็ก เช่น การกล่าวว่า “แม่ภูมิใจในตัวลูก” หรือ “ลูกทำได้ดีมาก |
การควบคุมอารมณ์ของผู้ปกครอง |
ผู้ปกครองควรฝึกการควบคุมอารมณ์และหลีกเลี่ยงการระบายความโกรธหรือความเครียดผ่านคำพูดที่รุนแรงต่อเด็ก |
การขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ |
หากผู้ปกครองพบว่าตนเองมีปัญหาในการควบคุมอารมณ์หรือมีแนวโน้มที่จะใช้คำพูดที่ทำร้ายจิตใจลูก ควรขอคำปรึกษาจากนักจิตวิทยาหรือผู้เชี่ยวชาญด้านการเลี้ยงดูเด็ก |
คำพูดที่ผู้ปกครองใช้กับลูกมีพลังมากกว่าที่คิด แม้จะเป็นเพียงคำพูดเล่นหรือคำตำหนิเล็กน้อย ก็สามารถส่งผลกระทบทางจิตใจอย่างลึกซึ้งและยาวนานต่อเด็ก การตระหนักถึงผลกระทบของคำพูดและการปรับเปลี่ยนวิธีการสื่อสารให้เป็นไปในทางที่สร้างสรรค์และให้กำลังใจ จะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทางอารมณ์และจิตใจที่แข็งแรงให้กับลูกในระยะยาว
มุมมองจิตวิทยาพัฒนาการ: คำพูดทำร้ายจิตใจเด็ก บาดแผลในสมองของลูก
-
คำพูดร้ายแรงกระทบโครงสร้างสมอง
งานวิจัยจาก Harvard Center on the Developing Child ชี้ว่า คำพูดรุนแรง เช่น การด่า ประชด หรือดูถูกบ่อยครั้ง ส่งผลให้การพัฒนาของสมองส่วน Amygdala และ Hippocampus (ศูนย์อารมณ์และความจำ) ของเด็กผิดปกติ ทำให้เด็กตอบสนองต่อความเครียดไวเกินไป และเสี่ยงต่อภาวะวิตกกังวลและซึมเศร้าในวัยผู้ใหญ่ (Harvard University, 2023)
คำพูดซ้ำ ๆ ที่บั่นทอน เช่น
“โง่จริง ๆ ทำไมไม่คิดก่อน!”
“ไม่เอาไหนเลย!”
“ทำไมลูกไม่เหมือนลูกคนอื่น?”
เหล่านี้ไม่ใช่แค่คำพูดธรรมดา แต่กลายเป็น “เสียงซ้ำในสมอง” ของเด็ก (Intrusive Thoughts) ที่เด็กเก็บมาทำร้ายตัวเองในอนาคต
-
คำพูดร้ายแรงและผลต่อการสร้าง Self-Concept
เด็กจะเริ่มสร้าง “ตัวตน” (Self-Concept) จากสิ่งที่ผู้ใหญ่บอก เมื่อได้ยินคำพูดลบซ้ำ ๆ เด็กจะเชื่อว่าตัวเอง “ไม่ดีพอ” ซึ่งมีผลต่อการตัดสินใจ ความพยายาม และการใช้ชีวิต เช่น เด็กที่ถูกบอกว่า “ขี้เกียจ” อาจกลายเป็นคนที่ไม่กล้าทำสิ่งใหม่ เพราะคิดว่าตนเองขี้เกียจจริง ๆ (Harter, 2012)
แผลในใจที่มองไม่เห็น: การสร้าง Trauma ซ่อนเร้นในเด็ก
การพูดประชด ล้อเลียน หรือเปรียบเทียบ เช่น “ไม่เหมือนพี่เลยนะ!” หรือ “ลูกบ้านข้าง ๆ เขาเก่งกว่าเยอะ” อาจทำให้เด็กเกิด Trauma ซ่อนเร้น (Hidden Trauma) ซึ่งไม่แสดงอาการทันที แต่สะสมจนเกิดเป็นพฤติกรรม เช่น
- Overachiever พยายามเกินเหตุเพื่อให้พ่อแม่ยอมรับ
- People-pleaser พยายามทำให้คนอื่นพอใจตลอดเวลา
- หรือกลับกลายเป็น เด็กเงียบ ไม่กล้าแสดงออก เพราะกลัวโดนดุ
ทฤษฎี Trauma Bonding กับคำพูดทำร้ายลูก
เด็กบางคนอาจพัฒนาความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกับพ่อแม่ โดยรู้สึกว่าการถูกทำร้ายด้วยคำพูดเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ เพราะเป็นส่วนหนึ่งของความรัก กลายเป็นวงจรความรุนแรงที่ซ้ำซ้อนต่อเนื่อง

ปัจจัยที่ทำให้พ่อแม่เผลอใช้ คำพูดทำร้ายจิตใจเด็ก
พ่อแม่ที่ต้องเผชิญความกดดัน เช่น ภาระงาน ปัญหาการเงิน หรือความขัดแย้งในครอบครัว อาจเผลอระบายความเครียดออกมาในรูปแบบของคำพูดรุนแรงกับลูก โดยไม่รู้ตัว
-
รูปแบบการเลี้ยงดูที่สืบทอดต่อมา
พ่อแม่บางคนอาจเคยถูกเลี้ยงดูด้วยคำพูดทำร้ายจากพ่อแม่ของตนเอง และไม่รู้ว่าพฤติกรรมเหล่านี้เป็นการทำร้ายทางอารมณ์ จึงทำซ้ำโดยไม่ตั้งใจ
แนวทางฟื้นฟูเด็กที่ถูกทำร้ายด้วยคำพูด
-
การซ่อมแซมความสัมพันธ์
กล้าขอโทษลูกเมื่อเผลอพูดรุนแรง พูดคุยและอธิบายเหตุผลว่าแม่พลาดเพราะอะไร เช่น “เมื่อกี้แม่พูดแรงไปเพราะแม่เครียด ไม่ใช่เพราะหนูไม่ดีนะ”
-
ฝึกการสื่อสารเชิงบวก
ใช้เทคนิค “I-Message” เช่น แทนที่จะพูดว่า “หนูซนมาก!” เปลี่ยนเป็น “แม่รู้สึกเหนื่อยมากเวลาเห็นหนูวิ่งไปรอบบ้าน”
-
การเสริม Self-Compassion ให้ลูก
สอนลูกว่าความผิดพลาดเป็นเรื่องปกติ เช่น “ผิดพลาดได้ แต่เราจะเรียนรู้และพยายามใหม่”
ช่วยลูกฝึกพูดกับตัวเองด้วยถ้อยคำบวก เช่น “ฉันมีคุณค่าแม้ว่าฉันจะไม่สมบูรณ์”
-
เทคนิค Healing Words
ตัวอย่างคำพูดที่ช่วยฟื้นฟูจิตใจลูก:
“แม่รู้ว่าหนูพยายามเต็มที่แล้ว”
“แม่ขอโทษที่พูดไม่ดีเมื่อวาน แม่จะพยายามไม่พูดแบบนั้นอีก”
“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แม่รักหนูเสมอ”
สถิติและผลการวิจัยสนับสนุน
- WHO (2020) ระบุว่า เด็กทั่วโลกกว่า 1 พันล้านคนประสบกับความรุนแรงทางคำพูดหรือการละเมิดทางอารมณ์ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้า 3 เท่า และปัญหาการใช้สารเสพติด 2 เท่าเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่
- งานวิจัยจาก University of Pittsburgh (2014) พบว่า เด็กที่ถูกพ่อแม่ตะคอกหรือดุด่า มีแนวโน้มพัฒนาความก้าวร้าวและพฤติกรรมต่อต้านสังคมสูงขึ้น 30%
- บทวิจัยจาก Journal of Child Psychology and Psychiatry (2023) ยืนยันว่า การใช้คำพูดที่เสื่อมเสียหรือทำลายความมั่นใจของลูกจะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคซึมเศร้าและ PTSD ถึง 40%
คำพูดที่แม่คิดว่าล้อเล่น มีดกรีดใจลูกทุกวัน
บทความนี้อยากส่งต่อคำเตือนจากมุมมองของจิตวิทยาเด็ก
คำพูดที่คิดว่า “ล้อเล่น” หรือ “แค่พูดไปอย่างนั้น” อาจสร้างบาดแผลทางใจให้ลูกไปตลอดชีวิต คำพูดของแม่คือเสียงสะท้อนในหัวของลูก หากเราเลือกใช้คำพูดที่สร้างพลังบวก เสียงนั้นจะกลายเป็นพลังให้ลูกเติบโต แต่ถ้าเป็น คำพูดทำร้ายจิตใจเด็ก เสียงนั้นจะกลายเป็นเสียงตำหนิที่คอยกรีดซ้ำใจลูกไปตลอด
เพราะฉะนั้น… หยุดคำพูดทำร้ายลูกวันนี้ แล้วเริ่มต้นสร้างโลกที่เต็มไปด้วยคำพูดที่เยียวยาใจลูกได้แล้วนะคะ
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ลูกไม่ได้เกิดมาเพื่อเติมเต็มชีวิตพ่อแม่ อย่าใช้ลูกเติมเต็มชีวิตคุณ!
ลูกเกิดมาต้องเลี้ยงพ่อแม่จริงหรือ? ความกตัญญู ต้องมาจากใจ ไม่ใช่แรงบังคับ
พอได้หรือยัง ตะคอกลูก ทำร้ายจิตใจ ทำลายสมองลูก
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!