X
TAP top app download banner
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
คู่มือสินค้า
เข้าสู่ระบบ
  • อยากท้อง
  • ระยะการตั้งครรภ์
    • โภชนาการ เเม่ท้อง เเม่ให้นม
    • ไตรมาส 1
    • ไตรมาส 2
    • ไตรมาส 3
    • ตั้งชื่อลูก
  • แม่ผ่าคลอด
    • พัฒนาการเด็กผ่าคลอด
    • เตรียมตัวผ่าคลอด
    • สุขภาพเด็กผ่าคลอด
    • คู่มือคุณแม่ผ่าคลอด
    • การดูแลหลังผ่าคลอด
    • โภชนาการเด็กผ่าคลอด
  • หลังคลอด
    • คลอดธรรมชาติ
    • ผ่าคลอด
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • ลูก
    • ทารกแรกเกิด
    • ทารก
    • เด็กวัยหัดเดิน
    • เด็กก่อนวัยเรียน
    • เด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น และวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • ที่เที่ยว
    • เที่ยวไทย
    • เที่ยวต่างประเทศ
    • ที่พัก และ โรงแรม
  • ที่กิน
    • ร้านอร่อย
    • ร้านอร่อยสำหรับเด็ก
    • คาเฟ่
    • เมนูอาหาร
  • ไลฟ์สไตล์
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • TAPpedia
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
  • VIP

ทำไมไม่ควรห้ามเด็กร้องไห้ การห้ามน้ำตา ทำร้ายใจเด็ก มากกว่าที่คิด!

บทความ 5 นาที
ทำไมไม่ควรห้ามเด็กร้องไห้ การห้ามน้ำตา ทำร้ายใจเด็ก มากกว่าที่คิด!

ทำไมไม่ควรห้ามเด็กร้องไห้ การห้ามน้ำตา ทำร้ายใจเด็ก มากกว่าที่คุณคิด! มาดูสิว่ากระทำเหล่านี้ ส่งผลเสียต่อพัฒนาการทางอารมณ์ของเด็กอย่างไร

พ่อแม่รู้หรือไม่ ทำไมไม่ควรห้ามเด็กร้องไห้ วลีคุ้นหูอย่าง “อย่าร้องนะลูก” “ไม่เป็นไรนะ” หรือแม้กระทั่ง “เป็นเด็กดีต้องไม่ร้องไห้สิ” มักถูกใช้ด้วยความหวังดี ว่าลูกจะรู้สึกดีขึ้น และหยุดความเศร้าลงได้ แต่คุณเคยฉุกคิดไหมว่า การกระทำเหล่านี้ กำลังส่งผลเสียต่อพัฒนาการทางอารมณ์ของเด็กในระยะยาว และอาจสร้างบาดแผลในใจที่ยากจะเยียวยา?

ทำไมไม่ควรห้ามเด็กร้องไห้

3 เหตุผลหลัก ทำไมไม่ควรห้ามเด็กร้องไห้

เมื่อการห้ามน้ำตา ทำร้ายใจเด็กมากกว่าที่คุณคิด! มาดูกันสิว่า มีเหตุผลหลัก ๆ อะไรบ้าง ที่เราไม่ควรห้ามลูกร้องไห้

1. การร้องไห้: ภาษาสากลแรกของมนุษย์ที่ถูกละเลย

ตั้งแต่แรกเกิด การร้องไห้ คือ ภาษาแรก และเป็นเครื่องมือสื่อสารที่ทรงพลังที่สุด ของทารก และเด็กเล็ก พวกเขายังไม่สามารถใช้คำพูด เพื่อบอกความต้องการ ความไม่สบายตัว ความหิว ความเจ็บปวด ความกลัว หรือความอึดอัดได้ การร้องไห้จึงเป็นกลไกตามธรรมชาติ ที่ช่วยให้พวกเขาสื่อสารกับโลกภายนอก เมื่อเด็กโตขึ้น การร้องไห้ยังคงเป็นช่องทางในการระบายอารมณ์ที่รุนแรง ไม่ว่าจะเป็นความผิดหวังอย่างรุนแรง ความโกรธที่ควบคุมไม่ได้ ความเสียใจที่กัดกินใจ หรือความอิจฉาที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก การห้ามไม่ให้เด็กร้องไห้ จึงเท่ากับการปิดกั้นช่องทางการสื่อสาร และการแสดงออกทางอารมณ์ ที่สำคัญที่สุดของพวกเขา เปรียบเสมือนการปิดประตูใส่คนที่กำลังพยายามบอกเล่าเรื่องราวที่สำคัญที่สุดในชีวิต!

Advertisement

2. บิดเบือนความเข้าใจเรื่องอารมณ์: สร้างกำแพงกั้นหัวใจ

เมื่อเด็กถูกสอนอย่างสม่ำเสมอ ว่าการร้องไห้เป็นสิ่งไม่ดี เป็นความอ่อนแอ หรือเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง พวกเขาจะเริ่มเรียนรู้ที่จะ เก็บกดอารมณ์ ไม่กล้าแสดงออก ถึงความรู้สึกที่แท้จริง ที่เกิดขึ้นภายในใจ และอาจฝังใจว่า การแสดงความอ่อนแอเป็นเรื่องที่น่าอับอาย การเก็บกดอารมณ์เหล่านี้ จะส่งผลกระทบอย่างร้ายแรง ต่อการพัฒนาความสามารถ ในการจัดการกับความรู้สึกของตัวเองในอนาคต พวกเขาอาจเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่เข้าใจอารมณ์ของตัวเอง ไม่สามารถระบุได้ว่า ตนเองกำลังรู้สึกอะไร หรือไม่เข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น ซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาในการสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่น และอาจนำไปสู่ภาวะทางสุขภาพจิต เช่น ความวิตกกังวล ซึมเศร้า หรือแม้แต่พฤติกรรมก้าวร้าว เมื่อไม่สามารถจัดการกับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านได้

3. สร้างรากฐาน EQ ที่แข็งแกร่ง ด้วยการยอมรับน้ำตา

การปล่อยให้เด็กร้องไห้ ภายใต้การดูแล และการปลอบโยนที่เหมาะสม เป็นโอกาสทองที่ผู้ปกครองจะสามารถสอนให้เด็กรู้จัก และยอมรับอารมณ์ของตัวเอง รวมถึงเรียนรู้ที่จะจัดการกับอารมณ์เหล่านั้น ด้วยวิธีการที่สร้างสรรค์ และปลอดภัย เมื่อลูกร้องไห้ สิ่งที่ผู้ปกครองควรทำ ไม่ใช่การห้าม แต่คือการ อยู่เคียงข้าง รับฟังสิ่งที่พวกเขากำลังเผชิญ และให้ความมั่นใจว่าการรู้สึกเศร้า เสียใจ ผิดหวัง หรือโกรธนั้น เป็นเรื่องปกติ และเป็นส่วนหนึ่งของมนุษย์ การสอนให้เด็ก รู้จักชื่อของอารมณ์เหล่านั้น เช่น “ลูกกำลังเสียใจมากเลยใช่ไหม” หรือ “ลูกโกรธใช่ไหม” และช่วยให้พวกเขาระบายความรู้สึกออกมาอย่างปลอดภัย จะช่วยสร้างรากฐานของ EQ (Emotional Quotient) หรือความฉลาดทางอารมณ์ ที่แข็งแกร่ง และพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาทางอารมณ์ รวมถึงการรับมือกับความผิดหวังในชีวิต ได้อย่างมีวุฒิภาวะในระยะยาว

ทำไมไม่ควรห้ามเด็กร้องไห้

ประโยชน์ของการร้องไห้: กลไกธรรมชาติเพื่อสุขภาพที่ดี ตามหลักวิทยาศาสตร์

การร้องไห้ ไม่ได้เป็นเพียงการแสดงออกทางอารมณ์เท่านั้น แต่ยังเป็นกระบวนการทางชีวภาพ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และจิตใจอย่างน่าทึ่ง

1. ปลดปล่อยสารพิษทางอารมณ์ และลดความเครียด

นักวิทยาศาสตร์พบว่า น้ำตาที่เกิดจากอารมณ์ (emotional tears) มีองค์ประกอบทางเคมี ที่แตกต่างจากน้ำตา ที่เกิดจากการระคายเคือง (reflex tears) น้ำตาทางอารมณ์ มีแนวโน้มที่จะมีฮอร์โมนความเครียดบางชนิด เช่น คอร์ติซอล (cortisol) และสารพิษอื่น ๆ ที่สะสมในร่างกาย เมื่อเกิดความเครียด การร้องไห้จึงเป็นกลไกธรรมชาติ ที่ช่วยขับสารเหล่านี้ออกจากร่างกาย ซึ่งอาจช่วยลดระดับความเครียดสะสม และทำให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้นได้ หลังจากการระบายอารมณ์

2. กระตุ้นระบบประสาทพาราซิมพาเทติก และส่งเสริมการผ่อนคลาย

การร้องไห้ที่รุนแรง มักจะตามมาด้วยการหายใจลึก ๆ และการถอนหายใจ ซึ่งเป็นกลไกที่ช่วยกระตุ้นระบบประสาทพาราซิมพาเทติก (Parasympathetic Nervous System – PNS) ระบบนี้มีหน้าที่ช่วยให้ร่างกายเข้าสู่สภาวะ “พักผ่อนและย่อยอาหาร” (rest and digest) โดยการลดอัตราการเต้นของหัวใจ ความดันโลหิต และทำให้หายใจช้าลง ส่งผลให้ร่างกายและจิตใจ รู้สึกสงบและสบายใจขึ้น หลังจากร้องไห้ การกระตุ้น PNS นี้เป็นสิ่งสำคัญ ในการฟื้นฟูร่างกาย จากสภาวะตึงเครียด

3. บรรเทาความเจ็บปวด และปรับสมดุลอารมณ์

การร้องไห้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสะอึกสะอื้นเป็นเวลานาน สามารถกระตุ้นการหลั่งสารสื่อประสาทบางชนิดในสมอง เช่น ออกซิโทซิน (oxytocin) และเอนดอร์ฟิน (endorphins) ซึ่งเป็นสารเคมีที่ทำให้รู้สึกดี และมีคุณสมบัติในการช่วยบรรเทาความเจ็บปวด ทั้งทางกายและทางใจ สารเหล่านี้ช่วยให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลายและเป็นสุข ทำให้สามารถกลับมาควบคุมอารมณ์ และมองสถานการณ์ต่างๆ ได้ชัดเจนขึ้น หลังจากการระบายความรู้สึกออกมา

ทำไมไม่ควรห้ามเด็กร้องไห้

เปลี่ยนจากการห้ามเป็นการสนับสนุน: ก้าวแรกสู่ความผูกพันที่ยั่งยืน

แทนที่จะห้ามไม่ให้ลูกร้องไห้ ให้ลองเปลี่ยนแนวคิด และวิธีการ เป็นการ “ทำความเข้าใจและยอมรับ” เมื่อลูกร้องไห้

1. กอดและปลอบโยนอย่างอ่อนโยน

ให้ความรู้สึกปลอดภัย ความรัก และความมั่นใจ ว่าคุณอยู่เคียงข้างพวกเขาเสมอ การสัมผัสที่อบอุ่น จะช่วยปลอบประโลมจิตใจได้ดีที่สุด

2. รับฟังด้วยความใส่ใจ

การที่ผู้ปกครองตั้งใจฟัง และพยายามทำความเข้าใจ สิ่งที่ลูกกำลังพยายามสื่อสารผ่านการร้องไห้ สีหน้า หรือท่าทาง จะช่วยให้ลูกรู้สึกว่า ตนเองได้รับการใส่ใจและเข้าใจ

3. ให้พื้นที่และเวลา

อนุญาตให้ลูกได้ระบายความรู้สึกออกมาอย่างเต็มที่ อย่าเร่งให้พวกเขาหยุดร้องไห้ แต่ให้พื้นที่ที่ปลอดภัยสำหรับพวกเขา ได้ปลดปล่อยอารมณ์ที่อัดอั้นออกมา

4. ให้คำอธิบาย และสร้างความเข้าใจ

เมื่อลูกโตพอที่จะเข้าใจ ให้พูดถึงอารมณ์ที่เกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา เช่น “แม่รู้ว่าลูกเสียใจที่ตุ๊กตาหัก” หรือ “พ่อเข้าใจว่าลูกโกรธที่เพื่อนแย่งของเล่นไป” จากนั้นให้ช่วยลูกหาวิธีจัดการกับอารมณ์นั้น เช่น การกอด การหายใจลึก ๆ หรือการขอความช่วยเหลือ

การปล่อยให้ลูกได้ร้องไห้ ไม่ได้หมายถึงการปล่อยให้ลูกร้องแบบไร้ขอบเขต หรือไร้การดูแล แต่เป็นการให้โอกาสพวกเขาได้เรียนรู้ และจัดการกับอารมณ์ที่ซับซ้อนของตัวเอง ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย และเต็มไปด้วยความเข้าใจ ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมให้พวกเขา กลายเป็นผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพจิตแข็งแรง มีความยืดหยุ่นทางอารมณ์ และสามารถรับมือกับความท้าทายในชีวิต ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การยอมรับน้ำตาของลูก คือการสร้างสะพานเชื่อมความผูกพัน ที่แข็งแกร่งและยั่งยืนนะคะ

บทความจากพันธมิตร
การมีสติ ฉบับเด็ก ๆ เป็นอย่างไร ฝึกลูกให้มีสติ ท่ามกลางโลกที่วุ่นวาย
การมีสติ ฉบับเด็ก ๆ เป็นอย่างไร ฝึกลูกให้มีสติ ท่ามกลางโลกที่วุ่นวาย
ส่งเสริมพัฒนาการเด็กยุคใหม่ด้วย ทักษะ Executive Function
ส่งเสริมพัฒนาการเด็กยุคใหม่ด้วย ทักษะ Executive Function
ปี 2567 เด็กป่วยด้วยโรคอะไร? LUMA แบ่งปันสถิติให้เข้าใจมากขึ้น
ปี 2567 เด็กป่วยด้วยโรคอะไร? LUMA แบ่งปันสถิติให้เข้าใจมากขึ้น
Value Health (Kids) ประกันสุขภาพสำหรับลูกน้อย เจ้าของรางวัล Most Promising จากเวที TAP Awards 2023
Value Health (Kids) ประกันสุขภาพสำหรับลูกน้อย เจ้าของรางวัล Most Promising จากเวที TAP Awards 2023

ที่มา: Healthline , Checkup Newsroom

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ห่วงเกินไป ใช่ว่าดี! วิจัยเผย ลูกที่ถูกเลี้ยงแบบตีกรอบ เสี่ยงซึมเศร้า และภาวะวิตกกังวล

มั่นใจเกินร้อย จะถอยยังไง? 5 เคล็ดลับ สอนลูกให้กล้ายอมรับความผิดพลาด

7 วิธีสงบสติอารมณ์เมื่อลูกน้อยร้องไห้ รับมือยังไง ไม่ทำร้ายจิตใจทั้งลูกและแม่

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

Follow us on:
facebook-logo instagram-logo tiktok-logo
img
บทความโดย

PP.

  • หน้าแรก
  • /
  • ชีวิตครอบครัว
  • /
  • ทำไมไม่ควรห้ามเด็กร้องไห้ การห้ามน้ำตา ทำร้ายใจเด็ก มากกว่าที่คิด!
แชร์ :
  • พ่อจ๋าจับท้องหน่อย! วิจัยเผย พ่อลูบท้องแม่บ่อย ๆ ช่วยให้ลูกฉลาด ตั้งแต่ในท้อง!

    พ่อจ๋าจับท้องหน่อย! วิจัยเผย พ่อลูบท้องแม่บ่อย ๆ ช่วยให้ลูกฉลาด ตั้งแต่ในท้อง!

  • ลูกเรียนไม่เก่ง แล้วไง? พ่อแม่ช่วยได้! พลิกวิกฤตสู่ความสำเร็จที่แตกต่าง

    ลูกเรียนไม่เก่ง แล้วไง? พ่อแม่ช่วยได้! พลิกวิกฤตสู่ความสำเร็จที่แตกต่าง

  • เลี้ยงลูกเอง VS ฝากปู่ย่าตายายเลี้ยง แบบไหนดีกว่ากัน?

    เลี้ยงลูกเอง VS ฝากปู่ย่าตายายเลี้ยง แบบไหนดีกว่ากัน?

  • พ่อจ๋าจับท้องหน่อย! วิจัยเผย พ่อลูบท้องแม่บ่อย ๆ ช่วยให้ลูกฉลาด ตั้งแต่ในท้อง!

    พ่อจ๋าจับท้องหน่อย! วิจัยเผย พ่อลูบท้องแม่บ่อย ๆ ช่วยให้ลูกฉลาด ตั้งแต่ในท้อง!

  • ลูกเรียนไม่เก่ง แล้วไง? พ่อแม่ช่วยได้! พลิกวิกฤตสู่ความสำเร็จที่แตกต่าง

    ลูกเรียนไม่เก่ง แล้วไง? พ่อแม่ช่วยได้! พลิกวิกฤตสู่ความสำเร็จที่แตกต่าง

  • เลี้ยงลูกเอง VS ฝากปู่ย่าตายายเลี้ยง แบบไหนดีกว่ากัน?

    เลี้ยงลูกเอง VS ฝากปู่ย่าตายายเลี้ยง แบบไหนดีกว่ากัน?

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
  • พัฒนาการลูก
  • ชีวิตครอบครัว
  • ระยะการตั้งครรภ์
  • โภชนาการ
  • ไลฟ์สไตล์
  • TAP สังคมออนไลน์
  • ติดต่อโฆษณา
  • ติดต่อเรา
  • Influencer Marketing (KOL)
  • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Vietnam flag Vietnam
© Copyright theAsianparent 2025. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว