เคยได้ยินอาการของคนที่กลัวสิ่งต่าง ๆ หรือไม่ เช่น กลัวเข็ม กลัวเครื่องบิน กลัวกระจก กลัวแดด เป็นต้น ถึงจะดูเป็นเรื่องกลัว เรื่องเล็ก ๆ ธรรมดา แต่รู้หรือไม่ว่า อาการกลัวเหล่านี้ อาจเป็น “โรคกลัว (Phobia)” ก็เป็นได้ มาดูกันว่า อาการกลัวต่าง ๆ เหล่านี้ อาจเป็นสัญญาณเตือนอาการทางจิต ของคุณหรือไม่!
โรคกลัวคืออะไร?
โรคกลัว (Phobia) คือ โรคที่ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกกลัว ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของ หรือ สถานการณ์บางอย่างมากเกินกว่าเหตุ หรือ เป็นอาการกลัวอย่างไม่มีเหตุผล ซึ่งอาการของโรคกลัวนี้ จะรุนแรงกว่าอาการวิตกกังวลทั่ว ๆ ไป ผู้ที่เป็นโรคกลัว จะมีอาการกลัวเป็นเวลานาน และมีการตอบสนองทางกาย และใจต่อสิ่งที่กลัวด้วย เช่น อาการเวียนศีรษะ คลื่นไส้ หายใจถี่ เหนื่อยหอบ เป็นต้น สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง อาจมีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้
โรคกลัว มีกี่ชนิด?
โรคกลัว หรือ โฟเบีย มีด้วยกัน 2 ประเภท ได้แก่ โรคกลัวแบบจำเพาะ และโรคกลัวแบบซับซ้อน ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้
1. โรคกลัวแบบจำเพาะ
โรคกลัวแบบจำเพาะ คือ ความรู้สึกกลัวต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ สิ่งของ สถานที่ หรือ กิจกรรมบางอย่าง ซึ่งจะเกิดขึ้นตั้งแต่เด็กไปจนถึงวัยรุ่น อาการกลัวอาจเบาลงเมื่อเราเติบโตขึ้น เช่น โรคกลัวเครื่องบิน กลัวเลือด กลัวแมลง เป็นต้น
2. โรคกลัวแบบซับซ้อน
โรคกลัวแบบซับซ้อน มักเกิดขึ้นในวัยผู้ใหญ่ ซึ่งมีผลมาจากความรู้สึกหวาดกลัว ต่อสถานการณ์บางอย่างที่ติดอยู่ในใจ หรือ สถานการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต โรคกลัวในกลุ่มนี้ ที่พบได้บ่อย ได้แก่
- โรคกลัวชุมชน เป็นความรู้สึกกลัวการอยู่ในที่สาธารณะ ที่โล่งแจ้ง หรือ ที่ที่มีคนพลุกพล่าน หรือ บางคนอาจรู้สึกกลัว เมื่อต้องอยู่ในสถานการณ์คับขัน
- โรคกลัวการเข้าสังคม เป็นอาการกลัวการพูดต่อหน้าผู้อื่นในที่สาธารณะ สถานที่ที่หลับได้ยาก อาจกระตุ้นให้เกิดอาการกลัว
โรคกลัวเกิดจากอะไร?
ปัจจุบันแพทย์ยังไม่สามารถวินิจฉัยโรคกลัวได้แน่ชัด ว่ามีสาเหตุมาจากอะไร แต่พบว่ามีหลายทฤษฎี ที่พยายามอธิบายถึงสาเหตุของอาการกลัวต่าง ๆ เช่น อาจเกิดจากปมในจิตใจ หรือ ประสบการณ์ที่ไม่ดีต่อสิ่งนั้น ๆ เป็นต้น และมีทฤษฎีที่บอกไว้ว่า สาเหตุของโรคกลัว อาจมาจากปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้
- ประสบการณ์ที่เคยกระทบกระเทือนจิตใจ อาจเป็นต้นเหตุของอาการกลัว เช่น ผู้กลัวเข็มฉีดยา อาจมีสาเหตุมาจากความทรงจำฝังใจ ในตอนเด็ก
- การถ่ายทอดทางพันธุกรรม ผู้ที่มีประวัติของคนในครอบครัวเป็นโรคนี้ อาจมีความเสี่ยงได้มากกว่าคนทั่วไป
- การเรียนรู้จากสิ่งรอบตัว เช่น พฤติกรรมของคนใกล้ชิด และ ลักษณะการเลี้ยงดูตั้งแต่เด็ก
- กระบวนการทำงานของสมอง เกิดความผิดปกติ
การรักษาโรคกลัว
โรคกลัว อาจไม่ได้เป็นโรครุนแรง หรือเป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่โรคกลัวสามารถลดอาการได้ ด้วยการหลีกเลี่ยงสิ่งที่ก่อให้เกิดความกลัว แต่หากมีอาการโรคที่รุนแรง ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน หรือสุขภาพ ก็ควรเข้าพบแพทย์ เพื่อรับการวินิจฉัย และรักษา โดยวิธีการรักษามีหลากหลายวิธี ดังนี้
-
จิตบำบัด
การรักษาด้วยวิธีจิตบำบัด หรือ การปรึกษาแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต เพื่อเรียนรู้วิธีการรับมือกับความกลัว หรือ อาจให้ผู้ป่วยทำรบำบัดจิตใจ ดังนี้
- เผชิญหน้ากับความกลัว โดยให้ผู้ป่วยเรียนรู้การรับมือกับความกลัว ด้วยการค่อย ๆ เผชิญหน้ากับสิ่งทีกลัวทีละน้อย และปรับระดับความใกล้ชิดต่อสิ่งนั้น เช่น ผู้ที่มีความกลัวแมลงสาป อาจค่อย ๆ บำบัดด้วยการ ให้ดูรูปภาพของแมลงสาป ลองมองตัวจริง จากนั้นจึงให้ลองจับ ตามลำดับ แต่วิธีการบำบัดลักษณะนี้ ควรทำภายใต้คำแนะนำของแพทย์เท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดอาการแทรกซ้อนอันตรายอื่น ๆ
- การบำบัดพฤติกรรม คือ การปรับเปลี่ยนวิธีคิด และ พฤติกรรมเพื่อรับมือความกลัว โดยแพทย์อาจชีแนะให้ผู้ป่วย ได้เข้าใจถึงความคิด และพฤติกรรมที่ผิดปกติ ควบคู่ไปกับร่วมกันทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยได้เรียนรู้ การรับมือกับความกลัวด้วยตัวเอง เมื่อต้องตกอยู่ในสภาพวะคับขัน
2. การรับประทานยา
ในบางกรณี แพทย์อาจจ่ายยาให้ผู้ป่วยไปรับประทาน เพื่อบรรเทาอาการวิตกกังวล หรือ อาการตื่นกลัว ซึ่งก่อนที่แพทย์จะพิจารณาใช้ยากับผู้ป่วย แพทย์อาจให้ผู้ป่วยเข้ารับการบำบัดก่อน สำหรับยาที่แพทย์จะจ่ายให้ผู้ป่วย มีดังนี้
- ยาต้านอาการซึมเศร้า ซึ่งจะเป็นยาที่ช่วยคลายความกังวล ซึ่งผู้ป่วยจะต้องเข้าพบแพทย์เป็นประจำ เพื่อปรับการใช้ยาร่วมกัน และผู้ป่วยไม่ควรหยุดยาด้วยตัวเอง เพราะอาจทำให้เกิดอาการถอนยา และมีผลต่อสุขภาพร่างกายได้
- ยาคลายเครียด เป็นยาที่แพทย์นำมาช่วยคลายความกังวล ซึ่งต้องใช้ตามปริมาณที่แพทย์จ่ายเท่านั้น เพราะกลุ่มยานี้ หากมีการใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดอาการเสพติดได้ ซึ่งการหยุดยา จะทำให้มีผลเสียต่อร่างกายของผู้ป่วยได้
- เบต้าบล็อกเกอร์ เป็นยาลดความดันโลหิต ซึ่งแพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วยใช้ยาชนิดนี้ เพื่อช่วยลดอาการที่เกิดจากความวิตกกังวล เช่น หัวใจสั่น ใจเต้นเร็ว ความดันสูงขึ้น แขนขาสั่น เป็นต้น
โรคเครียดไม่ใช่โรคร้ายแรง และไม่ได้ส่งผล ต่อสุขภาพร่างกายของผู้ป่วยมาก แต่โรคเครียดก็เป็นภาวะทางจิดตชนิดหนึ่ง ซึ่งหากมีภาวะกลัวรุนแรง อาจทำให้มีผลกระทบต่อชีวิต และสภาพจิตใจได้ ดังนั้นใครที่มีความเสี่ยง ที่อาการจะรุนแรงขึ้น ก็ควรเข้าพบแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อทำการบำบัดรักษาต่อไป
ที่มาข้อมูล bumrungrad pobpad
บทความที่น่าสนใจ
โรคแพนิคในเด็ก อาการตกใจกลัวอย่างรุนแรง รับมืออย่างไรดี?
19 ความกลัวแปลก ๆ ของเจ้าตัวเล็ก
5 สัญญาณบ่งบอก โรคกลัวการเข้าสังคม โรคกลัวคนเยอะ ของลูก
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!